31 มีนาคม 2564

การนั่งไขว่ห้าง (cross leg) เท้าตก (foot drop)

 “เธอน่ะ อย่านั่งไขว่ห้างสิ” ลุงคนหนึ่ง เตือนนักข่าวสาวท่านหนึ่ง

การนั่งไขว่ห้าง (cross leg) ไม่น่าจะมีอันตรายเท่าไร ยกเว้นนั่งต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ๆ อาจเกิดการบาดเจ็บต่อเส้นประสาท commom peroneal nerve ได้ แต่ชีวิตจริงคงไม่ค่อยมีใครจะนั่งท่านี้นานจนกดทับเส้นประสาทขนาดนั้น

คอมมอน เพอโรเนียล เนิ้ร์ฟ เป็นเส้นประสาทควบคุมการทำงานของขาท่อนล่างและเท้า หน้าที่หลักคือใช้เดิน กระดกข้อเท้า งัดเกียร์มอเตอร์ไซด์ เดาะบอล เส้นประสาทนี้แยกออกมาจากเส้นประสาทใหญ่ที่ควบคุมขาที่ชื่อว่า sciatic โดยจังหวะที่แยกตัวออกมา จะมีบางส่วนที่ขึ้นมาตื้นใกล้ผิวหนัง

คือเส้นประสาทควบคุมร่างกายส่วนมากจะอยู่ลึกในชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อการปกป้องที่ดี ส่วนเส้นประสาทรับสัมผัสก็จะอยู่ตื้น ๆ ใกล้ผิวหนัง ตามหน้าที่การทำงาน ไม่เกี่ยวอะไรกับสำนวน เส้นตื้น เส้นลึก ใด ๆ

จังหวะที่คอมมอน เพอโรเนียล เนิ้ร์ฟ ใกล้ผิวหนังนี้ จะอยู่ตรงด้านนอกของหัวเข่า ตรงปุ่มกระดูกนูนออกมา นั่นคือส่วนต้นที่สุดของกระดูกฟิบูล่า (fibula) ถ้าเรานั่งไขว่ห้าง คุณลองทำตามนะครับ ท่อนขาที่อยู่ด้านบนมันจะสัมผัสท่อนขาด้านล่างตรงปุ่มกระดูกฟิบูล่านี่แหละ ถ้าหากเรานั่งท่านี้นาน ๆ แรงกดจะไปทำให้เส้นประสาทที่พาดผ่านตรงนี้เกิดการบาดเจ็บได้

เมื่อเกิดการบาดเจ็บ เส้นประสาทจะสูญเสียหน้าที่ไป และการบาดเจ็บนี้มักจะเป็นชั่วคราว หายเองได้ อาการที่อาจจะพบได้คือ เท้าตก (foot drop) คือกระดกเท้าไม่ได้ เดินแล้วเตะขั้นบันได ใส่รองเท้าแตะแล้วหลุด หรืออาจมีอาการชาที่หลังเท้า มีความรู้สึกแปลบ ๆ ที่หลังเท้าได้

เป็นหนึ่งในการวินิจฉัยแยกโรคอาการกระดกข้อเท้าไม่ขึ้น ที่มักออกสอบบ่อย ๆ ด้วยนะครับ

ผมคิดว่า "ลุง" เขาคงกลัวนักข่าวเกิดอาการ foot drop กระมังครับ

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน

ใช้ยาแล้วบวม ต้องเปลี่ยนยาไหม

 คำถาม : คุณหมอที่รักษาโรคความดันโลหิตสูง เพิ่งเปลี่ยนยาตัวนี้ให้ กินมาสิบวัน ขาบวมสองข้างเหมือนที่เขียนเตือนไว้หน้าฉลาก เปลี่ยนยาจะดีไหมคะ

คำตอบ : ก่อนอื่นต้องชื่นชมว่า ตั้งใจอ่านฉลากยาและสังเกตอาการที่อาจเกิดจากยา ถือเป็นเรื่องที่ดีมากครับ แต่คำตอบอาจจะไม่ใช่การเปลี่ยนยาเสมอไปครับ

👉อาการบวมนี้เกิดจากยาจริงหรือไม่ อาจเกิดจากเหตุอื่นก็ได้ ต้องมาประเมินว่ายาทำให้เกิดจริงไหม กินเมื่อไร เกิดอาการเมื่อไร มีโรคอื่นที่มาอธิบายได้ดีกว่าไหม มียาตัวอื่นอีกหรือเปล่า

👉แล้วคุณหมอเขาเปลี่ยนมาเป็นยาตัวนี้ด้วยเหตุใด ยาตัวเดิมควบคุมอาการได้ไม่ดี ยาตัวเดิมมีผลข้างเคียง มีข้อห้ามการใช้ยาเดิม อย่างนี้หากเปลี่ยนไปเป็นยาเดิม โดยเฉพาะไม่ใช่หมอคนเดิมที่ดูแล อาจเกิดอันตรายจากการที่อุตส่าห์เปลี่ยนจากยาตัวเดิมก็ได้

👉ทำไมจึงต้องใช้ยาตัวนี้ อาจจะมีความจำเป็นอื่น ๆ นอกเหนือจากการลดความดัน หรือใช้ยาตัวอื่นไม่ได้แล้ว การไปหยุดยาหรือการไปเปลี่ยนยาโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ อาจทำให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ครับ

👉อาการข้างเคียงที่เกิดอันตรายหรือไม่ ถ้าอันตรายคงต้องหยุดยาและพิจารณาต่อว่าจะเปลี่ยนหรือจะหยุด แต่ถ้าผลข้างเคียงนั้นไม่อันตรายอาจต้องมาคุยถึงประโยชน์ที่ได้รับกับผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงนี้ ชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียและทางเลือกต่าง ๆ ว่าจะเลือกทางใด

ดีที่สุดคือกลับไปสถานพยาบาลเดิมที่เพิ่งเปลี่ยนยามาครับ เราจะได้ทราบข้อมูลและปรึกษา คุยตัดสินใจให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย

“ยาไม่ใช่แฟน ที่จะเปลี่ยนได้ตามใจ

และแฟนไม่ใช่กางเกงใน ที่พอไม่ใช้แล้วก็ทิ้งคลอง”

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และกำลังยืน

30 มีนาคม 2564

A Golden Endeavor for Medical Students

 A Golden Endeavor for Medical Students

หนังสือทบทวนความรู้ก่อนสอบสำหรับนักเรียนแพทย์ที่กำลังจะจบและสอบวัดความรู้ โดยนำเนื้อหาวิชาทางคลินิกที่มักจะออกข้อสอบ มาสรุปในเล่มเดียว

รูปแบบ : แบ่งออกเป็นแต่ละวิชาหลัก แต่ละวิชาหลักมีสองหมวดหลักคือ พื้นฐานความรู้ทั่ว และ โรคที่ต้องรู้ต้องเจอ และในแต่ละเรื่องจะนำมาแต่คีย์เวิร์ด หลักการจำ แผนภาพ เนื้อหาแบบตรงจุดและสำคัญเท่านั้น เรียกว่าเป้าหมายของหนังสือเล่มนี้คือ เตรียมสอบจริง ๆ

เหมาะกับใคร : เหมาะกับนักเรียนแพทย์ที่เตรียมตัวสอบ โดยเฉพาะการสอบวัดความรู้ก่อนจบการศึกษา สามารถทบทวนและเตรียมสอบได้ในทุกวิชาแบบสั้น ๆ ครบ ๆ และคนที่จะใช้ประโยชน์จากเล่มนี้ได้ดี คือ คนที่อ่านจบในรายละเอียดมาแล้ว มีความรู้มาแล้ว

จุดเด่น : สั้น เข้าใจง่าย และเป็นจุดที่ต้องรู้ มักออกสอบ อย่างน้อย 70 % ศัพท์ไม่ยาก สามารถอ่านจบได้ในเวลาไม่นาน

จุดสังเกต : ไม่มีคำอธิบายใด ๆ เพื่อความเข้าใจ ถ้าจะหวังมาอ่านเพื่อความเข้าใจหรือการนำไปใช้ ต้องไปอ่านเล่มอื่นเพิ่มเติม และเนื้อหาไม่ครบทุกเรื่อง เน้นเฉพาะส่วนสำคัญและมักจะออกสอบ

รูปเล่ม : เล่มขนาดเอสี่ กระดาษปอนด์อย่างดี หนา 470 หน้า เย็บกาวแต่ไม่ค่อยแน่นหนานัก อย่าเปิดกางมากไปเดี๋ยวจะขาด ภายในเล่มราคานี้ แถม Companion CD หนึ่งแผ่น เพื่อเปิดดูคลังรูปต่าง ๆ ประกอบการสอบได้ดี

จัดจำหน่าย : หนังสือของสำนักพิมพ์ Jaypee brothers พิมพ์ครั้งที่สาม สามารถซื้อได้จากร้าน Meditext ซื้อตำราแพทย์เป็นเรื่องง่าย ๆ ราคารวมแผ่นซีดี 1,190 บาทครับ

ขอขอบคุณร้าน meditext ที่ส่งตำรามาให้รีวิวตามจริงครับ Meditext ซื้อตำราแพทย์เป็นเรื่องง่ายๆ








สูตรคำนวณน้ำหนักอุดมคติ

 สูตรคำนวณน้ำหนักอุดมคติ ที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบเพศและส่วนสูง (จาก ARDS net)

IBW ผู้ชาย = 50 + [ 0.91×(height -152.4) ]

IBW ผู้หญิง = 45.5 + [ 0.91×(height -152.4) ]

IBW : ideal body weight หน่วยเป็นกิโลกรัม
Height : หน่วยเป็นเซนติเมตร

ปกติแล้ว ideal body weight ก็จะไม่ต่างจากน้ำหนักที่ควรจะเป็นสักเท่าไร หรือประมาณเท่าน้ำหนักปัจจุบันถ้าเราไม่อ้วนหรือผอมเกินไป เราจะใช้ IBW เป็นสำคัญในกรณีผู้ป่วยที่มีการบวมน้ำมาก เช่น ไตเสื่อมที่มีน้ำเกิน ผู้ป่วยโรคตับที่มีน้ำในช่องท้องมาก น้ำหนักที่ชั่งได้จะไม่ใช่น้ำหนักของกล้ามเนื้อ กระดูกและอวัยวะสำคัญที่ควรจะเป็น แต่จะรวมถึงน้ำที่เกินมาก ๆ ด้วย

ในกรณีนั้น ๆ หากเราใช้ค่าน้ำหนักจริงที่ชั่งได้ (actual body weight) จะทำให้การคำนวณค่าสารน้ำ เกลือแร่ต่าง ๆ หรือมาคำนวณค่าปริมาตรลมที่ใช้ในการช่วยหายใจ จะได้ค่าที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะน้ำที่เกินมานั้น ไม่ใช่ชิ้นส่วนน้ำหนักของร่างกายที่แท้จริง ที่เอาทรัพยากรที่เราจัดสรรไปใช้ได้จริง ๆ

หรือใช้กับการคำนวณให้สารน้ำและยาและอาหาร ในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงสารน้ำรวดเร็วเช่น ผู้ป่วยฟอกเลือด ผู้ป่วยช็อก ผู้ป่วยไฟไหม้เป็นพื้นที่กว้าง แบบนี้ก็อาจจะใช้ ideal body weight แทนได้เช่นกัน

ส่วนทุกท่านที่ไม่ได้เจ็บป่วย หึหึ ideal คือ อุดมคตินะครับ อย่าคำนวณแล้วเขวี้ยงตาชั่งทิ้งเสียล่ะ

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป

29 มีนาคม 2564

สรุปเนื้อหาจากการสัมมนาพูดคุยเรื่องสุขภาพคือสินทรัพย์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ Dr. Money และ Smart Money More Fun

 

สรุปเนื้อหาจากการสัมมนาพูดคุยเรื่องสุขภาพคือสินทรัพย์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ Dr. Money และ Smart Money More Fun

 

แบ่งการสรุปเป็น 4 หมวด

1. แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อสุขภาพ

                                            2. การจัดการการเงิน เมื่อเจ็บป่วย

      3. การจัดการการเงิน และการวางแผนก่อนเจ็บป่วย

4. การเก็บเงินสำรองเพื่อค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ

 

แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับการลงทุนด้านสุขภาพ

- เรื่องการจัดการสุขภาพที่ดี เป็นสิ่งที่ต้องคิดร่วมกับการวางแผนความมั่นคงและการลงทุนเสมอ เพราะหากมีสุขภาพกายและใจที่ไม่ดี ก็ยากที่แผนการลงทุนจะสำเร็จราบรื่น

- หากเราไม่วางแผนหรือไม่ลงทุนสุขภาพ เราอาจมีค่าใช้จ่ายที่นอกแผน ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียโอกาสการทำงาน ที่ทำให้ความมั่นคงในชีวิตเราลดลงหรือเกิดภาระหนี้สิน ในทางตรงข้าม ถ้าเราวางแผนดี "เงิน แรง เวลา" ที่เราประหยัดได้นี้จะสามารถไปต่อยอดความสำเร็จได้อีกมาก

-         ตัวอย่างเช่น หากเราเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินเดือนละหนึ่งพันบาท เป็นเวลา 20 ปี เราจะได้เงินสะสม 240,000 บาท ที่เราอาจจะนำไปใช้เวลาเจ็บป่วยได้โดยไม่ก่อหนี้สิน เรียกกว่าต้นทุน แต่ถ้าเราสุขภาพดี ไม่ต้องใช้เงินส่วนนี้เลย

-         และเราลงทุนลงแรงด้วยเงิน 240,000 นี้ อาจจะได้ผลตอบแทนทบต้นถึงกว่าครึ่งล้านบาท เรียกเงินกว่าครึ่งล้านบาทนี่แหละว่า ความสูญเสียที่แท้จริงหากเราไม่ลงทุนทางสุขภาพ

- เราควรคิดและจัดสรรการลงทุนและเงินเก็บทางสุขภาพ เป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรเงินเสมอ และควรทำตั้งแต่อายุน้อย เพราะยิ่งทำเร็ว โอกาสได้กำไรทั้งทางสุขภาพและทางความมั่งคั่งจะมากขึ้น สามารถรับความเสี่ยงได้ดีขึ้นอีกด้วย

-         เช่นเริ่มวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่ตอนนี้ ก็จะมีเรี่ยวแรงและสุขภาพที่ดีในการทำงานในระยะยาว

-         เริ่มลงทุนซื้ออาหารที่ถูกสุขอนามัย สะอาด ปลอดภัย สุขภาพจะได้ไม่แย่

-         เพิ่มเวลาพักผ่อน ลดการทำงานที่เกินกำลังและบั่นทอนสุขภาพ แม้จะเสียรายได้จากการทำงานล่วงเวลา แต่สามารถมีสุขภาพกายใจที่ดี ชดเชยในระยะยาวอย่างคุ้มค่า

- สัดส่วนการเก็บเงินและการลงทุนเพื่อสุขภาพของแต่ละคนไม่เท่ากัน ให้ปรับตามความสมดุลของแต่ละคน อย่าให้เป็นภาระมากไป และอย่าละความสำคัญจนไม่มีอยู่ในแผนการ

- ทบทวนการจัดการเงิน แผนสุขภาพทุกปี เพื่อปรับให้ยืดหยุ่นกับภาระทางการเงินและเวลาของเราเสมอ

 

การจัดการการเงินเมื่อเกิดความเจ็บป่วย

จะกล่าวถึง สิทธิขั้นพื้นฐานที่มี สิทธิเพิ่มเติมที่เราสามารถเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงในชีวิต

- สิทธิพื้นฐาน คนไทยทุกคนที่ไม่ตกหล่นทางทะเบียนราษฎร์ จะมีสิทธิพื้นฐานในการรักษาพยาบาลแน่นอน เราจะมีความมั่นคงด้านการรักษาพยาบาลในระดับหนึ่ง เป็นระดับที่ครอบคลุมความจำเป็นพื้นฐาน แม้ไม่หรูหราแต่เพียงพอ

            - สิทธิประกันสังคม สำหรับลูกจ้าง ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชย

            - สิทธิเบิกจ่ายราชการ สำหรับข้าราชการ 

            - สิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท สำหรับคนที่ไม่มีสองสิทธิข้างต้น

- ความมั่นคงเพิ่มเติม เช่น ประกันสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาลที่สามารถเบิกจ่ายได้จากบริษัทห้างร้าน 

-         ค่ารักษาพยาบาลที่นายจ้างหรือห้างร้านช่วยเหลือ อันนี้แล้วแต่เงื่อนไขบริษัท เราต้องเข้าใจ ทราบสิทธิพึงมีและข้อจำกัดให้ดี สามารถช่วยเราได้เพิ่มเติมจากสิทธิพื้นฐาน หรือสามารถจ่ายได้ในกรณีไม่ต้องการใช้สิทธิพื้นฐาน เช่นการโรงพยาบาลเอกชน หรือเข้าห้องพิเศษในโรงพยาบาลรัฐ

-         ประกันสุขภาพ ขอไม่กล่าวถึงการประกันชีวิตและการประกันอุบัติเหตุนะครับ การประกันสุขภาพถือเป็นการประกันวินาศภัยอย่างหนึ่งตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การพิจารณาเลือกประกันให้พิจารณาตามวัตถุประสงค์ของความคุ้มครองที่นอกเหนือไปจากสิทธิที่เราพึงมีไปแล้ว 

o   ชดเชยค่ารักษาพยาบาล มีหลายอัตราตามความสะดวกสบายของสถานพยาบาลที่เราต้องการ พรีเมี่ยมก็ต้องจ่ายแพงกว่าสแตนดาร์ด จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง ถ้าหากทางโรงพยาบาลและประกันมีข้อตกลงกันดี ก็ไม่ต้องสำรองจ่าย และต้องอ่านเงื่อนไขให้ดี ว่าค่ารักษาใดเบิกได้ ค่ารักษาใดเบิกไม่ได้

o   ชดเชยรายได้ เหมาะกับคนที่มีรายได้รายวัน ฟรีแลนซ์ หากต้องเจ็บป่วยก็อาจขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว สามารถนำเงินตรงนี้มาใช้จ่ายสำรองได้ เรียกว่าเป็นการสร้างความมั่นคงเพิ่มจากค่ารักษาพยาบาล 

o   ประกันโรคร้ายแรง ส่วนมากจะเป็นการประกันที่เจอโรคแล้วจ่ายตามสัญญา เราสามารถนำเงินตรงนี้ไปบริหารจัดการ เช่น จ่ายค่ารักษาส่วนต่างเพิ่มจากสิทธิที่มี หรือ จะชดเชยรายได้ที่หายไป หรือเก็บเป็นมรดกตกทอด

            - การพิจารณาทำประกันสุขภาพ ขึ้นกับความต้องการที่เราอยากให้ประกันมาคุ้มครอง อาจเป็นส่วนเพิ่มเติมจากสิทธิพื้นฐาน และขึ้นกับระดับของการบริการที่เราต้องการ หากต้องการการบริการที่ยกระดับกว่ามาตรฐานย่อมต้องจ่ายเบี้ยประกันราคาแพง

            - อย่าใช้ปัจจัยอื่นมาคิดวางแผนประกันตั้งแต่ต้น เช่น การออมเงิน หรือการลดหย่อนภาษี สิ่งเหล่านี้เป็นผลพลอยได้ อย่าลืมว่าเราลงทุนประกันสุขภาพ เพื่อสุขภาพและความมั่นคงเป็นหลัก

            - คำนวณเบี้ยประกันให้จ่ายไหวด้วย และอย่าลืมว่าหลายชนิดไม่ได้จ่ายครั้งเดียว จ่ายรายปี เป็นรายจ่ายคงที่ด้วยซ้ำ คำแนะนำโดยทั่วไป ค่าประกันทั่งหมด น่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% ของรายได้ต่อปี (ปรับได้ตามแต่ละคน)

 

การจัดการและการวางแผนการเงินก่อนเจ็บป่วย

ขณะนี้เรามีความเข้าใจเรื่องการจัดการวางแผนการเงินมากขึ้น การจัดการวางแผนรับมือเตรียมตัวจึงมีความสำคัญและมาเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนลงทุน  อีกทั้งเราเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย เราต้องมีการเตรียมตัวเรื่องนี้แน่นอน

- วางแผนตรวจก่อนป่วย (primary prevention) ต้องยอมรับว่ามีการตรวจคัดกรองก่อนป่วยหลายอย่างที่มีประโยชน์ เพื่อตรวจโรคให้เจอในระยะต้น การรักษาในระยะต้นจะหมดค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาในช่วงปลายของโรค การวางแผนเตรียมเงิน ใช้เงินเพื่อตรวจคัดกรองถึงแม้ไม่เจอโรค ก็จะยังคุ้มค่ากว่า ค่าใช้จ่ายการรักษาโรคระยะปลาย (ก่อนการประกาศแนวทางจะมีการศึกษาเรื่องความคุ้มค่าคุ้มทุนออกมาแล้ว)

- ค่าใช้จ่ายเพื่อการตรวจคัดกรอง จะมากขึ้นตามอายุ ถ้าเราไม่วางแผนแต่เนิ่น ๆ เราอาจจะมีค่าใช้จ่ายปริมาณมากเมื่อเราอายุมาก และอาจจ่ายไม่ไหวถ้าไม่เตรียมตัว ในช่วงที่เราอายุน้อย หาเงินได้มาก ค่าใช้จ่ายการตรวจที่ราคาไม่แพงอาจไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่จะเป็นอีกเรื่องหากเราไม่มีรายได้เมื่อเกษียณ

-  สิทธิพื้นฐานด้านการรักษาสุขภาพที่เรามีนั้น ยังมีความไม่สมบูรณ์นักในเรื่องการ "ป้องกันก่อนเกิดโรค" รวมถึงกำลังคนทางสาธารณสุขที่มียังไม่สามารถตอบสนองเรื่องการรักษาได้เพียงพอ ดังนั้นการป้องกันโรค เราอาจต้องพึ่งพาตัวเองมากขึ้น การลงทุนตรงนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ

-         ยกตัวอย่างการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยวิธีส่องกล้องลำไส้ กำหนดทำทุกสิบปี เริ่มตั้งแต่อายุ 45-50 แล้วแต่ประเทศ ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลเอกชนระดับมาตรฐานทั่วไปประมาณ 20,000-30,000 บาท ถ้าเราเริ่มทำตอน 50 เราจะทำประมาณ 3 ครั้ง ตีกลม ๆ 100,000 บาท เราอาจไม่เจอมะเร็งก็ได้ แต่ถ้าเจอมะเร็งในระยะต้น การรักษาจะหายขาดและใช้เพียงการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว 

-         แต่ถ้าเราไปเจอระยะท้ายแล้ว ค่ายาเคมีบำบัดอย่างเดียวก็เกินแสนบาทแล้ว ยังไม่นับค่าอย่างอื่นอีก

- การวางแผนการตรวจคัดกรองก่อนเกิดโรคในแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นกับพันธุกรรม ความเสี่ยงส่วนตัว สภาพการใช้ชีวิต ท่านสามารถปรึกษาแพทย์ประจำตัวว่าตัวท่านต้องคัดกรองอะไร ทุกกี่ปี ในแต่ละช่วงอายุควรคัดกรองอะไรบ้าง (เอาที่จำเป็นตามแนวทางก่อนนะครับ ไอ้ที่ทำเกินเผื่อความสบายใจเรายังไม่นับ) เราจะได้วางแผนเตรียมเก็บเงิน เอาเงินไปลงทุน

- ผมมีคนไข้ที่ต้องทำ mammogram ตรวจมะเร็งปากมดลูก เป็นประจำ เธอไปซื้อสลากออมสินครับ ยังไงก็ต้องมาทำ ก็วางแผนลงทุนเลย ครบกำหนดก็ไถ่ถอนและได้ดอกเบี้ย เธอก็ถูกรางวัลนะครับ แต่ครั้งละไม่มาก 300 บาทประมาณนี้

- และเมื่อได้ผลการคัดกรองหรือการตรวจสุขภาพ จะต้องนำมาปรับใช้ให้เกิดมรรคผล เช่น เจอไวรัสตับอักเสบบี ก็ใช้ปรึกษาหมอเพื่อรักษา เมื่อเจอไขมันสูง ก็ต้องเลิกเหล้า ควบคุมน้ำหนัก ถ้าเราตรวจแล้วไม่ทำอะไรเลย ก็ถือเป็นความสิ้นเปลือง แถมยังขาดทุนหากเราไปพบโรคระยะปลายที่เราตรวจทราบในระยะแรกแต่เราไม่ทำอะไรกับมัน

 

การเตรียมเงินสำรองเพื่อสุขภาพ

  การเตรียมเงินสำรองนี้ เผื่อไว้ในกรณีไม่คาดคิดครับ เรื่องการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่คาดคิด  แทนที่เราจะปล่อยความเสี่ยงนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ มาปรับให้มาเป็นค่าใช้จ่ายที่พอคาดเดาและจัดการได้ครับ

- โดยทั่วค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน จะคาดเดาที่เท่ากับ ค่าใช้จ่ายจำเป็นในแต่ละเดือน คูณ 6 เดือน (หรือบางคนคูณสิบสองเดือน) ตรงนี้คือค่าใช้จ่ายนอกเหนือค่ารักษาพยาบาลในกรณีเราไม่มีรายได้ แต่ถ้าเรายังมีรายได้เข้ามาเรื่อย ๆ เราอาจกันเงินตรงนี้บางส่วนไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายทางอ้อมต่าง ๆ เกี่ยวกับความเจ็บป่วยได้

- ความเสี่ยงบางส่วนจะถูกจัดการด้วยสิทธิการรักษาพยาบาลพื้นฐานและประกัน ถ้าเราลงทุนตรงนั้นแล้ว จะทำให้การจัดสรรเงินตรงนี้เพื่อความเจ็บป่วยทำได้คล่องขึ้น มีเงินสำรองชีวิตเผื่อฉุกเฉินในทางต่าง ๆ มากขึ้น

- การจัดสรรเงินฉุกเฉินตรงนี้จะต้องมีการทบทวน ปรับเปลี่ยนตามอายุและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น อายุมากขึ้นก็เก็บในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเสี่ยงต่ำ เช่นเงินฝาก แต่หากอายุน้อยอาจเก็บในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากกว่าได้ เช่น กองทุน หุ้น กรณีหากเรามีโรคแล้ว เช่น เบาหวาน ก็ต้องจัดสรรทรัพย์สินส่วนนี้ใหม่ ให้ปลอดภัยมากขึ้น สภาพคล่องสูงขึ้น เพราจะมีโอกาสต้องนำเงินตรงนี้มาใช้มากขึ้น

 

เอาล่ะที่เรากล่าวมา 4 ข้อ จะมีเรื่องการเตรียมเงิน เตรียมเวลาเผื่อสุขภาพที่ดี การรักษาระยะต้น และความมั่นคงเมื่อเจ็บป่วย แต่ถ้าเราสุขภาพแข็งแรงดีคือ ไม่ต้องหยิบเงินตรงนี้มาใช้เลย สินทรัพย์ตรงนี้จะทำให้เรามีกำไรมากมายถ้าเรารู้จักใช้

 

การจะแข็งแรงได้เราก็ต้อง

- ลงทุนเงิน เช่น ซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย (ซื้อมาแล้วใช้มันด้วยนะ) สมัครฟิตเนส ซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบทำอาหาร ซื้อรองเท้าที่ปลอดภัยใส่ทำงาน   สิ่งที่ได้กลับมา มากกว่าที่เสียไปแน่นอน

- ลงทุนแรงกาย ต้องออกแรงเล่นกีฬา ต้องสม่ำเสมอเหมือนสะสมเงินรายเดือน ต้องทำอาหารเอง สิ่งที่ได้กลับมา มากกว่าที่เสียไปแน่นอน

- ลงทุนเวลา ให้เวลาพักผ่อนมากขึ้นมาแทนที่โอทีเพื่อหนี้ฟุ่มเฟือย ให้เวลามากขึ้นกับการออกกำลังกาย นอนเร็วขึ้นตื่นเช้ามาทำอาหารกล่อง นอนก็มากขึ้น ประหยัดค่าอาหาร ได้อาหารที่เราต้องการด้วย สิ่งที่ได้กลับมา มากกว่าที่เสียไปอย่างแน่นอน

- ลงทุนสติปัญญา มาทบทวนสิทธิการรักษา วางแผนการเงินเรื่องสุขภาพ ซื้อประกัน อ่านหนังสือเพื่อช่วยจัดการการเงิน ศึกษาเรื่องสุขอนามัยที่ดี สิ่งที่ได้กลับมา มากกว่าสิ่งที่เสียไปอย่างแน่นอน

 

ทุกคนสามารถปรับได้ จะต้นทุนมาก หรือมีต้นทุนน้อย ปรับให้เข้ากับชีวิตตัวเอง สามารถลงทุนเพื่อสุขภาพหรือใส่หัวข้อสุขภาพไปในการจัดการชีวิตเสมอ โดนจัดสรรให้มีความสุขร่วมกันทั้งการเงิน การงาน สุขภาพ ครอบครัว เพื่อนฝูง สร้างความสมดุลและความสุขในการใช้ชีวิต

 

สามารถปรึกษาการเงินส่วนบุคคลได้ที่ Smart Money More Fun และ Avengers Team

สามารถติดต่อบรรยายเรื่องการจัดการการเงินได้ที่ Dr. Money

ส่วนใครอยากติดต่อลุงหมอ ไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย แค่กาแฟดำหอม ๆ และรอยยิ้มน่ารักของน้องบาริสต้า แค่นี้ก็พอครับ


 


28 มีนาคม 2564

ลินด์เซย์ นอริส บรรณารักษ์สาวนักสืบ... นักสืบแรร์ไอเท็ม

 มาต่อกันสำหรับเล่มสองของ ลินด์เซย์ นอริส บรรณารักษ์สาวนักสืบ... นักสืบแรร์ไอเท็ม

นิยายชุดสามตอนในสไตล์ cozy mystery นักสืบแบบสนุก ๆ อ่านเบา ๆ ไม่ซับซ้อนไม่ซ่อนปม ออกแนวสนุกสนานมากกว่า ใครอยากรู้จัก cozy mystery และนักสืบต้นฉบับ (ตอนแรก ผมทำลิงค์มาให้แล้วครับ)

http://medicine4layman.blogspot.com/…/book-can-be-decieving…

สำหรับตอนที่สองนี้ ใครที่ไม่เคยอ่านตอนแรกก็สามารถอ่านเข้าใจได้ไม่ยาก มีการแนะนำตัวละครที่ไม่ละเอียดเท่าตอนแรก และเราอาจจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของตัวละครเท่าที่ควร ดังนั้นเพื่อความสนุกและฟิน ผมแนะนำอ่านเล่มหนึ่งก่อนครับ

มาถึงเล่มสอง เป็นเรื่องราวจากลินด์เซย์เหมือนเดิม เริ่มที่การเลือกตั้งประธานชมรมห้องสมุดที่มีผู้เสนอตัวน่าสนใจหน้าใหม่ ที่ทุกคนชื่นชอบมากกว่าหน้าเก่า เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาว่ามผู้สมัครหน้าใหม่ได้ตำแหน่ง ผู้สมัครหน้าเก่าและผู้สนับสนุนได้พยายามใส่ร้ายลินด์เซย์ว่า เป็นผู้บงการและอยู่เบื้องหลังผลการเลือกตั้งนี้

หลังจากนั้นเธอก็ได้รับคำขู่ การขู่ทำร้ายจากผู้สนับสนุนประธานคนเดิม ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้กัปตันแซลลี่ หนุ่มหล่อที่ลินด์เซย์แอบชอบ ได้เข้ามาดูแลและเกิดความรักกุ๊กกิ๊กจิกหมอนมากกว่าภาคแรก รวมทั้งมีหนุ่มหล่อ หลานชายประธานชมรมคนเดิมที่พยายามเข้ามาปรับความเข้าใจกับลินด์เซย์เรื่องลุงของเขา เหตุการณ์ดูไม่น่าจะมีอะไร จนกระทั่งสามีของประธานชมรมคนใหม่ ถูกลอบยิง !!

ใครคือฆาตกร การตายของสามีประธานคนใหม่ทำให้ใครได้ประโยชน์บ้าง เช่นเคยว่า ลินด์เซย์และกัปตันแซลลี่ อยู่กับประธานชมรมคนใหม่ในที่เกิดเหตุ ย่อมเป็นพยานที่ดีให้ท่านประธานชมรม ที่กำลังถูกทางตำรวจสงสัยว่าเป็นฆาตกรสามีตัวเอง ลินด์เซย์ก็ต้องมาเกี่ยวพันกับการไขปริศนาอย่างเลี่ยงไม่ได้

เรื่องราวจะสนุกสนาน มีการพ่อแง่แม่งอนพอให้แก้มแดง เรื่องราวเปลี่ยนโฟกัสจากเบธ เพื่อนของลินด์เซย์ในภาคแรก มาเป็นเรื่องราวในอพาตเม้นต์ของแนนซี่และลินด์เซย์ที่จะคอยช่วยประธานชมรมคนใหม่ ให้รอดพ้นจากข้อกล่าวหาได้อย่างไร

คุณจะได้อบอุ่นใจกับมิตรภาพของลินด์เซย์ แนนซี่เจ้าของอพาตเม้นต์ บรรดาชมรมคราฟเตอร์นูนของลินด์เซย์ที่มาช่วยเหลืออย่างอุ่นใจ และลุ้นไปกับสองหนุ่มสาวขี้อาย ลินด์เซย์และกัปตัน ว่าจะลงเอยกันหรือไม่

ปมปริศนาซับซ้อนกว่าภาคที่แล้วเล็กน้อย และมีเรื่องราวอุ่นใจ กุ๊กกิ๊กจิกหมอนมากขึ้น โดยรวมยังยิ้มและมีความสุขกับ cozy mystery เรื่องนี้ครับ นักสืบแรร์ไอเท็ม

อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความ

อาหารที่ผสมส่วนผสมของกัญชา

 อย่าไปคิดว่า อาหารที่ผสมส่วนผสมของกัญชา จะทำให้เราเมากัญชาแบบในหนัง หัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่หยุด หรือคึกจัด .. no no

ผู้ผลิตและจำหน่ายต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนกับทางภาครัฐ มีสูตรการผสมที่ผ่านการรับรองแล้ว ห้ามเปลี่ยนสูตรที่จดทะเบียนและกรุณาอย่าทำเอง ไม่สามารถหากัญชามาผสมขายเองได้นะครับ

ร้านที่เขาขาย เขาจะระบุชัดเจนว่ารายการอาหารใดมีส่วนผสมของกัญชา และมีคำเตือนว่าผู้ใดที่ไม่ควรกิน เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ ประกาศที่ต้องเตือนและระบุชัดเจน เพราะผู้ซื้อจะได้ทราบ ยิ่งกับเด็กและเยาวชน

ส่วนการกินอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชานี้ หากไม่ได้ปรุงแต่งเพิ่มเติม โอกาสจะเกิดผลหรือเกิดพิษจากกัญชา มีน้อยมากครับ เพราะสารสกัดผ่านกระบวนการทำอาหารมาแล้ว จะไม่ได้ออกฤทธิ์แรง ๆ เหมือนการจุดสูบใบกัญชาหรือการหยดน้ำมันกัญชา

กัญชาที่กำหนดตามสูตรใช้ทำอาหาร ไม่ได้มีปริมาณมากพอจะทำให้เมา และการบริหารกัญชาทางการกิน ก็มีโอกาสเกิดพิษไม่มากครับ

แต่ถึงอย่างไรก็อย่าประมาท หากเกิดอาการใจสั่น หวิว เหงื่อออกมาก หลอน ก็ต้องแจ้งคุณหมอว่ากินอาหารที่มีส่วนผสมกัญชาที่เป็นอาหารสูตรได้รับอนุญาตจากร้านใด ปริมาณเท่าใด เมื่อไร คุณหมอจะได้สืบค้นถูกต้องครับ ว่าอาการดังกล่าวเกิดจากพิษกัญชาหรือไม่

หมอดมยาไม่ถูกใจสิ่งนี้ "กันชา" เพราะคุณหมอดมยาทำงานเพื่อให้คุณ "ชา"

อาจเป็นรูปภาพของ เครื่องดื่ม และสถานที่ในร่ม

26 มีนาคม 2564

คิดถึงวิทยา

 รู้สึกอบอุ่นใจมาก หลังดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบ

หลังจากที่ได้สมัครสมาชิกเน็ตฟลิกซ์ ผมได้รู้ว่ามีภาพยนตร์ดี ๆ น่าประทับใจหลายเรื่องที่ผมพลาดไป วันนี้คลิกดูเรื่องนี้และไม่ผิดหวังจริง ๆ ... คิดถึงวิทยา

ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์การเป็นคุณครูโรงเรียนเรือนแพกลางอ่างเก็บน้ำของเขื่อน มีครูเพียงคนเดียว สอนนักเรียนประถมในทุกระดับชั้นและทุกวิชา กับเรือนแพต่อไม้หลังคาสังกะสี สองเรือนผูกติดกัน เป็นทั้งห้องเรียน ห้องครัว ห้องกิจกรรม และห้องนอน

เช้าวันจันทร์ผู้ปกครองจะขับเรือมาส่งที่โรงเรียนเรือนแพแห่งนี้ คุณครูจะเป็นทั้งเพื่อน ทั้งผู้ปกครอง และทั้งคุณครู กินนอนที่นี่ ตลอด 5 วัน เรียนรู้วิชาชีวิต เรียนหนังสือ ทำกิจกรรม ทำอาหาร จับปลา กระทั่งซ่อมอาคารเรียนที่พังจากพายุ เราจะได้เห็นความผูกพัน ความใสซื่อของเด็กที่เป็นแรงผลักดันให้คุณครูสร้างพวกเขาให้เข้มแข็ง

แต่คุณครูก็จะต้องห่างจากโลกภาพนอกตลอดเปิดเทอม ต่อสู้กับความเหงาที่กัดกินหัวใจ ต้องสู้ต้องอยู่รอด และดูแลเด็ก ๆ ตามลำพัง เป็นบททดสอบจิตใจที่แข็งแกร่งของคุณครู ว่าจะได้รับรางวัลที่สุดแสนวิเศษคือความสุขและความสำเร็จของเด็ก ๆ หรือไม่

ครูแอน ครูสาวที่มาสอนที่นี่ เธอมาใช้ชีวิตลำพัง เธอระบายความรู้สึก สิ่งที่คิดกับตัวเองลงในไดอารี่ เขียนความรู้สึกตัวเองลงไปทุกอย่าง จนผ่านไปหนึ่งปี เธอมีเหตุที่ต้องเข้าไปสอนในตัวเมือง แต่เธอลืมไดอารีนั้นไว้ที่โรงเรียนเรือนแพ

ครูสอง คุณครูพละที่ต้องมาสอนที่นี่ต่อจากครูแอน เขาได้พบไดอารีเล่มนี้ เหมือนเขาได้เจอเพื่อน เพื่อนที่บอกเล่าเหตุการณ์ เพื่อนที่คอยปลอบประโลม เพื่อนที่เคยผ่านสถานการณ์เดียวกันนี้เมื่อ 1 ปีก่อน ทำให้คุณครูสอง มีพลังและแรงใจจะดูแลเด็ก ๆ ให้ดี สานต่องานของครูแอนให้ได้

พล็อตเรื่องการสื่อสารผ่านไดอารีที่ต่างเวลากัน ทำได้อบอุ่นหัวใจ บททดสอบชีวิตของครูสองและครูแอนที่ช่วยให้เราคิดถึงปรัชญาการไม่ยอมแพ้ การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ผ่านไดอารีที่สองคนซึมซับประสบการณ์ของแต่ละคน โดยที่ไม่เคยพบเจอหน้ากันเลย

เป็นพล็อตเรื่องที่ดีมาเลยครับ สำหรับคนเขียนจดหมายอย่างผม ชอบนิยายที่บอกเล่าเรื่องราวที่เขียนจดหมาย เรื่องที่บอกเล่าผ่านไดอารีเรื่องนี้จึงอบอุ่นหัวใจมาก

ใครยังไม่เคยดู แนะนำเลยครับ ผมรับรองคุณจะมีแรงมาต่อสู้ชีวิตอีกหลายอึดใจเลยทีเดียว

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน, ผู้คนกำลังยืน และข้อความ

บทความที่ได้รับความนิยม