"คุณ..น้ำมูกไหล เป็นหวัดนี่ เอายาลดน้ำมูกไหมผมมีติดตัวมาเยอะเลย" ประโยคที่ได้ยินเมื่อวาน ทำให้เกิดความสงสัยว่ายาแก้แพ้เนี่ยมันรักษาอาการหวัดได้จริงหรือ
มีการศึกษาแบบ meta analysis หลายอันที่ศึกษาเรื่องนี้ และกล่าวไปในทางเดียวกันทุกอัน ผมยกของ Cochrane Review พฤศจิกายน 2015 มาเล่าให้ฟังประกอบกับ Harrison Internal Medicine 19 th หนังสือที่พกติดตัวมาเล่มเดียว
โรคหวัดเป็นโรคติดเชื้อ ตัวก่อโรคคือไวรัสโดยเฉพาะ Rhinovirus และ Adenovirus ติดต่อและก่อโรคที่ทางเดินหายใจส่วนบน มีอาการไข้ครั่นเนื้อครั่นตัว ไอ มีน้ำมูก จาม เชื่อว่ากลไกที่ทำให้มีน้ำมูกและจมูกบวม ออกจะคล้ายๆปฏิกิริยาของภูมิแพ้จมูกผ่าน type I hypersensitivity reaction
จึงมีการใช้ยาแก้แพ้ในการลดอาการ ยาแก้แพ้ที่ว่าคือยาต้านฮิสตามีน ปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิดที่หนึ่งเช่นคัดจมูกน้ำมูกไหลเฉียบพลัน ผื่นคันลมพิษ พวกนี้แสดงผลผ่านทางการฮิสตามีน ถ้าเราใส่ยาที่ออกฤทธิ์ต้านฮิสตามีน น่าจะส่งผลดี
โรคหวัดเป็นโรคติดเชื้อ ตัวก่อโรคคือไวรัสโดยเฉพาะ Rhinovirus และ Adenovirus ติดต่อและก่อโรคที่ทางเดินหายใจส่วนบน มีอาการไข้ครั่นเนื้อครั่นตัว ไอ มีน้ำมูก จาม เชื่อว่ากลไกที่ทำให้มีน้ำมูกและจมูกบวม ออกจะคล้ายๆปฏิกิริยาของภูมิแพ้จมูกผ่าน type I hypersensitivity reaction
จึงมีการใช้ยาแก้แพ้ในการลดอาการ ยาแก้แพ้ที่ว่าคือยาต้านฮิสตามีน ปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิดที่หนึ่งเช่นคัดจมูกน้ำมูกไหลเฉียบพลัน ผื่นคันลมพิษ พวกนี้แสดงผลผ่านทางการฮิสตามีน ถ้าเราใส่ยาที่ออกฤทธิ์ต้านฮิสตามีน น่าจะส่งผลดี
นอกจากนี้ ยาต้านฮิสตามีน ยังมีฤทธิ์ต้านสารสื่อประสาทโคลิเนอร์จิก ระบบประสาทอัตโนมัติของร่างกายทำให้มีอาการปากแห้ง จมูกแห้ง (ก็เลยหยิบมาใช้ลดน้ำมูก) ตาลาย ท้องผูก ขับปัสสาวะยาก และหน้ามืดล้มเวลาลุกนั่งซึ่งข้อสุดท้ายนี้อันตรายมากสำหรับผู้สูงวัย
ยาต้านฮิสตามีนรุ่นแรกเช่น คลอร์เฟนิรามีน ไฮดรอกซีซีน จะผ่านเข้าไปออกฤทธิ์ในสมองทำให้ง่วงซึมด้วย ส่วนยาต้านฮิสตามีนรุ่นหลังๆเช่น cetirizine loratadine fexophenadine desloratadine จะผ่านเข้าสมองลดลง ทำให้ง่วงซึมน้อยกว่า แต่ก็จะมีผลต้านโคลิเนอร์จิกน้อยกว่า ลดน้ำมูกได้ไม่ดีเท่ารุ่นเก่าๆ
ยาต้านฮิสตามีนรุ่นแรกเช่น คลอร์เฟนิรามีน ไฮดรอกซีซีน จะผ่านเข้าไปออกฤทธิ์ในสมองทำให้ง่วงซึมด้วย ส่วนยาต้านฮิสตามีนรุ่นหลังๆเช่น cetirizine loratadine fexophenadine desloratadine จะผ่านเข้าสมองลดลง ทำให้ง่วงซึมน้อยกว่า แต่ก็จะมีผลต้านโคลิเนอร์จิกน้อยกว่า ลดน้ำมูกได้ไม่ดีเท่ารุ่นเก่าๆ
อันนี้คือข้อมูลทางการแพทย์ที่เราใช้ยาต้านฮิสตามีนมาใช้ลดน้ำมูกในโรคหวัด ทั้งๆที่การศึกษาส่วนมากเขาทำในโรคภูมิแพ้ เราลองมาดูซิว่าหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ใช้ยาต้านฮิตามีนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ในการรักษาโรคหวัดมันดีจริงหรือ
การศึกษานี้ได้รวบรวมการศึกษาทดลองทางการแพทย์ที่เรียกว่า randomised controlled trials 18 การศึกษาที่ดี ป่วยเป็นโรคหวัดมีน้ำมูกอาการไม่นาน ไม่ใช่ภูมิแพ้ เอามาดูซิว่าผลการลดน้ำมูกดีไหม แต่ต้องบอกก่อนว่า ผลการลดน้ำมูกส่วนมากวัดเป็นการสอบถามและความรู้สึก ส่วนหนึ่งโรคมันจะดีขึ้นเองอยู่แล้วด้วย และเมื่อกินยาเข้าไปจะมี placebo effects คือ "รู้สึก" ว่าดีขึ้นอีกส่วนหนึ่งด้วย ได้กลุ่มคนมา 4,300 กว่าคน เป็นการศึกษาในเด็ก 200 กว่าคน พบดังนี้
1. ยาจะช่วยลดอาการได้จริงตามความรู้สึก ในสองวันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะไม่แตกต่างกับการไม่ใช้ยา (OR 0.74 95%CI 0.60-0.92)
2. ยากลุ่มเก่าที่ว่าง่วงๆ ลดอาการจาม น้ำมูกไหล คัดจมูกได้ดีกว่ายากลุ่มใหม่เล็กน้อย แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (หรือมันหายเองก็ไม่ทราบได้)
3. ผลการง่วงซึม พบกว่ายากลุ่มใหม่ง่วงซึมน้อยกว่ายากลุ่มเก่า แต่ก็ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (แต่อย่าลืมว่าเขาใช้ยาช่วงสั้นๆเองนะ)
4. ข้อมูลในเด็ก พบว่ายากลุ่มเก่าและยากลุ่มใหม่ ไม่มีประโยชน์หรือโทษที่แตกต่างกันเลย และ ไม่ได้มีประโยชน์มากไปกว่าไม่ได้ยาด้วยนะ
ผลสรุปสี่ข้อ ออกมาว่าก็ไม่ได้สนับสนุนให้ใช้โดยเฉพาะในเด็ก และ ในผู้ใหญ่ต้องระมัดระวังผลข้างเคียงให้ดี ข้อห้ามใช้ให้ดี สำหรับการรักษาอาการจมูกบวมจากหวัด
ถ้าทนได้ก็ให้สั่งน้ำมูก ดื่มน้ำ โรคจะหายเอง หรือถ้ารำคาญอาจเลือกวิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสะอาด และถ้าไม่ไหวจริงๆอาจเลือกใช้ยาได้ ในช่วงสั้นๆครับ
ถ้าทนได้ก็ให้สั่งน้ำมูก ดื่มน้ำ โรคจะหายเอง หรือถ้ารำคาญอาจเลือกวิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสะอาด และถ้าไม่ไหวจริงๆอาจเลือกใช้ยาได้ ในช่วงสั้นๆครับ
อาการเย็น รักษาสุขภาพด้วย
เป็นห่วงทุกคน รักนะ
แอดมิน
เป็นห่วงทุกคน รักนะ
แอดมิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น