ด้วยความที่อายุรแพทย์ทุกสาขานั้นมีอาวุธหลัก อาวุธหนัก ที่ใช้รักษาคนไข้คือยา ดังนั้นสิ่งที่จะต้องพบปะพบเจอตลอดคือตัวแทนยาและบริษัทยา
หลายๆท่านอาจจะเคยเห็นผู้แทนยาเข้ามาพบแพทย์ หลายๆท่านอาจจะเห็นเคมเปญประชุมที่สนับสนุนโดยบริษัทยา หลายๆคนก็คิดว่ามันมีประโยชน์ทับซ้อนกันระหว่างธุรกิจการค้าและการรักษาคนไข้หรือไม่ อันนี้แล้วแต่มุมมองครับ
บริษัทผลิตและจำหน่ายยา แน่นอนก็ย่อมต้องการกำไรจากการทำธุรกิจเพื่อเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงคนงาน เป็นสัมมาชีพอย่างหนึ่งเพียงแต่สิ่งที่เขาผลิตคือหนึ่งในปัจจัยสี่ของเรา ยา จึงจำเป็นต้องมีมาตรการมากำกับดูแล เหมือนสร้างบ้าน ทำอาหาร ทำเสื้อผ้าเช่นกัน โลกแห่งความจริงคงไม่ได้เป็นสีขาว แต่ก็จะมีการเคลื่อนที่ของสีขาว เทา ดำ ตามหลักจริยธรรมและเงินตรา
บริษัทยาจะมีกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ออกมาดีและเพื่อธำรงรักษาชื่อเสียงของบริษัท ยิ่งเป็นบริษัทยาข้ามชาติเรื่องตรงนี้สำคัญ ดังนั้นประเด็นที่จะมาต่อสู้ทางธุรกิจส่วนมากจะเป็นเรื่องการตลาดและข้อมูล
ความจริงคือการศึกษาในเรื่องยาและผลิตภัณฑ์หลายชนิดก็มีการสนับสนุนในแง่ต่างๆจากบริษัทยาผู้ผลิต แล้วเราจะแน่ใจอย่างไรว่าเขาจะไม่ทำเพื่อตัวเขาเอง จริงๆแล้วเขาก็ทำนั่นแหละแต่ทำภายใต้กรอบกำหนดว่า ไม่เป็นการชี้นำหรือชักพาให้เกิดผลแห่งประโยชน์จนบดบังมนุษยชาติ ตัวบริษัทเองทราบจุดนี้ดีและพยายามไม่ฝ่าฝืน ตัวผู้วิจัยก็ทราบดี ที่เหลือก็คือตัวผู้นำไปใช้ ต้องทราบและรู้เท่าทัน ความรู้หลายอย่างเราก็ได้จากงานวิจัยนี่แหละครับ ความก้าวหน้าทางการแพทย์หลายครั้งก็ต้องมีการลงทุน มีกำไร มีชีวิตคน ซึ่งปัจจุบันมีจริยธรรมและหน่วยงานคอยกำกับให้โปร่งใส เรียกว่าใครซ่อนเร้นก็อยู่ยากในยุคข้อมูลมากมายแบบนี้
เมื่อข้อมูลแห่งการใข้ยามีแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการจัดการข้อมูลและการบริหารการตลาด แน่ละเขามีนักการตลาด และส่งรายละเอียดอันนั้นมายัง ผู้แทนยา
ผู้แทนยาก็จะต้องทำงานจิปาถะมาก ตั้งแต่ส่งข้อมูลให้แพทย์ เภสัช ทีมการตลาด คอยดูแลยอดขายการจัดการ จัดงานอีเว้นต์ และขายตรงผลิตภัณฑ์..เพราะผลิตภัณฑ์ยาพวกนี้โฆษณาไม่ได้ไงครับ (ส่วนใหญ่นะ) แล้วผู้ใช้จะทราบได้อย่างไร ก็นี่แหละทางที่จะทราบ
ไม่ได้หมายความว่าเราจะฟังทุกอย่างจาก บริษัทและตัวแทนนะครับ เราก็ฟังตำรา วารสาร และความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญมาชั่งน้ำหนักด้วย ท่านไม่ต้องกลัวว่าเราจะฟังแต่ข้อมูลด้านเดียว เพราะการนำเสนอข้อมูลในระยะเวลาสั้นๆที่ผู้แทนมาพบหมอนั้น ยากที่นะได้รายละเอียดครบ เขาจึงต้องส่ง ใจความและข้อความสำคัญมากกว่า ที่จะให้ผลบวกกับผลิตภัณฑ์ (แน่ละ ใครจะให้ผลลบ) รวมทั้งข้อจำกัด ข้อห้ามต่างๆก็นำเสนอนะครับ
นี่คือหน้าที่หลัก
ส่วนนอกเหลือจากนั้น คือ เทคนิคการเข้าถึง การนำเสนอ มันเป็นของประกอบการส่งข้อมูลหลักเท่านั้น ปากกาที่แจก กาแฟที่ซื้อมาฝาก หนังสือที่นำมาให้อ่าน แผ่นซีดีงานประชุม แล้วแต่ใครจะมีเทคนิคอย่างไร ภายใต้ข้อกำหนดของราชวิทยาลัยแพทย์กับหน่วยงานควบคุมเรื่องผลประโยชน์ทางจริยธรรมและธุรกิจ ใช่ครับ ไม่ใช่จะมีของกำนัลได้ทุกอย่าง มีข้อกำหนดเหมือนข้าราชการอื่นๆ นักการเมืองเช่นกัน ส่วนมากก็จะเป็นขนมนมเนย อุปกรณ์เครื่องเขียน สื่อการเรียน
ถ้าข้อมูลหลักเรื่องผลิตภัณฑ์ไม่ดีพอ ไม่แน่นพอ ของพวกนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนะครับ มันเป็นแค่อุปกรณ์ ส่วนควบของข้อมูลหลักเท่านั้น
บางคนเข้ามาแต่งตัวสวย ยิ้มแย้มสวัสดี จนเป็นที่สงสัยว่าจะสวยอะไร สวยไปไหน ...อันนี้ก็แน่นอนนะครับ มีพนักงานขายคนไหนแต่งตัวซอมซ่อ หน้าบูด ไปเสนองานบ้างครับ และอย่สลืมว่าที่เขามาคือโรงพยาบาล สถานที่แห่งทุกข์ ดังนั่นเวลาพวกเขามาจึงดูมีออร่ามากขึ้นด้วย น้องๆผู้แทนเคยบอกว่า เขาแต่งตัวแบบนี้เดินย่านธุรกิจในกทม. ก็ไม่ต่างจากคนอื่น แต่พอเข้ามาในโรงพยาบาล มันเด่นเด้งขึ้นมาทันที
แต่อย่างว่า มันคืออุปกรณ์และส่วนควบเท่านั้น ของจริงของแท้คือ ข้อมูลและการจัดการทางการตลาดต่างหาก
ส่วนหมอคนไหนชอบการนำเสนอแบบใด ก็ต้องแล้วแต่คน บางคนก็ชอบนำเสนอสั้น บางคนก็ชอบแบบเต็ม บางคนชอบฟังไปกินไป อันนี้แล้วแต่การนำเสนอของแต่ละคนว่าจะตรงใจหรือไม่
ผู้แทนที่เข้ามาพบผมส่วนมากดูๆแล้วเหมือนมาสอบเอ็นทรานซ์ สอบ GAT มีมาทั้งเพาเวอร์พอยต์ เอกสารปึกใหญ่ วารสารมากมาย ตึงเครียดราวกับสัมภาษณ์งาน แต่พอไปพบอีกหมอท่านอื่นก็อาจจะเฮฮาปาจิงโกะก็มีนะครับ
เฮ้ย...ผมใจดีนะ อย่าคิดว่าโหดและดุ
ใครอยากรู้เบื้องลึกของผู้แทนและบริษัทยา ในแง่การตลาด การทำงาน ความยากในการทำงาน ไม่ได้สบายเฉิดฉายอย่างที่เห็น อ่านเล่มนี้ครับ แต่อยู่ในรูปแบบอีบุ๊คนะครับ ราคา 99 บาท อ่านแล้วมันส์ดี ตีแผ่ได้ตรงเป้า และเป็นจริง
ไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรกับเขานะครับ เพียงแต่อ่านแล้ว เออ...จริงแฮะ คนทั่วไปไม่รู้เลยนะเนี่ย ก็เลยมาแนะนำ และเล่าเรื่องยาและผู้แทนให้ฟังในอาทิตย์หนาวๆแบบนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น