จากข่าวสั้นเมื่อวันก่อนเรื่องวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หลายท่านก็เริ่มสงสัยในวัคซีนว่าฉีดไปก็ยังเป็นไข้หวัดอยู่ดี จะฉีดต่อดีไหม จึงอยากมาบอกคร่าวๆว่า อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปบ้าง เพราะข่าวการระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่แต่ละปีออกมานั้นดูช่างน่ากลัว
อย่างแรกก่อน การระบาดนั้นอาจเพิ่มระดับการเฝ้าระวังและการสอบสวนโรค คือ ทำการเฝ้าระวังทุกรายที่มีอาการแต่ว่าจะถือว่ารายนั้นเป็นเมื่อมีการยืนยัน confirmed case การสงสัยเพื่อเพิ่มระดับการระวังมักออกข่าวแต่ว่ารายที่ได้รับการยืนยันจริงเท่าไร มีแต่รายงานทางวิชาการ ไม่ได้ออก CNN แต่อย่างใด ข่าวจะเพิ่มความตระหนกกับคนที่มีอาการไข้หวัดว่าฉันจะเป็นแบบในข่าวหรือไม่
ทำให้เวลาเป็นหวัดขึ้นมาทุกคนมักจะได้รับการตรวจคัดกรองโรคไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus) และได้รับการแปลผลต่างๆไป
ทำให้เวลาเป็นหวัดขึ้นมาทุกคนมักจะได้รับการตรวจคัดกรองโรคไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus) และได้รับการแปลผลต่างๆไป
จริงอยู่ว่าอาการของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่อาการจะคล้ายกันมาก ในคนแข็งแรงดีแทบไม่ต่างกัน แต่ในคนที่ร่างกายอ่อนแอ มีโรคปอด เด็ก จะมีอาการที่รุนแรงและส่วนมากเป็นอาการทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น ไอ หอบ จนไปถึงระบบการหายใจล้มเหลว
ดังนั้น ข้อมูลเรื่องฤดูระบาด การสัมผัสแหล่งโรค โรคร่วมที่เป็นโดยเฉพาะโรคปอด จะมีส่วนสำคัญมากในการวินิจฉัย และเมื่อไปใช้ร่วมกับผลตรวจจะทำให้แม่นยำขึ้น
ประวัติการได้รับวัคซีน...ไม่มีส่วนสำคัญในการวินิจฉัยหรือให้การรักษา ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ฉีดวัคซีนนะครับ มันเป็นคนละส่วนกัน
ประวัติการได้รับวัคซีน...ไม่มีส่วนสำคัญในการวินิจฉัยหรือให้การรักษา ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ฉีดวัคซีนนะครับ มันเป็นคนละส่วนกัน
ทำไมต้องแยกด้วย...ในเมื่อมันเป็นไวรัสอย่างไรก็หายเองได้ ...มันก็จริงส่วนหนึ่งที่ว่าหายเองได้ จริงเฉพาะคนที่แข็งแรงดีและโอกาสเกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อนต่ำๆเท่านั้น สำหรับไข้หวัดใหญ่จะต่างจากไข้หวัดตรงที่ ไข้หวัดใหญ่สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อนรุนแรงได้ และโอกาสเกิดโรคจะเกิดกับคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง
เราจึงต้องแยกว่าใช่หรือไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ และ คนที่ติดเชื้อนั้นแข็งแรงหรือไม่แข็งแรง และการรักษาไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่เริ่ม คือ ภายใน 48 ชั่วโมงแรกจะมีประสิทธิภาพสูง (ในบางกรณีการรักษาหลัง 48 ชั่วโมงแรกยังพอมีประโยชน์ เช่น โอกาสเกิดโรคแทรกสูงๆ หรือ ต้องเข้มรักษาในโรงพยาบาล หรือ หายใจล้มเหลว)
เราจึงต้องแยกว่าใช่หรือไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ และ คนที่ติดเชื้อนั้นแข็งแรงหรือไม่แข็งแรง และการรักษาไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่เริ่ม คือ ภายใน 48 ชั่วโมงแรกจะมีประสิทธิภาพสูง (ในบางกรณีการรักษาหลัง 48 ชั่วโมงแรกยังพอมีประโยชน์ เช่น โอกาสเกิดโรคแทรกสูงๆ หรือ ต้องเข้มรักษาในโรงพยาบาล หรือ หายใจล้มเหลว)
แข็งแรง ไม่แข็งแรง...ดูง่ายกว่า เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี, ชราเกิน 60, ตั้งครรภ์, มีโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน เอชไอวี ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันต่ำ ขาดอาหาร คนกลุ่มนี้ถ้าติดเชื้อไข้หวัดอาจไม่มีอันตรายมากมาย แต่ว่าไข้หวัดใหญ่จะทำให้เกิดอัตราตาย ผลแทรกซ้อนมากมายได้
ติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ ... อาการก็แยกยากจากโรคหวัด ตรวจร่างกายและเอกซเรย์ก็แยกยากจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เราจึงต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการมาช่วย..ร่วมกับ ..ข้อมูลการระบาดในเวลานั้นของท้องถิ่นนั้นๆมาประกอบการแปลผล เสมอ !!!
ติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ ... อาการก็แยกยากจากโรคหวัด ตรวจร่างกายและเอกซเรย์ก็แยกยากจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เราจึงต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการมาช่วย..ร่วมกับ ..ข้อมูลการระบาดในเวลานั้นของท้องถิ่นนั้นๆมาประกอบการแปลผล เสมอ !!!
ห้ามจับตรวจทดสอบแล้วเห็นว่าได้ผลอย่างไรก็แปลตามนั้น ไม่ได้ ไม่ได้ โน้ว โนว...
การทดสอบที่ถือว่าแม่นยำและเป็นมาตรฐานคือการตรวจ RT-PCR ได้ผลในไม่กี่ชั่วโมง ความไวและความจำเพาะสูง แยกชนิดไวรัส Influenza Aและ B ได้ แยกแอนติเจนของไวรัสชนิดเอ HxNx ได้ด้วย ถือว่าดีมากเพราะการแยกได้จะส่งผลต่อการให้ยารักษาแต่ละชนิดครับ แต่ในทางปฏิบัติเราทำได้ยาก ที่เรามักจะใช้กันคือ Rapid Diagnostic test เป็นการตรวจหาแอนติเจน หรือชิ้นส่วนของไวรัส
การทดสอบนี้ผลที่ออกมาแล้วแต่ว่าใช้ของบริษัทใด บางบริษัทแยกชนิด Aและ B บางบริษัทตรวจได้แต่ชนิด A การตรวจแบบนี้มีความไวในการวินิจฉัยไม่สูง 40-60% แต่มีความจำเพาะสูง หมายความว่ามีโอกาสที่เราเป็นโรคแล้วตรวจไม่พบได้ การแปลผลจึงต้องอาศัย การระบาดของโรคด้วย
การทดสอบนี้ผลที่ออกมาแล้วแต่ว่าใช้ของบริษัทใด บางบริษัทแยกชนิด Aและ B บางบริษัทตรวจได้แต่ชนิด A การตรวจแบบนี้มีความไวในการวินิจฉัยไม่สูง 40-60% แต่มีความจำเพาะสูง หมายความว่ามีโอกาสที่เราเป็นโรคแล้วตรวจไม่พบได้ การแปลผลจึงต้องอาศัย การระบาดของโรคด้วย
ถ้าผลออกมาเป็นบวก ในฤดูระบาด หรือมีการสัมผัสโรคในบริเวณที่เป็นพื้นที่ปิด เช่น ในโรงเรียน ค่ายลูกเสือ บ้านพักคนชรา อย่างนี้ถือว่าโอกาสบวกจริงสูงมาก แต่ถ้าไม่มีประวัติสัมผัสโรคก็มีโอกาสบวกปลอมสูงมากเช่นกัน
ถ้าผลออกมาเป็นลบ นอกฤดูระบาดหรือไม่ได้สัมผัสโรค ก็ถือว่าโอกาสลบจริงสูงมาก แต่ถ้าอยู่ในช่วงพีคๆของการระบาด แถมอยู่ในห้องเดียวกับคนที่ป่วยสักสัปดาห์มาแล้วมีอาการไข้หวัดใหญ่ เอามาตรวจผลเป็นลบอันนี้แหละที่ต้องระวังว่าโอกาสลบปลอมสูงมาก
ถ้าผลออกมาเป็นลบ นอกฤดูระบาดหรือไม่ได้สัมผัสโรค ก็ถือว่าโอกาสลบจริงสูงมาก แต่ถ้าอยู่ในช่วงพีคๆของการระบาด แถมอยู่ในห้องเดียวกับคนที่ป่วยสักสัปดาห์มาแล้วมีอาการไข้หวัดใหญ่ เอามาตรวจผลเป็นลบอันนี้แหละที่ต้องระวังว่าโอกาสลบปลอมสูงมาก
ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลปลอมขึ้นให้ส่งตรวจวิธีอื่นเพิ่มเติมครับ ดังนั้นกว่าที่จะวินิจฉัย "ไข้หวัดใหญ่" ต้องมีกระบวนการพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้นการพิจารณาให้ยาชนิดต่างๆ หรือตามโอกาสการเกิดโรคแบบต่างๆ ก็จะมีกระบวนการที่ซับซ้อนมากขึ้น ภายใต้ความจริงที่ว่า "ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ มีผลข้างเคียงแทรกซ้อนที่ต่างกันมาก" นั่นเอง
การตรวจ วินิจฉัยและรักษาแบบต่างๆ ของ CDC และ IDSA สองอันนี้ สำหรับผมคิดว่าคือสุดยอดของไข้หวัดใหญ่แล้ว ใครสนใจไปดาวน์โหลดมาอ่านได้ ผมทำลิงค์มาให้แล้ว ที่สำคัญ ฟรีตามเคย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น