31 ตุลาคม 2565

เลือดออกในฮีโมฟีเลีย

 เลือดออกในฮีโมฟีเลีย

ผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย จะมีเลือดออกง่ายแต่หยุดยากมาก ไม่ว่าจะเกิดแผลเล็กน้อย แผลใหญ่ แผลผ่าตัดที่ได้รับการห้ามเลือดอย่างดี หรือแม้แต่เลือดออกเองก็ตาม (พบบ่อยที่ข้อเพราะกระทบกระแทกบ่อย) สาเหตุเพราะขาดสารการแข็งตัวของเลือด (coagulation factor)
เมื่อเกิดปรากฏการณ์เลือดออก วิธีแก้ไขคือ เติมสารการแข็งตัวลงไป
สารการแข็งตัวที่ใช้เป็นมาตรฐานในปัจจุบันคือ สารการแข็งตัวของเลือดสกัดเข้มข้น สำหรับฮีโมฟีเลีย A คือ แฟกเตอร์ 8 ส่วนฮีโมฟีเลีย B คือ แฟกเตอร์ 9 เรียกว่าแก้ไขตรงจุด เติมในส่วนที่ขาด ในอดีตเราใช้การให้เลือด และสารการแข็งตัวจากเลือด ซึ่งต้องใช้จำนวนมากทำให้มีผลแทรกซ้อนจากการให้สารประกอบของเลือด
สำหรับแฟกเตอร์ 8 มีแบบเป็นผงบรรจุหลอด เวลาใช้ก็ละลายแล้วฉีดโดยขนาดหนึ่งยูนิตต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม เพิ่มแฟกเตอร์ 8 ได้ 2% สำหรับเลือดออกโดยทั่วไปใช้ 20-40 IU/kg ประมาณ 500-1000 iU ต่อครั้ง และยังต้องให้ต่อเนื่องจนเลือดหยุด ประมาณสองถึงสี่หลอด ซึ่งแพงมาก
สำหรับแฟกเตอร์ 9 ก็มีแบบเป็นผงเช่นกัน แต่แฟกเตอร์ 9 ขนาดหนึ่งยูนิตต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม ขนาดแฟกเตอร์จะเพิ่มเพียง 1%
เวลาเลือดออกเราคิดว่าไม่มีแฟกเตอร์เลย ให้จนแฟกเตอร์เพิ่มเป็น 20-40 IU/kg หรือในอวัยวะภายในที่สำคัญอาจต้องให้สูงถึง 50-80 IU/kg ยังมีสูตรให้แฟกเตอร์ขนาดสูงอีกด้วยคือ 80-100 IU/kg
และมีการให้สารการแข็งตัวเลือดแบบป้องกันก่อนเลือดออกอีกด้วย อันนี้ไม่ได้มาเล่าให้ฟังเพราะผู้ป่วยจะจัดการตัวเองได้ดี
แต่ถ้าเราไม่มีแฟกเตอร์สำเร็จรูป ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ของเลือดคือ cryoprecipitate, prothrombin complex concentrate หรือ Fresh Frozen Plasma เพื่อทดแทนแฟกเตอร์ได้ คิดง่าย ๆ cryo หนึ่งถุงมีแฟกเตอร์แปดประมาณ 100 ยูนิต หนึ่งยูนิตต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม เพิ่มแฟกเตอร์แปดได้ 2% นั่นคือใช้ cryo 5-8 ถุงต่อหนึ่งการให้เลือด (ซึ่งต้องให้ทุก 12 ชั่วโมง) จะเห็นว่าใช้ทรัพยากรเลือดมากมายทีเดียว เราจึงนิยมใช้แฟกเตอร์สำเร็จมากกว่าครับ

27 ตุลาคม 2565

วันหยุด ชวนเที่ยว Green Me Organic Farm - เกษตรอินทรีย์ ออร์แกนิค ฟาร์ม

 วันหยุด ชวนเที่ยว

บอกก่อน ... เพจเราค่อนข้างสบาย (ไร้สาระ) วันอาทิตย์ส่วนใหญ่เราจะลงเรื่องราวสบาย ๆ ครับ
สำหรับอาทิตย์นี้ พามาฟอกปอดที่ Green Me Organic Farm - เกษตรอินทรีย์ ออร์แกนิค ฟาร์ม
อยู่ไม่ไกลจากปากช่องและเขาใหญ่นะครับ เดินทางจากกทม. ประมาณสองชั่วโมงเท่านั้น
พื้นที่นี้เดิมทีคุณเจ้าของเขาตั้งใจทำฟาร์มส่วนตัวสไตล์ผสมผสาน ไทย-อังกฤษ แต่พอทำไปทำมา ผักปลอดสารมีมากไป เลยเอามาขายและขยายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร
เข้าไปเราจะเจอร้านกาแฟตกแต่งสไตล์อังกฤษ และตอนนี้จัดธีมฮาโลวันด้วย เป็นฮาโลวีนที่น่ารักทีเดียว
คาเฟ่ด้านหน้ามีกาแฟ ช็อกโกแลต ขนมสโคน อาหารเบา ๆ ที่สำคัญคือวัตถุดิบส่วนมากอยู่ในฟาร์ม ทำมือ ทำให้สดมาก แค่แวะถ่ายรูปก็มีความสุขแล้วครับ
ช่วงนี้อากาศดี ช่วงบ่ายอุณหภูมิ 22 องศา รายล้อมด้วยต้นไม้ สดชื่นมาก
ที่ฟาร์มมีบริการนั่งรถแทรกเตอร์พาเที่ยวฟาร์ม มีเป็นรอบ ๆ ครับ น้องเจ้าหน้าที่ที่พาเที่ยว เป็นคนปลูก คนเลี้ยง คนดูแล ข้อมูลจึงแน่น และที่สำคัญทำด้วยใจ ชอบให้ความรู้ บรรยากาศจึงสนุก
พาไปดูผักสลัดปลอดสาร ที่เราเห็นบนจาน ตอนอยู่ในแปลงเป็นแบบไหน ปลูกอย่างไร เนื่องจากที่นี่ไม่ใช้สารเคมี ก็ได้ดูมุ้งกันแมลง การใช้แมลงห้ำเพื่อกำจัดหนอน ไปดูผีเสื้อสวย ๆ ฟักทอง มะเขือเทศ มัลเบอรรี่ คุณจะได้ความรู้และสนุกกับการเก็บผักสดกลับไปกินด้วย
หลังจากพัก บรรจุผัก ก็จะพาไปดูฟาร์มหมู วัว แพะ กระต่าย ไก่ ห่าน ที่นี่ดูแลดี สะอาด และพาชม บรรยาย ผมได้รู้ว่าหมูก็ป่วยเป็นเนื้องอกเหมือนกัน มีการให้อาหารหมู เก็บไข่ด้วย
ใครอยากพัก ที่นี่ก็มีที่พัก บรรยากาศเงียบมาก สงบ แวดล้อมด้วยสารพัดต้นไม้ มีตู้หนังสือขนาดใหญ่ไว้อ่านด้วยนะ
เป็นบ้านใหญ่ แบ่งห้องพักได้ ที่นี่ ไม่มีทีวี ให้มาพักจริง ๆ มีล็อบบี้กลาง เสริฟกาแฟแคปซูล ชา ขนม ตลอดเวลา
มีคุณแมวสองตัว อ้วนปี๋ ขี้อ้อน มาเล่นด้วยตลอด
จุดเด่นคือ มีป้ายบรรยายความรู้เยอะมาก และพนักงานที่นี่มีเซอร์วิสมายด์ระดับ หกดาวทุกคนเลย
แนะนำครับ โดยเฉพาะพาครอบครัวมา ถ้ามีเด็กเล็ก ๆ น่าจะสนุกกันมากครับ

21 ตุลาคม 2565

ตั้งท้องแล้ว กินอะไร....

 ตั้งท้องแล้ว กินอะไร....

❤️ยาเม็ดโฟลิก จริง ๆ ควรกินตั้งแต่ก่อนท้อง
❤️ยาเม็ดธาตุเหล็ก ส่วนมากจะเป็นเม็ดรวมที่มีวิตามินรวมอยู่ด้วย
❤️นมวันละอย่างน้อยหนึ่งกล่อง เสริมแคลเซียมและวิตามินดี แถมมีโปรตีนและสารอาหารอื่นเพียบ
อยากตั้งท้อง กินอะไร...
กินอะไรก็ได้ในมื้อค่ำ เอาที่บรรยากาศโรแมนติก แล้วใส่ชุดนอนไม่ได้นอน

20 ตุลาคม 2565

การเล่มเกมกับเรื่องสมองเสื่อม

 เล่าให้ฟังเบา ๆ ก่อนนอน : การเล่มเกมกับเรื่องสมองเสื่อม

ปัจจุบันนี้เกมและเครื่องเล่นเกมเป็นที่แพร่หลายและราคาไม่แพง ไม่เพียงแต่ลูกน้อย วัยรุ่น เด็กหนวดอย่างผม ที่นิยมการเล่นเกม มันเคยมีการศึกษาวิจัยด้วยนะครับ ว่าการเล่นเกมช่วยลดการเกิดโรคสมองเสื่อมและพัฒนาทักษะในผู้สูงวัยที่เป็นโรคสมองเสื่อม
แต่ทั้งหมดเป็นการศึกษาขนาดเล็ก ระยะสั้น ใช้การแปลผลที่เป็น surrogate เช่นระดับคะแนนโรคสมองเสื่อมที่ดีขึ้น และที่สำคัญคนที่เข้ามาในการศึกษาคือต้องสมองไหวพอเล่นเกม ก็จะไม่มีคนที่สมองเสื่อมหนัก ๆ หรือกลุ่มที่ไม่สามารถ activate เกม มาอยู่ในการศึกษา จึงเอาไปใช้ในภาพรวมทุกคนไม่ได้
*** เวลาอ่านงานวิจัยใด ๆ ให้คำนึงถึงกรรมวิธีและความถูกต้องแม่นยำ มากกว่าพิจารณาว่าวารสารมันชื่อดังหรือมี impact factor สูง ***
เกมที่เขาใช้มาทำวิจัยแล้วเห็นผลคือ super mario 64 ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นเกมผจญภัยแบบสามมิติ ที่ต้องใช้ทักษะมากมายมาช่วยประมวลผล ส่วนเกมที่ทำเทียบคือเกมสองมิติอย่าง angry bird และเกมไพ่โซลิแทร์
อีกกลุ่มเกมคือกลุ่มเกมที่ฝึกทักษะการคิดคำนวณ ความจำ ตรรกะ เกมที่เขายกมาศึกษาและเห็นผลคือ brain age ของนินเทนโด เกม big brain academy ผมรู้แต่ลงให้นินเทนโดสวิตช์ เครื่องอื่นไม่รู้เหมือนกัน ที่พิสูจน์แล้วลดสมองเสื่อมได้
ในอดีตเคยมีการใช้เกมคอนโซลเครื่อง Wii เพื่อช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยสมองเสื่อม อัมพาต เส้นประสาทอักเสบ ในเกม wii sport มาแล้วด้วย และตอนนี้มีการพัฒนาเกมเพื่อช่วยผู้ป่วยสมองเสื่อมโดยเฉพาะ ศึกษาแล้วด้วยว่าดีคือเกม N-igma
ผมมองว่าอาจจะเป็นเทคนิคง่าย ๆ อันหนึ่ง ที่นักวิจัยหยิบจับสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันมาศึกษา แต่ได้ผล แม้ผลจะได้เฉพาะกลุ่ม แต่ก็พัฒนาต่อยอดไปสู่ specific game for demantia ได้ครับ
แต่ส่วนตัวผม เล่นเอามันส์เท่านั้นครับ ไม่ได้ฝึกสมงสมองอะไรทั้งสิ้น และพรีออเดอร์อันนี้เรียบร้อย กับ God of War : Raknarok for PS5
ปล. ถึงพ่อบ้านใจกล้า แม่บ้านทั้งหลายเขาฝากบอกว่า "อย่ามัวแต่เล่นเกม จนลืมเล่นกรู"
อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน, กลางแจ้ง และ ข้อความพูดว่า "GODOWAR RAGNAROK"

จะกินยา simvastatin หรือ atorvastatin

 มีเพื่อนโทรมาถามว่า จะกินยา simvastatin หรือ atorvastatin

ผมตอบแบบเพื่อนปรึกษาเพื่อนนะครับ มีหลักวิชาแต่ใส่ศิลปะเข้าไปนิดนึง เลยมาเล่าให้ฟัง
ใช้ยาตัวไหนดี ... เรากำหนดขนาดยาตามความเสี่ยงการเกิดโรค โดยใช้ยาความแรงปานกลางและความแรงมาก
ความแรงมากคือ atorvastatin 40-80 มิลลิกรัม หรือ rosuvastatin 20 มิลลิกรัม
ส่วนยายอดนิยม simvastatin 20-40 มิลลิกรัมจัดเป็นความแรงต่ำถึงปานกลาง
เมื่อกำหนดความแรงของยาแล้วตามมาตรฐานให้ยาขนาดเดิมไปตลอด แต่แนวทางหลัง ๆ จะเริ่มระบุเป้าที่ต้องการ (ไม่ใช่เป้าหมายนะ คือ ให้ปรับยาจนถึงเป้าที่ต้องการ แล้วกินต่อ) จะมีการปรับเพิ่มหากไม่ถึงเป้า หรือเพิ่มยาตัวอื่น
ส่วนการปรับลดลง ผมถือเป็นศิลปะ เพราะยา simvastatin มันถูกกว่ามาก หาง่าย และบรรจุในบัญชียาหลัก (อีกตัวคือ atorvastatin 40 มิลลิกรัม)
ผมจะติดตามคนไข้ หากสามารถใช้ simvastatin แล้วบรรลุเป้า เช่น LDL ต่ำกว่า 100 หรือลดลง 50% ก็จะมาใช้ simvastatin (ให้คนไข้เลือก)
อ้อ..ยา atorvastatin และ rosuvastatin มียี่ห้อที่เป็น generic และ second brand ที่ถูกลงกว่าเดิม แต่ยังสูงกว่า simvastatin หลายเท่า อย่าลืม เรากินยากันเป็นสิบปี ค่ายาคูณสิบปี ไม่น้อยนะครับ
ใครมีเทคนิค หรือ ประสบการณ์อย่างไร เล่าสู่กันฟังได้ครับ

17 ตุลาคม 2565

จัดท่าการกู้ชีพแบบใหม่ ใช้ได้จริงไหม neuro-protective CPR bundle

 จัดท่าการกู้ชีพแบบใหม่ ใช้ได้จริงไหม

การกู้ชีพ (CPR) มีหลักการว่า ตามทีม-รีบทำ-ทำให้ถูก และเราเริ่มสอนการซีพีอาร์มากขึ้นเรื่อย ๆ มีข่าวนักเรียนมัธยมทำซีพีอาร์ได้ดี น่าดีใจนะครับ อย่างที่เรานึกในสมองได้คือ คนหมดสตินอนหงายราบ คนช่วยมะรุมมะตุ้มช่วย แต่ถ้าเปลี่ยนท่าคนหมดสติล่ะ นึกภาพไงดี
มีคนศึกษาว่า วิธีการนอนหงายและกดหน้าอก เป่าลมเข้าปอด แม้จะช่วยระบบไหลเวียนได้ดีและคืนชีวิตได้ แต่นั่นวัดผลจากระบบไหลเวียนฝั่งเลือดแดงหรือ arterial part หากเรามาดูรายละเอียดอื่นโดยเฉพาะฝั่งเลือดดำ ก็จะมีแรงดันเลือดดำสูงขึ้น แรงดันช่องอกสูงมาก เป็นผลทำให้ปลายทางการกู้ชีพไม่ดีนัก โดยเฉพาะแรงดันในกระโหลกและแรงดันเลือดระบบโคโรนารีที่ไปเลี้ยงหัวใจ อาจไม่ดีนัก
จากหลักการนี้ ก็มีคนนำไปทดลองในสัตว์ทดลอง โดยควบคุมแรงลมที่เข้าปอด ควบคุมแรงกดหน้าอก ทั้งสองอย่างนี้ใช้อุปกรณ์เสริม และค่อย ๆ เอียงหัวขึ้นช้า ๆ เพราะจะได้ลดแรงดันกระโหลกเพิ่มเลือดไปสมอง เรียกกระบวนการทั้งหมดนี้ว่า neuro-protective CPR bundle ผลในสัตว์ทดลองออกมาดีมากลดแรงดันกระโหลก เพิ่มเลือดไปสมองและหัวใจ ส่งผลต่อความสำเร็จในการกู้ชีพและอัตราการเสียชีวิต
แต่นี่คืองานวิจัยหลายงานในสัตว์ทดลอง … แล้วในคนล่ะ
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮุสตัน อเมริกา เขาทำแบบนี้ครับ จัดชุดทีมที่เชี่ยวชาญมากในการซีพีอาร์ทั้งแบบเดิมและแบบใหม่ที่จะทำ neuroprotective CPR bundle พร้อมอุปกรณ์ครบมือ เตรียมพร้อมจะออกไปทำพีซีอาร์แบบใหม่ เทียบกับแบบเดิม ว่ามันช่วยให้ดีขึ้นหรือเปล่า ก็พบว่า ผลการทดลองคือ รอดโดยที่ระบบประสาทยังดี (คือว่าหลายคนรอดชีวิตแต่อาจไม่ตื่น อันนี้คือ painpoint ของการกู้ชีพ) พบว่าการทำซีพีอาร์แบบใหม่ อุปกรณ์ครบมือ เพิ่มการรอดโดยสมองยังทำงานดีมากกว่าการทำพีซีอาร์แบบเดิมถึง 2.4 เท่า (7.9% เทียบกับ 3.3%) และยิ่งหากระยะเวลาจากหมดสติจนถึงโทรเรียกกู้ชีพจนมาถึงที่เกิดเหตุยิ่งสั้นเท่าไร ผลลัพธ์ตรงนี้ยิ่งเด่นชัด
โห..มันยอดมาก จะเปลี่ยนวิธีการซีพีอาร์ไหม
ยังครับ การศึกษานี้ทำเพื่อยืนยันแนวคิดเท่านั้น ณ วันนี้คงทำจริงได้ยาก เพราะต้องใช้ทีมเชี่ยวชาญสูงระดับอเวนเจอร์ ต้องมีเครื่องมีอคุมแรงลมติดกับอุปกรณ์บีบลมเข้าปอด ต้องมีเครื่องมือกดหน้าอกหรือปั๊มหัวใจอัตโนมัติ ไม่พอต้องมีอุปกรณ์แม่แรงพิเศษค่อย ๆ ยกหัวคนไข้ด้วย โอกาสจะทำได้จริงในทางปฏิบัติน้อยมาก ณ จุดจุดนี้ เอ้ย .. ณ เวลาปัจจุบันนี้
อีกอย่างพื้นฐานการซีพีอาร์ แบบ BCLS ของชาวบ้านเรา ๆ ท่าน ๆ ยังน้อยมากต้องฝึกเบสิกอีกมาก แค่ช่วยให้ทัน ให้ถูกและโทรเรียกความช่วยเหลือได้เร็วพอ แค่นี้ก็ยากมากแล้วนะครับ
แต่สิ่งหนึ่งที่การศึกษาไหน ๆ ของการทำพีซีอาร์พูดตรงกันคือ ทำเร็ว ทำถูก และเรียกทีม ไม่ว่าวิธีจะเบสิกหรือหรูหราแค่ไหน เวลายังสำคัญที่สุดครับ
ปล. ลิเวอร์พูล ถล่ม แมนซิตี้ 1-0
อาจเป็นรูปภาพของ 3 คน และ สถานที่ในร่ม

15 ตุลาคม 2565

เหล้าทำให้เลือดออกกระเพาะใช่ไหม

 ต้อนรับออกพรรษาด้วย..upper GI bleeding เลือดออกทางเดินอาหารส่วนบน

หลังจากงดเหล้าเข้าพรรษามานาน (3 เดือน) ที่โรคเลือดออกทางเดินอาหารส่วนบนลดลง และพอมาดื่มเหล้ากันใหม่ เทศกาลเลือดออกก็กลับมา แสดงว่าเหล้าทำให้เลือดออกกระเพาะใช่ไหม
คำตอบคือ ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด
จริง ๆ แล้วสาเหตุหลักของเลือดออกทางเดินอาหารส่วนบนคือ แผลในกระเพาะอาหารที่กินลึกถึงชั้นหลอดเลือด และสาเหตุหลักของแผลคือการติดเชื้อ helicobacter pylori ส่วนกระเพาะอักเสบจากยา จากเหล้า พบรองลงมา ที่เหลือก็ประปรายเช่น ผนังหลอดอาหารฉีกขาดจากอาเจียนรุนแรง มะเร็ง หลอดเลือดโป่งพอง
แล้วเหล้าไปทำอะไร
เอทานอล เอธิลแอลกอฮอล์ หรือเหล้า มีผลระคายเคืองเซลล์กระเพาะอาหารโดยตรง โดยไม่ขึ้นกับระดับความเป็นกรดด่างในกระเพาะ แม้จะใช้ยาลดกรดก็เกิดการระคายเคืองได้
เหล้าสามารถกระตุ้น เพิ่มการหลั่งกรด โดยเฉพาะปริมาณและความเข้มข้นไม่มาก
เหล้าในปริมาณและเข้มข้มสูง นอกจากกัดกร่อนเซลล์ ยังทำให้เกิดการแพร่กลับของกรดเข้าไปในชัันเยื่อบุกระเพาะ เกิดการหลุดลอกของผนังกระเพาะจนเกิดเลือดออก เมื่อหลุดลอก กัดกร่อนจนถึงชั้นที่มีหลอดเลือดอยู่
(จะดื่มมากน้อย จะเข้มจะจาง จะเหล้าจะเบียร์ กระเพาะไม่รอดนะครับ)
กินเหล้านาน ๆ หากทำให้ตับแข็ง จะทำให้ความดันเลือดระบบพอร์ทัล ที่ส่งเลือดจากทางเดินอาหาร ผ่านตับ เข้าสู่หัวใจ ต้องหาทางลัดทางอื่นคือหลอดเลือดดำที่หลอดอาหาร ทำให้โป่งพองและแตกออก
ส่วนมากเลือดมักจะหยุดเอง การรักษาควรส่องกล้องเพื่อแยกเหตุอื่น หยุดเลือดที่หลงเหลือ และที่สำคัญ ต้องหยุดเหล้าเลิกเหล้าครับ
ปล. อยากเกิดเป็นระบบพอร์ทัล พุ่งตรงเข้าหัวใจเธอ
อาจเป็นภาพระยะใกล้

13 ตุลาคม 2565

ผลของน้ำตาลสูงต่อค่าเกลือแร่ในเลือด

 น่าสนใจจาก NEJM knowledge+ : กระตุ้นต่อมเอ๊ะ (ใจความคงเดิม ผมเอามาใส่เนื้อเรื่องเพื่อความกาว)

เสียงรายงานผู้ป่วยทางโทรศัพท์ แจ้งผลการตรวจเลือดที่เพิ่งออกมา ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผลเกลือแร่ในเลือด โซเดียม 127 คลอไรด์ 92 ไบคาร์บอเบต 14 แอลบูมิน 4
ไขสันหลัง : อ่อ โซเดียมต่ำ หาสาเหตุและแก้ไข มีอะไรบ้างน้า เปิดตำราแพร้บ
สมอง : ตบหลังดังฉาด : เดี๋ยว ดูประวัติก่อนไหม เขาเป็นเบาหวานเว้ย ง่าย ๆ ดูน้ำตาลก่อน
น้ำตาล 600 !! พ่าม
ไขสันหลัง : อ่อ จากน้ำตาลสูง ทำให้ระดับโซเดียมในเลือดต่ำ แต่คนไข้เขาซึม ๆ ก็แก้ไขแหละเนอะ
สมอง : ตบหลังอีกฉาด : เดี๋ยว correct ค่าโซเดียมก่อนไหม ถ้าน้ำตาลเกินร้อย ทุกหนึ่งร้อยที่เกินจากร้อย ต้องบวกโซเดียมอีก 1.6 รายนี้ก็ 600-100 =500 แสดงว่าต้องบวกโซเดียมอีก (500÷100)×1.6 = 8 เบ็ดเสร็จคือ 127+8 = 135
ไขสันหลัง : เธอเก่งจัง
สมอง : ไม่เก่งหรอก แค่เอ๊ะบ่อย คิดเยอะ
ไขสันหลัง : เลือดเป็นกรดด้วย ไบคาร์บอเนต 14 คิดค่า anion gap ได้ 21 (127-92-14) อุ๊ย ๆ ผิดแน่เลย ต้องใช้ค่า correct โซเดียมแน่เลย เปลี่ยน ๆ ใช้ 135-92-14 = เป็น 29
สมอง : คราวนี้พบหัว… เผียะ : น้ำตาลมันเป็นประจุกลาง ไม่ต้องเอาไปยุ่มย่ามอะไรกับการคิด anion gap ค่าที่คิดตอนแรกก็ถูกแล้ว
ไขสันหลัง : งั้นต้องใช้ค่าแอลบูมินเท่ากับ 4 มาคิดแน่เลย ไม่งั้นไม่บอกมาหรอก
สมอง : อีกเผียะ : ไม่ต้องเลย เขาเอามาหลอก เพราะถ้าแอลบูมินปกติ ไม่มีผลต่อ expected anion gap แต่ถ้าแอลบูมินต่ำ ต้องปรับเพิ่มค่า anion gap ถ้าต่ำกว่า 4 นะ ทุก 1 g/dL ที่ลดลงต้องไปเพิ่ม anion gap อีก 2.5 ***
ไขสันหลัง : เธอเก่งอีกแล้ว
สมอง : ไม่เก่งหรอก แค่เอ๊ะบ่อย คิดเยอะ
สมอง : ไปล่ะ ไปหาน้องใจใส บาริสต้าคนสวย เมื่อวานเธอยิ้มให้ สงสัยมีใจ
ไขสันหลัง : ตบหน้าดังฉาด : เดี๋ยว อันเนี้ย ไม่ต้องเอ๊ะ เมิงคิดไปเอง คิดมากด้วย
ใครว่างก็ไปรับยาช่องเบอร์หนึ่งกันนะครับ
*** สำหรับผู้สนใจ ให้ไปอ่านเรื่อง expected anion gap ที่แอลบูมินที่มีประจุลบสำคัญ มีผลต่อค่า expected anion gap ทั้งแอลบูมินต่ำและแอลบูมินสูง ***
อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน

บทความที่ได้รับความนิยม