ไม่ได้ลงเรื่องราวของโควิดสิบเก้ามาสักพัก วันนี้ขอมาเล่าเรื่องยารักษาโควิด...ที่บ้านเราไม่ค่อยมี
ยาต้านไวรัส Nirmatrelvir เป็นยาต้านไวรัสสร้างมาเพื่อเชื้อซารส์โควีทู ยับยั้งกระบวนการเพิ่มจำนวนไวรัสในเซลล์ มีการศึกษาครบทั้งสามขั้นตอน และเป็นการศึกษาแบบ RCTs ได้รับการรับรองใช้จากองค์การอาหารและยา ในรูปแบบที่จำหน่ายจะเป็นยาเม็ดรวม Nirmatrelvir/ritonavir (ใส่ ritonavir เพื่อเพิ่มการทำงานของ nirmatrelvir) ในชื่อ Paxlovid ของบริษัทไฟเซอร์
ข้อมูลการศึกษาของยานี้ทำในช่วงไวรัสสายพันธุ์เดลต้าระบาด แต่ตอนนี้เป็นสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว จะใช้ได้ผลไหม เรามาดูการศึกษาที่ลงใน NEJM เมื่อเดือนที่แล้วครับ การศึกษานี้เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังจากบริษัทข้อมูลสาธารณสุขระดับประเทศของอิสราเอล Clalit หน่วยงานนี้วิจัยข้อมูลการรักษาโควิดและวัคซีนมากมาย เพราะเก็บข้อมูลครบถ้วน เป็นระบบ และมีการนำข้อมูลไปสังเคราะห์ให้กับนโยบายของอิสราเอลจนควบคุมโควิดได้ดีอันดับต้น ๆ ของโลก
เขาเก็บข้อมูลย้อนหลังนะครับ การวิจัยแบบเก็บข้อมูลย้อนหลัง จะควบคุมตัวแปรไม่ได้ มีความโน้มเอียง นับว่าเป็นข้อจำกัดของการศึกษา เก็บข้อมูลในช่วงสามเดือนแรกของปี 2022 ที่โอมิครอนระบาดมากในอิสราเอล แล้วมาวิเคราะห์ย้อนหลังว่า คนที่ได้กินยา nirmatrelvir เทียบกับคนที่ไม่ได้กินยานั้น มีอัตราการเสียชีวิต หรือต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแตกต่างกันหรือไม่
โดยโฟกัสที่กลุ่มอายุต่าง ๆ และคนที่มีภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าจะเคยติดโรคหรือรับวัคซีน (เกือบทั้งหมดได้วัคซีนแล้ว) มีข้อมูลหนึ่งแสนกว่าคน ได้รับยาสามพันเก้าร้อยคน คือคนที่อาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงจะเกิดโรครุนแรง ไม่ว่าจะรับวัคซีนมาก่อนหรือไม่ ผลปรากฏว่า คนที่ได้รับยาภายในห้าวันแรกของการป่วย มีอัตราการเสียชีวิตและอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในบางกลุ่ม
ถ้าดูโดยรวม คนที่จะได้ประโยชน์คือคนที่อายุมากกว่า 65 ปี อันนี้ลดอันตรายลงได้ 73% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ยา ส่วนคนที่อายุต่ำกว่า 65 ก็ได้ประโยชน์นะครับ แต่ไม่ชัดเจนและไม่มีนัยสำคัญ อีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์ เมื่อแยกกลุ่มที่ไม่มีภูมิ ไม่ว่าจะไม่เคยติดเชื้อหรือไม่ได้วัคซีน กลุ่มนี้จะมีประโยชน์จากยา ลดอันตรายได้มากกว่าคนที่ไม่ได้ยา 70-80% ในทุกกลุ่มอายุ ส่วนคนที่มีภูมิแล้วจะเห็นผลชัดเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีเท่านั้น
สรุปว่าอะไร
1. ผู้สูงวัยก็ยังเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ยังน่าเป็นห่วงในโรคโควิดอยู่ดี ถึงจะรับวัคซีนแล้วก็ตาม
2. แต่ถึงกระนั้นการรับวัคซีนยังมีประโยชน์และ “ต้อง” รับอยู่ดี
3. ยา nirmatrelvir แสดงให้เห็นประโยชน์ทั้งจากการศึกษาและการเก็บข้อมูลย้อนหลัง ที่สำคัญเป็นข้อมูลในผู้สูงวัยที่การศึกษาส่วนมากมักจะไม่ค่อยทำ
4. ในยุคโอมิครอน การใช้ nirmatrelvir ก็ยังได้ประโยชน์
5. ถ้าไปการศึกษาตัวเต็ม จะพบว่าอัตราการเกิดโรคและป่วยในประชากรอิสราเอลนั้น ต่ำมากและเสียชีวิตน้อยมาก เหตุเพราะฉีดวัคซีนคุณภาพสูงกันเกือบทุกคน และได้รับยาคุณภาพดีรวดเร็วมาก สองปัจจัยนี้สำคัญในการดูแลควบคุมโรค (ไม่ได้แซะประเทศไหนนะ)
6. จากข้อห้ามันก็สำคัญอีกอย่างคือ ไปทำในประเทศอิสราเอลที่การควบคุมรักษาโควิดมันดีครับ ถ้าออกแบบการศึกษาแบบ RCTs อาจไม่เห็นประโยชน์ก็ได้ หรือต้องคัดผู้ป่วยอย่างมาก จะนับว่า nirmatrelvir คือยาวิเศษจากการศึกษานี้ และในประเทศนี้เพียงแค่นี้ ..ไม่ได้ (ก็ยังดีกว่ายาบางตัวบางประเทศที่ผลการศึกษาคุณภาพไม่มากเท่าไร)
จากลุงหมอ ชาวท่าแซะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น