30 มิถุนายน 2564

จะต้องตรวจต้องกักตัวเมื่อไร เรามาลองเตรียมตัวกัน

 ถึงน้องพี่บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนทุกระดับ

ทุกวันนี้พวกท่านทำงานเหมือนอยู่ในสนามรบ ไม่รู้ว่าจะติดเชื้อไวรัส SARS-CoV2 เมื่อไรวันไหน หรือจะสัมผัสผู้ติดเชื้อเมื่อไร จะต้องตรวจต้องกักตัวเมื่อไร เรามาลองเตรียมตัวกันนะครับ

💓💓เตรียมล่วงหน้า💓💓
1. อุปกรณ์จำเป็น ยกกระเป๋าเข้าอยู่ได้ พวกเสื้อผ้าอาหารเขามีให้ครับ เราเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำส่วนตัวชุดเล็ก ๆ ไม่ต้องขนไปเป็นกระเป๋านะครับ เอาเท่าทีจำเป็น ยาประจำตัว อุปกรณ์การแพทย์ประจำตัวแบ่งไว้บางส่วนเผื่อต้องกักตัว 10-14 วัน อุปกรณ์การสื่อสารพร้อมที่ชาร์จไฟ ผ้าอนามัย

2. โหลดแอปลิเคชั่นที่จำเป็นพร้อมใช้ แอปสื่อสาร แอปทำงาน แอปการเงิน ธุรกรรมออนไลน์ ถ่ายภาพเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ยาประจำตัว เตรียมเบอร์ผู้ให้บริการเพื่อซื้อเวลาอินเตอร์เน็ตหรือค่าโทรเพิ่ม ได้ใช้แน่นอน

3. คิดเผื่อจัดการงานประจำไว้ด้วย งานที่ต้องทำจะฝากใคร งานบ้านจะทำอย่างไร ครอบครัวใครจะจัดการดูแล โดยเฉพาะคนที่เป็นเสาหลักครอบครัว คิดแผนไว้เลย

4. ทำประกันโรคโควิดไว้ก็ดี ราคาหลักร้อย ประกันหลักแสน ใครที่เป็นลูกจ้างรายวัน ลูกจ้างเอกชน เงินพวกนี้มาช่วยเราได้

5. ฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย วัคซีนที่เรามี แม้ว่าจะไม่ได้ดีที่สุด แต่เมื่อฉีดครบ จะช่วยลดอันตรายและช่วยลดความเสี่ยงของเราได้มาก ปรับจากเสี่ยงสูงเสี่ยงปานกลาง เป็นเสี่ยงน้อยได้เลย

💓💓อย่าลืมเวลาทำงาน💓💓
1. สวมอุปกรณ์ป้องกัน หน้ากากอนามัย แผ่นกันใบหน้า หมวกคลุมผม อันนี้คือพิ้นฐาน ถ้าใครต้องทำงานในที่เสี่ยงมากกว่านี้ ก็ปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัด ตรงนี้ช่วยได้เยอะนะครับและสำคัญมากด้วย

2. ล้างมือบ่อย ๆ มาก ๆ การล้างมือจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ ถ้ารวมกันทั้งการสวมชุด การล้างมือ การรับวัคซีน เราจะเสี่ยงไม่มากทันที

3. คิดเสมอว่าทุกคนมีโอกาสติดเชื้อ ตอนนี้ระบาดกันระลอกสี่แล้ว ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการเยอะมากและซึมลึกในชุมชนทุกระดับ ต้องตระหนักเสมอ เว้นระยะห่างตลอดที่ทำได้

4. กลับจากที่ทำงาน อาบน้ำเลย ล้างไม้ล้างมือ เปลี่ยนชุด เพิ่มความปลอดภัยให้คนในบ้าน

💓💓ถ้าเกิดติดหรือต้องกักตัว💓
1. แจ้งต้นสังกัด หัวหน้างานเสมอ แจ้งเร็ว ช่วยกันคิด หน่วยงานมีมาตรการรองรับอยู่แล้วครับ ให้เราทำตามมาตรการนั้น

2. แจ้งครอบครัว คนที่อยู่ด้วย ให้ทราบ จะได้จัดการงานต่อจากเรา และเข้ารับการประเมินความเสี่ยง ต้องคิดไว้ก่อนเลยว่าจะเข้าประเมินที่ใด แจ้งหน่วยงานสาธารณสุขที่ใด

3. ติดต่อผู้เกี่ยวข้อง ลูกหนี้ เจ้าหนี้ หากมีภาระผูกพันตามกฎหมาย ที่จะต้องจัดการในช่วงกักตัวมหรือมีผลกระทบจากการกักตัว มันมีมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา ทุกคนเข้าใจและประนีประนอมกันได้ ขอแค่บอก..อย่าหนี

4. ทำใจสบาย ๆ ทำตามขั้นตอนในสถานที่กักกันโรคหรือโรงพยาบาล ไม่ต้องเครียดเกินไป กินอาหารตามสมควร ออกแรงเท่าที่ทำได้ ติดต่อครอบครัวสม่ำเสมอ จะลดความเครียดลงได้

ข้อมูลได้มาจากคนที่ต้องกักตัว คนที่ติดเชื้อจากสถานที่ทำงาน คนที่มีปัญหาการเงิน คนที่มีครอบครัวต้องดูแล เจ้าของกิจการ ลูกจ้าง และเพื่อนแพทย์หลายท่าน

อาจเป็นรูปภาพของ แมว และข้อความ

Stool for H.pylori antigen

 Helicobacter pylori เชื้อโรคสำคัญที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร

เกือบห้าสิบปี ที่โลกได้รับรู้ว่า แผลในกระเพาะเป็นโรคติดเชื้อจากเชื้อทนกรด H.pylori หลังจากนั้นเราจัดการแผลในกระเพาะและเลือดออกและเลือดออกจากทางเดินอาหารได้ดีมาก

นั่นเพราะการตรวจจับและกำจัดเชื้อทำได้ดี รวมไปถึงการดูแลรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อ H.pylori อื่น ๆ ด้วยเช่น มะเร็งกระเพาะบางชนิด เลือดออกจากยาที่จะเพิ่มโอกาสหากมีเชื้อ H.pylori

จากเดิมที่เราเคยตรวจหาจากการส่องกล้องทางเดินอาหาร ้พื่อตัดชิ้นเนื้อไปตรวจหาเชื้อโรค ที่มีข้อดีคือได้ 'เห็น'และทำการรักษารอยโรคได้เลย แต่การส่องกล้องก็ไม่ได้มีเพียงพอและก็ยังเสี่ยงอันตราย การติดหาวิธีตรวจเชื้อ H.pylori แบบปลอดภัย ไม่รุกล้ำจึงเกิดขึ้น

วิธีการตรวจยูเรียทางลมหายใจ (เชื้อ H.pylori สร้างยูเรีย) วิธีการตรวจหาแอนติบอดีในเลือด วิธีการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ และวันนี้เราจะมารู้จักการตรวจหาแอนติเจนในอุจจาระ

Stool for H.pylori antigen มีความไวประมาณ 90% และความจำเพาะประมาณ 95% สูสีใกล้เคียงกับการตรวจลมหายใจ ไม่รุกล้ำ ง่าย (ราคายังสูง) แต่มีข้อเสียคือถ้าระดับแอนติเจนน้อยอาจตรวจไม่พบ ถ้ายังสงสัยแต่ผลอุจจาระเป็นลบ คงต้องตรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม

ตามคำแนะนำของ the Maastricht IV consensus report ที่นับว่าขลังที่สุดสำหรับการทบทวน แนวทาง ข้อแนะนำการปฏิบัติสำหรับการรักษาแผลในกระเพาะและการติดเชื้อ Helicobacter pylori ได้แนะนำว่า

ในประเทศที่มีความชุกของการติดเชื้อ H.pylori เกิน 20% (ไทยก็เกิน) แนะนำให้ตรวจหาเชื้อและรักษาได้เลย ในผู้ป่วยที่สงสัยจะติดเชื้อ เช่นเลือดออกทางเดินอาหาร, ปวดจุกท้องเรื้อรัง, แผลในกระเพาะ, โรคที่มีการติดเชื้อ H.pylori แล้วจะแย่ลง โดยไม่จำเป็นต้องใช้การส่องกล้องตรวจหาเชื้อทุกราย สามารถใช้การตรวจลมหายใจหรือการตรวจ stool antigen เพื่อหาเชื้อและรักษาได้ โดยอาจจะตรวจยืนยันซ้ำหลังการรักษาเพื่อติดตามผลได้

เป็นอีกทางเลือกของการกำจัดเชื้อ Helicobacter pylori แบบง่ายและไม่รุกล้ำครับ

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และข้อความพูดว่า "Pharynx Oral cavity Uyula Tongue Salivary Glands Parotid Submandibular Sublingual Esophagus Liver Gallbladder Stomach Common bile duct Pancreas Pancreatic duct Colon Transverse colon Ascending Descending colon- ISmal Duodenum Jejunum lleum Cecum Appendix Rectum anus"

29 มิถุนายน 2564

ctDNA กับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่

 ctDNA กับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่

มาตรการการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ในปัจจุบัน ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและลดการสูญเสียทรัพยากรในการรักษาไปมากมาย แต่ปรากฏว่ามีผู้ที่เข้ารับการคัดกรองไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น

การตรวจอุจจาระ ต้องตรวจสามวันติดต่อกันและทำทุกปี

การตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ ค่าใช้จ่ายสูงและทำไม่ได้ทุกที่ หากพบความผิดปกติต้องไปส่องกล้องซ้ำ

การตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ บุคลากรไม่เพียงพอ ต้องเตรียมลำไส้ และเสี่ยงอันตรายจากการทำหัตถการ

ข่าวจากการประชุมแพทย์โรคมะเร็งสหรัฐอเมริกา (ASCO 2021) ได้นำเสนอวิธีการคัดกรอง ย้ำอีกรอบว่าเป็นการคัดกรองนะครับ ไม่ใช่การตรวจเพื่อวินิจฉัยที่แน่นอน สำหรับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยวิธีการตรวจเลือดหาดีเอ็นเอของมะเร็ง circulatory tumor DNA (ctDNA) โดยให้แนวคิดว่าเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ซับซ้อน อันตรายต่ำ ค่าใช้จ่ายไม่มาก และความไวพอสมควร

ความไวพอสมควรนั้น ในการประชุมครั้งนี้ ทีมนักวิจัยได้นำเสนอการศึกษาแบบ Case-Control คือนำคนที่ได้รับการวินิจฉัยมะเร็งรายใหม่ มาตรวจเลือดหา ctDNA เทียบกับวิธีการตรวจชิ้นเนื้อมาตรฐานว่ามีความไวความจำเพาะเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับวิธีมาตรฐาน และหากเทียบกับกลุ่มตัวอย่างควบคุม คือไม่เป็นมะเร็งนั้น โอกาสจะเกิดผลบวกจริง ลบจริงเป็นอย่างไร โดยการทดสอบใช้อุปกรณ์การทดสอบชื่อ LUNAR-2 จากบริษัท Guardant health

จากจำนวน ผู้ป่วยรายใหม่ 433 ราย พบความไวของการทดสอบนี้คือ 91% โดยในมะเร็งระยะสามจะไวกว่ามะเร็งระยะ 1-2 เล็กน้อย ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะก้อนใหญ่กว่า มีการรุกล้ำมากกว่า ในมะเร็งที่ยังไม่มีอาการจะตรวจพบได้น้อยกว่ากลุ่มมะเร็งที่มีอาการแล้ว แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ

ความจำเพาะต่อการตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ อยู่ที่ 94% ความไวและความจำเพราะนี้ ไม่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง โรคระยะแรกและโรคระยะหลัง มีอาการหรือไม่มีอาการ มะเร็งลำไส้ใหญ่ฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวา (สองฝั่งอาการจะต่างกัน)

ตอนนี้กำลังเก็บข้อมูลการวิจัยในคนเพื่อประเมินประสิทธิภาพในทางคลินิกชื่อ ECLIPSE ที่จะเก็บข้อมูลสิ้นสุดในปลายปีนี้ คงจะได้เห็นกันว่าดีหรือไม่ จริง ๆ เรื่องการตรวจวัดแบบนี้มีการศึกษาทำในเอเชียที่เกาหลีและญี่ปุ่นเช่นกัน ผลความไวและความจำเพาะไม่ต่างกับในกลุ่มประเทศตะวันตกเท่าไร

อนาคตอันใกล้ เราจะก้าวไปสู่ยุค Genomic Technology กันแล้ว “นะจ๊ะ”

อ้อ... อังกฤษเล่นดีมาก แต่จะแพ้เยอรมัน 2-0 ครับ

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน

28 มิถุนายน 2564

HiccAway

 อุปกรณ์ หลอดดูดน้ำชนิดหนึ่ง เพื่อใช้หยุดอาการสะอึก มีการศึกษารองรับจาก JAMA Network Open แสดงว่าเจ๋ง ??

บริษัทสตาร์ตอัพแห่งหนึ่งได้ประดิษฐ์อุปกรณ์หลอดดูดน้ำแบบพิเศษ เพื่อหยุดอาการสะอึก เขาอธิบายแบบนี้ จังหวะที่เราดูดน้ำด้วยความแรงมาก ๆ (เพราะเส้นผ่านศูนย์กลางหลอดมันน้อย) เป็นเวลานานพอ กระแสประสาทจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 (vagus)ที่ควบคุมการปิดกล่องเสียง และเส้นประสาทที่ไปควบคุมกระบังลม (phrenic) ที่ต้องรับและส่งสัญญาณพร้อมกัน จะไปปรับจูนสมดุลของเส้นประสาททำให้หยุดอาการสะอึกได้ (กรุณาไปหาชื่อของผลิตภัณฑ์ในวารสาร)

เขาได้ทำการศึกษาในอาสาสมัครที่มีอาการสะอึกบ่อย ๆ ให้ลองใช้อุปกรณ์นี้ พบว่าหยุดสะอึกได้ 92% มีความพึงพอใจมากในการใช้อุปกรณ์สูงถึง 90% เมื่อเทียบกับวิธีหยุดสะอึกแบบเดิม เช่น ดื่มน้ำจากอีกด้านของแก้ว การกลั้นลมหายใจ การจิบน้ำ

ตอนนี้วางจำหน่ายเรียบร้อย สั่งทางเอมาซอนได้ด้วย

แต่การศึกษานี้ รับสมัครจากคนที่เคยมีปัญหาสะอึกประจำ ไม่ได้สุ่ม มีการคัดเลือก เรียกว่ามี selection bias ไม่ได้แยกด้วยว่าสาเหตุการสะอึกเกิดจากเหตุใด เป็นจากความผิดปกติที่แก้ไขได้ หรือแบบที่เกิดเอง เรียกว่ามีตัวแปรปรวนมาก (confounder)

ไม่มีกลุ่มควบคุม แต่ใช้เทียบประสบการณ์เดิมจากผู้เข้าการศึกษา ซึ่งมี bias มาก เพราะหากเขาไม่สำเร็จด้วยวิธีอื่นแล้ว เขาจะให้คะแนนวิธีเดิมน้อยมาก แถมกลุ่มตัวอย่างก็แค่ 200กว่าคน

พยายามใช้ตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลข ให้คิดออกมาเป็นตัวแปรต่อเนื่องและตัวแปรแจงนับ แต่ก็มาจากการแปรรูปจาก 'คะแนนความพึงพอใจ' ที่เป็นนามธรรมและผันแปรจากประสบการณ์ ยิ่งได้เจอของใหม่กลิ่นใหม่ มันจะโน้มเอียงไปทางที่ชอบมากกว่า

***หนึ่งในทีมงานวิจัย คือ ผู้ที่ทรงลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์และจดสิทธิบัตร ***

ยาใด การรักษาใด สิ่งใด ที่มีการอ้างงานวิจัย จะตีพิมพ์ในวารสารชื่อดังเพียงใด ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นมันจะสมบูรณ์หรือไร้ข้อกังขาเสมอไป

Alvarez J, Anderson JM, Snyder PL, et al. Evaluation of the Forced Inspiratory Suction and Swallow Tool to Stop Hiccups. JAMA Netw Open. 2021;4(6):e2113933. doi:10.1001/jamanetworkopen.2021.13933

อาจเป็นภาพระยะใกล้ของ หนึ่งคนขึ้นไป และเครา

27 มิถุนายน 2564

ประโยชน์ของการถือหนังสือ

 ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือ และ มักจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่เวลาเจอหนังสือใหม่

เอาคำแนะนำไป

การพกหนังสือที่คุณยังอ่านไม่จบ ติดตัว ติดมือไปในแต่ละที่ นอกจากจะเป็นการอ่านสะสมทีละน้อย ๆ (ซึ่งทำให้ผมอ่านได้ปีละเกิน 50 เล่ม) ทำให้เราไม่ต้องจ้องหน้าจอโทรศัพท์ ทำให้ใจสงบเวลาต้องรอคอย

การมีหนังสือติดมือ จะช่วยให้เราไม่หยิบหนังสือเล่มใหม่กลับมาบ้านอย่างมีนัยสำคัญทีเดียว

คุณจะเกรงใจหนังสือในมือ ข้าพเจ้ายังอ่านในมือไม่จบนะเว้ย จะถอยเล่มใหม่ก็ได้คิด

จะเลือก จะหยิบก็ลำบาก มันมีอีกมือต้องถือหนังสือ พอเหน็บรักแร้ก็เอื้อมหยิบเล่มใหม่ยาก

หรือสุดทางพอจะจ่ายสามเล่ม มานับหนังสือในมือ มันจะตัดทอนเหลือเล่มเดียวได้ง่าย

กองดองไม่เพิ่ม หนังสือเดิมก็ได้อ่าน สตางค์ก็ไม่ลอยไปเยอะ


อาจเป็นรูปภาพของ หนังสือ

Sarajevo

 28 มิถุนายน 1914 ... ย้อนอดีตไป 107 ปี

ปลายยุคสมัยวิคทอเรียของจักรวรรดิอังกฤษอันเกรียงไกร มีอาณาจักรมากมายสถาปนาตัวขึ้นในยุโรป อาณาจักรรัสเซีย อาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี แต่ละอาณาจักรต่างขยายอำนาจ ต้องการดินแดน ทรัพยากร ประชากร เพื่อชิงความเป็นใหญ่ในยุโรปทั้งไหวพริบการเมือง การต่างประเทศ กองกำลังทหาร สถานการณ์คุกรุ่นพร้อมระเบิดตลอดเวลา แล้วชนวนก็เกิดระเบิดในวันที่ 28 มิถุนายน

เสียงปืนจากมือของกราซิลโล ปรินซิป หนุ่มชาวบอสเนีย ยิงใส่ อาร์คดยุค ฟรานซ์ เฟอดินันด์ มกุฏราชกุมารของออสเตรีย-ฮังการี เป็นเหตุให้อาร์คดยุคเสียชีวิตพร้อมพระชายา หลังจากนั้นประเทศต่าง ๆ ก็ห้ำหั่นกันในมหาสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

ใครที่ติดตามเพจมาตลอด จะรู้ว่าผมจะ 'หลงใหล' ประวัติศาสตร์ยุควิคทอเรียต่อมาถึงสงครามโลก คิดประมาณปี 1830-1945 เป็นยุคที่มีอะไรให้ศึกษามากมาย และเชื่อมโยงมาถึงการเมืองการต่างประเทศในปัจจุบัน ผมทั้งอ่านหนังสือ ดูหนัง เล่นเกม เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ช่วงนี้มากมาย วันนี้จะมานำเสมอภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ในสมัยนั้นได้ดีมาก ...Sarajevo

ภาพยนตร์จากออสเตรีย ถ่ายทำที่ประเทศเช็ก แน่นอนอาจจะไม่ใช่หนังติดตลาดเหมือนจากฝั่งฮอลลีวูด หนังย้อนเวลาไปในฉากช่วงปี 1914 ทั้งเรื่องการจัดฉาก อาคารบ้านเรือน ชุดแต่งตัว วัฒนธรรมยุคนั้น ทำได้สวยและเหมือนเราย้อนเวลาได้จริง ตรงกับสิ่งที่บรรยาย ในหนังสือต่าง ๆ และที่ปรากฏในพิพิธภัณฑ์ทั้งหลาย

อีกทั้งเรื่องราวเป็นการสืบสวนหาผู้กระทำผิดในกรณีสังหารอาร์คดยุค ตัวเอกเป็นเจ้าหน้าที่กฎหมายระดับสูงของออสเตรียที่ประจำการในซาราเยโว แม้ตัวเขาจะทำงานให้กับรัฐบาลออสเตรีย แต่พื้นเพของเขาคือยิวฮังการี ที่ถูกออสเตรียผนวกเข้าไปในอาณาจักร ที่นั่งเดียวกันกับกลุ่มชาตินิยมชาวเซอร์เบีย บอสเนีย ที่ถูกอาณาจักรออสเตรียผนวกดินแดนเช่นกัน

จึงนำเสนอมุมมองที่ต่างออกไปว่า สถานการณ์มันไม่ใช่แค่การลอบสังหาร แต่คือการเมืองระหว่างประเทศที่ร้อนระอุ การสมคบคิดกันเพื่อครอบครองดินแดน ผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ โดยมีประเทศเล็ก ๆ เป็นหมากเป็นเบี้ย การลอบสังหารนี้เกิดจากความ 'ชาตินิยม' ของปรินซิปจริงหรือไม่ หรือเกิดจากเหตุอื่น เพราะวันนั้นมีการเคลื่อนย้ายกำลังทหารออกไปจากขบวนเสด็จ และใช้กำลังตำรวจเพียง 36 นายเพื่ออารักขาอาร์คดยุค ท่ามกลางความขัดแย้งในดินแดนที่ยึดครองมา หรือเกิดจากเหตุอื่น ที่รถของอาร์ดยุค เลี้ยวห่างจากที่หมายและไปจอดตรงหน้าปรินซิปยืนอยู่พอดี !!!

เป็นมุมมองที่ไม่สรุป แต่นำเสนออย่างน่าสนใจ แปลกแตกต่างออกไป ผูกเรื่องได้ดี แต่สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์และการเมืองระหว่างประเทศตอนนั้นอาจงงบ้าง สำหรับผมมันคือสวรรค์เลยทีเดียว โดยเฉพาะฉากที่ย้อนยุคแบบนี้ ชอบมาก

ทำให้ย้อนคิดถึงเกมสองเกมที่เคยเล่นและยังติดใจกับฉาก การแต่งตัว สภาพบ้านเมือง ในยุควิคทอเรีย คือ the Order 1886 เกมที่นำเสนอองค์กรอัศวิน สืบทอดมาจากอัศวินโต๊ะกลม เพื่อรักษาบ้านเมืองให้พ้นจากภัยปีศาจไลแคนส์ อสูรที่กินมนุษย์ บังเอิญว่า อสูรขาใหญ่บางคนมีอิทธิพลในรัฐบาลและใช้นโยบายรัฐเพื่อขยายเผ่าพันธุ์ไลแคนส์ของตัวเอง เรียกว่าได้บรรยากาศเดินเล่นในกรุงลอนดอนยุคปลายวิคทอเรีย ..ชอบมาก

และอีกเกม ใครที่ชอบประวัติศาสตร์น่าจะชอบคือ Assassin's Creed ในภาค Syndicate ยุคหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส และภาค Unity ในฉากอังกฤษยุคหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมและจักรวรรดิ บ้านเมืองในเกม อาคารสถานที่ การแต่งตัว อาวุธ คำสนทนา เรียกว่าอินไปกับการย้อนยุคเลยทีเดียว

ใครที่ชอบประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ห้ามพลาดนะครับ แต่หนังคือหนังนะครับ ไม่ใช่เรื่องจริง เสพเอาความบันเทิงเท่านั้น อ้อ...ผมฟังภาษาเขาพูดไม่ออก น่าจะเป็นเยอรมันนะ แต่หนังมีบรรยาอังกฤษและบรรยายไทย จาก netflix ครับ

มาสิงเพจนี้ก็ต้องทำใจนะครับ อีตาลุงหมอชอบของเก่า เดินเล่นตามพิพิธภัณฑ์และโบราณสถาน ยิ่งเรื่องประวัติศาสตร์สงครามละก็...เข้าไส้ทีเดียว

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน และข้อความพูดว่า "event mONH 1914 The or SARAJEVO the Great War eve A118 BeTa"

26 มิถุนายน 2564

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ผลแทรกซ้อนที่รับได้ของวัคซีนชนิด mRNA

 กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ผลแทรกซ้อนที่รับได้ของวัคซีนชนิด mRNA

ระบบการรายงานผลแทรกซ้อนของวัคซีนในสหรัฐอเมริกา รายงานผลแทรกซ้อน กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หลังจากรับวัคซีนโควิด

รายงานเข้ามา 616 ราย พิสูจน์ว่าเป็นหัวใจอักเสบจากวัคซีนจริง 393 ราย เกือบทั้งหมดอาการไม่รุนแรง และหายได้เอง หรือมากสุดก็ใช้ยาต้านการอักเสบ ส่วนมากพบในผู้ชาย อายุน้อยกว่า 30 ปี

ทั้ง CDC, American Heart Associations ได้ออกมากล่าวว่า ตัวเลขนับว่าพบน้อยมาก จากการฉีดไปมากกว่า 300 ล้าน พบเพียงเกือบ 400 ราย และไม่เกิดอันตรายรุนแรง และยังยืนยันให้วัคซีนต่อไป เพราะประโยชน์จากวัคซีนยังสูงกว่าโทษแบบเทียบกันไม่ได้

วัคซีนโควิดทุกชนิดมีประโยชน์และโทษ หลายอย่างเราก็ไม่รู้และเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน

เดนมาร์กเฉือนเวลส์ 1-0
อิตาลีผ่านออสเตรียสบาย ๆ 2-1

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และข้อความพูดว่า "สั้นสั้น เร็วเร็ว เร็ว กับ คาริอุส"

Carnage in America :COVID-19, Racial Injustice and the Demise of Donald Trump

 มีข่าวมาเล่าให้ฟัง

หนังสือเรื่อง Carnage in America :COVID-19, Racial Injustice and the Demise of Donald Trump หนังสือเล่าเรื่องราวความเหลื่อมล้ำและความผิดปกติของนโยบายการรับมือปัญหาโควิดในอเมริกา วางจำหน่ายในราคา 18 ดอลล่าร์สหรัฐ และหากซื้อแบบอีบุ๊กผ่านคินเดิลจะถูกลงเหลือแค่ 9 ดอลล่าร์สหรัฐ หนังสือเล่มนี้มีประเด็นรุนแรงทีเดียว

หลังจากหนังสือเล่มนี้ได้รับการวางจำหน่าย คุณหมอ Steven Weiss อายุรแพทย์ชาวอเมริกา ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ได้รับจดหมายเชิญออกจาก mayo clinic ทันที คุณหมอได้นำจดหมายและออกข่าวในหลายสื่อหลายสำนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นดังนี้

คุณหมอเป็นอายุรแพทย์วัย 62 ปี ปฏิบัติงานอยู่ที่รัฐวิสคอนซิน โดยทำงานหลายที่และมีคลินิกที่อยู่ในความรับผิดชอบ เป็นเครือข่ายของ Mayo Clinic โรงเรียนแพทย์และสถาบันการแพทย์ชั้นนำของอเมริกา คุณหมอสนใจปัญหาการรับมือปัญหาโควิด วิเคราะห์และวิจารณ์เขียนลงบล็อกส่วนตัวมาตลอด คราวนี้จึงมารวมเล่มเป็นเล่มนี้ เนื้อหาภายในจะเป็นการกล่าวถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำการจัดการ การแยกสีผิว ความผิดพลาดและผิดสังเกตของนโยบายสาธารณสุขของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

รวมถึงรายงานความผิดสังเกต วิเคราะห์วิจารณ์นโยบายของ Mayo Clinic โดยเฉพาะเรื่องการจัดสรรและควบคุมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ และมีการกล่าวโยงถึงการเมืองอีกด้วย

คุณหมอแจ้งให้สำนักข่าวว่า ทาง Mayo Clinic ให้เขาลาออกก่อนหน้านี้ จากปัญหาเรื่องข้อมูลในหนังสือแต่เขายืนยันความถูกต้อง ยืนยันว่าตัวเองไม่ผิดสัญญาว่าจ้างแต่อย่างใด ทางต้นสังกัดจึงออกหนังสือยุติการจ้าง และเมื่อถึงวันที่กำหนดคุณหมอ Weiss จะไม่สามารถทำงานต่อ ไม่สามารถตรวจรักษาคนไข้ในสังกัดคลินิกของ Mayo ได้อีก

ทาง Mayo Clinic ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลเช่นกันหลังจากที่คุณหมอ Weiss เปิดเผยเรื่องนี้ต่อสำนักข่าว โดยบอกว่าบทความและเนื้อหาในหนังสือนั้น เป็นการบิดเบือนและทำลายความน่าเชื่อถือของระบบสาธารณสุขของรัฐ และเป็นความเห็นส่วนตัว ทาง Mayo Clinic ไม่มีส่วนใด ๆ กับหนังสือนี้ และนอกจากนี้คุณหมอ Weiss ยังนำข้อมูลของสถาบันไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ปกปิดข้อมูลคนไข้ ไม่ทำตามระเบียบของสถาบัน ที่จะต้องให้ผู้ปฏิบัติงานของสถาบันส่งเอกสารมาให้ตรวจก่อนจะตีพิมพ์ใด ๆ เป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นมืออาชีพอย่างยิ่ง

และผู้แทนของ Mayo Clinic บอกว่า ทางสถาบันเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไร ไม่ฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด และการให้ออกครั้งนี้ก็ไม่ได้ระบุเหตุผลที่ชัดเจน ไม่ได้บอกว่าเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้หรือไม่

คุณหมอ Weiss เองก็ออกมาโต้ว่า เขาเองก็ทำตามมาตรฐานวิชาชีพทุกอย่าง ไม่ได้บอกในหนังสือหรือบทความด้วย ว่าเขาเขียนในนามของ Mayo Clinic หรือใช้ข้อมูลของ Mayo แบบไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้อธิบายว่าเขาทำตามกฎเรื่องให้สถาบันตรวจสอบเอกสารก่อนตีพิมพ์หรือไม่

รู้สึกเรื่องราวแบบนี้ จะเพิ่งเกิดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บางประเทศ

ผมเพิ่งกดซื้อเล่มนี้มา อ่านไปคร่าว ๆ ยังไม่จบ ของแบบนี้ไม่อยากเชื่อใครถ้าไม่ได้อ่านเอง

ข้อมูลโควิด หรือ การศึกษาต่าง ๆ ในยุคนี้ นอกเหนือจากการวิเคราะห์วิจารณ์ทางวิชาการ ยังจะต้องระมัดระวังการเมืองอีกด้วย

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และข้อความ

วัคซีนโควิดชนิด mRNA กับการป้องกันการติดเชื้อโควิด

 มาเล่าให้ฟังเรื่อง วัคซีนโควิดชนิด mRNA กับการป้องกันการติดเชื้อโควิด

ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา การศึกษาวิจัยวัคซีนป้องกันโควิดทุกตัว มีเป้าหลักของการรักษาคือ 'ลดการติดเชื้อแบบมีอาการและการป่วยรุนแรง' ซึ่งทุกตัวผ่านเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก จะประสิทธิภาพมากน้อยก็ขึ้นกับรูปแบบงานวิจัย

ส่วนการลดการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ เป็นสิ่งที่วัดผลยากเพราะไม่มีอาการ ถ้าจะวัดผลต้องใช้การตรวจคัดกรองเป็นปริมาณมาก ข้อมูลการติดเชื้อแบบไม่มีอาการเราจึงยอมรับการศึกษาจากการเก็บข้อมูล ไม่ต้องทดลองควบคุม แต่ต้องเก็บในปริมาณมากพอ และต้องจัดการความแปรปรวนกับข้อมูลโน้มเอียง… ในวันนี้คือ การเก็บข้อมูลแบบชีวิตจริง (real world data)

หลายประเทศมีการเก็บข้อมูลหลังฉีดวัคซีนว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อแบบไม่มีอาการได้มากน้อยเพียงใด ปัจจุบันพบว่า วัคซีนชนิด mRNA สามารถลดการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ ด้วยประสิทธิภาพประมาณ 60-80% ยิ่งฉีดเป็นวงกว้างยิ่งลดการติดเชื้อได้ดี โดยประเทศที่วางแผนเก็บข้อมูลได้ดียังเป็นประเทศอิสราเอล เพราะวางแผนทุกขั้นตอนตั้งแต่ก่อนฉีดเข็มแรก เก็บข้อมูลครบเกือบทุกมิติ แต่ข้อมูลทั้งหมดจะมาจากวัคซีนเพียงตัวเดียวคือ BNT162b2 เท่านั้น

การเก็บข้อมูลเรื่องลดการติดเชื้อแบบไม่มีอาการในอิสราเอล พบว่าลดลงประมาณ 80-90% เทียบกับคนที่ยังไม่ได้ฉีด แต่การเก็บข้อมูลนี้ส่วนมากมาจากบุคคลทั่วไป และไม่นับบุคลากรทางการแพทย์เพราะบุคลากรกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าปรกติ

วันนี้เรามีการศึกษาเรื่องอัตราการติดเชื้อโควิดทั้งแบบมีอาการและแบบ 'ไม่มีอาการ' ในบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาล ทั้งที่เกี่ยวข้องกับคนไข้และไม่เกี่ยวข้องกับคนไข้ (เช่น การเงิน บัญชี บุคคล) เมื่อเทียบกันระหว่างฉีดวัคซีนกับยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ว่ามีความสัมพันธ์กันไหม จะลดหรือจะเพิ่มอย่างไร การศึกษานี้ทำที่เทลอาวีฟ อิสราเอล อีกเช่นเคย ลงตีพิมพ์ในวารสาร JAMA วันพุธที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา (ใครสนใจไปหาอ่านได้ฟรีนะครับ)

เป็นการศึกษาแบบเก็บข้อมูลย้อนหลัง โดยอาศัยเครือข่าย data ที่แข็งแกร่งของสาธารณสุขอิสราเอล แน่นอนว่าจะต้องฟังหูไว้หู เพราะเก็บข้อมูลย้อนหลัง อาจจะมีความโน้มเอียงไม่เป็นกลางเวลาแบ่งกลุ่ม หรือมีปัจจัยใดมาปนเปื้อนข้อมูลจนผิดเพื้ยนได้ แม้ผู้วิจัยจะบอกว่า ได้ใช้วิธีต่าง ๆ ทางสถิติมาช่วยเกลี่ย มาช่วยปิดจุดบอดตรงนี้ก็ตามที

ได้คนมาวิเคราะห์ 6710 คน แบ่งเป็นได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็ม 5053 คน และยังไม่ได้รับวัคซีน 757 คน โดยติดตามไปจนถึงวันที่ 28 หลังจากเริ่มเก็บข้อมูล (ก็มีคนที่ได้รับวัคซีนล่าช้า เลื่อน ได้สองเข็มปะปนกัน) โดยคนที่เข้าศึกษาจะมีการตรวจคัดกรองด้วยวิธีแยงจมูก PCR ทุกคนตามระยะเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอาการก็ตาม เพื่อตรวจหาการติดเชื้อแบบไม่มีอาการด้วยนั่นเอง ผลออกมาว่า

ถ้าวัดผลการติดเชื้อแบบมีอาการ กลุ่มรับวัคซีนติดเชื้อ 19.4 ต่อแสนวันประชากร ส่วนกลุ่มยังไม่ได้วัคซีนติดเชื้อ 186.1 ต่อแสนวันประชากร (หน่วย person-year เป็นหน่วยใช้ติดตามอุบัติการณ์การเกิดโรค) ประสิทธิภาพลดการเจ็บป่วยแบบไม่มีอาการเมื่อรับวัคซีนครบสองเข็มที่ 97% ใกล้เคียงการศึกษาทดลอง ใกล้เคียงการเก็บข้อมูล prospective (เก็บไปข้างหน้า ไม่ใข่เก็บย้อนหลังแบบนี้)

ถ้าวัดผลกาติดเชื้อแบบ 'ไม่มีอาการ' (การติดเชื้อแบบไม่มีอาการพบ 38% ของการติดเชื้อทั้งหมด) กลุ่มรับวัคซีนติดเชื้อ 19.1 ต่อแสนวันประชากร กลุ่มยังไม่ได้วัคซีนติดเชื้อ 67.9 ต่อแสนวันประชากร ประสิทธิภาพลดการติดเชื้อแบบไม่มีอาการเมื่อฉีดครบสองเข็ม อยู่ที่ 84% ก็เท่า ๆ กับการเก็บข้อมูลไปข้างหน้า

อย่างที่บอกว่า การเก็บข้อมูลย้อนหลังจะมีตัวแปรปรวน ความโน้มเอียงสูง ทางผู้วิจัยได้พยายามเกลี่ยตัวแปรทั้งหลาย ไม่ว่าปรับเรื่องเพศ อายุ ความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน ออกมาให้เป็นตัวที่เทียบกันได้ ผลปรากฏว่า ทุกตัวแปรเมื่อนำมาปรับมาคิด ผลก็ไปทางเดียวกันกับผลวิจัยหลัก

สรุปว่าอะไร … สรุปว่าสำหรับวัคซีน mRNA ตัวที่ชื่อ BNT162b2 โดยบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเท็ค มีประสิทธิภาพจริงในการลดการติดเชื้อโควิดทั้งแบบมีอาการและไม่มีอาการ ไม่ว่าจะบุคคลทั่วไปหรือบุคลากรทางการแพทย์ โดยพิสูจน์จากการทดลอง การเก็บข้อมูลไปข้างหน้าและการเก็บข้อมูลย้อนหลัง

แต่จะนำข้อมูลไปเทียบกับวัคซีน mRNA ตัวอื่นหรือวัคซีนไวรัสเวกเตอร์ หรือวัคซีนเชื้อตายใด ๆ มาเทียบกันตรง ๆ ไม่ได้นะครับ (อย่าลืมการศึกษาเทียบได้รับวัคซีนกับยังไม่ได้รับวัคซีน) หากอยากเทียบแบบนั้นต้องใช้ศิลปะและการสังเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากไม่ได้วัดผลกันตรง ๆ ตามกรรมวิธีการวิจัยครับ

เยอรมันชนะอังกฤษแน่นอน ฟันธง ขาดลอย 3-1 …. ผมรู้แฟนสิงโตคำรามในนี้เยอะมาก หึหึ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับแฟนบอลอังกฤษนะครับ

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และข้อความพูดว่า "adidas 0"

25 มิถุนายน 2564

quarantine

 ถามว่าเราควรกักกันโรค (quarantine) กี่วัน

คาริอุสบอกว่า ควรจะ 40 วันครับ เพราะว่า ในสมัยกลางตอนที่โรคกาฬโรคระบาดหนักในยุโรป สมัยนั้นเขาเดินทางกันทางเรือโดยเฉพาะที่ศูนย์กลางความเจริญของโลก ประเทศอิตาลี

ใครจะเข้ามาในเมิองเวนิซ จะต้องกักกันโรคอยู่บนเรือตัวเอง ห้ามขึ้นฝั่งเป็นเวลา quarantena หรือ 40 วัน ก็ลดการติดเชื้อได้น่าพอใจ เป็นที่มาของคำว่า quarantine นั่นเอง

อ่านปากคาริอุสดี ๆ นะครับ 40 วัน ไม่ใช่ "120 วัน"

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และข้อความพูดว่า "สั้นสั้น เร็วเร็ว เร็ว กับ คาริอุส"

statin กับ gynaecomastia

 นมโต ที่ติดค้างกันไว้

ตอนที่ทบทวนเรื่อง gynaecomastia ก็พบว่ายาตัวหนึ่ง ทำให้มีปัญหานมโตได้คือยา statin อันนี้ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เลยลงไปค้นเพิ่มเติม ไหน ๆ ค้นมาแล้วก็มาเล่าให้ฟังกันสักหน่อย เผื่อคุณสุภาพบุรุษจะได้มีข้อมูล ส่วนคุณสุภาพสตรีครับ การเกิดนมโตจากยา statin เกิดในผู้ชายนะครับ

มีรายงานการเกิดนมโตจาก statin ไม่มาก ส่วนใหญ่ที่รายงานมาคือ case report หมายถึงมีแค่รายงานครั้งละ 1-2 ราย เพื่อให้สังคมและวงการสาธารณสุขทราบว่า มันมีโอกาสเกิดนะ แม้จะไม่มากก็ตาม มีการศึกษาที่ใหญ่ทำที่แคนาดา ตีพิมพ์เมื่อสามปีก่อน ก็เป็นการศึกษาแบบ case - control คือรวบรวมคนที่มีอาการแล้ว มาเทียบกับคนไม่มีอาการ ในกลุ่มตัวอย่างที่นมโตหกพันกว่าคน เทียบกลุ่มควบคุมหกหมื่นกว่าคน

จะเห็นว่ารูปแบบการศึกษาทั้งหมด เป็นการรายงาน เป็นการเก็บตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว (คือการมองย้อนหลัง) ไม่ได้มีการวางแผนควบคุมตัวแปรต่าง ๆ และมีปัจจัยอื่นมารบกวนได้มากมาย ถ้าเหตุการณ์มันไม่ได้เกิดมากมายอย่างชัดเจน โอกาสที่จะบอกความเป็นเหตุเป็นผลว่า 'statin ทำให้นมโต' จะไม่มีน้ำหนัก บอกได้แค่โอกาสเกิดเท่านั้น

ครั้นจะศึกษาตั้งต้น ตั้งกรรมวิธี ควบคุมตัวแปร และเดินหน้าเก็บข้อมูล ขอบอกว่ายากมาก ต้องใช้เวลานาน ต้องใช้ทุนมหาศาล และกลุ่มตัวอย่างเยอะมาก เพราะโอกาสเกิดนมโตจาก statin เท่าที่รายงานมันน้อยมากนั่นเอง ... จินตนาการว่าเก็บข้อมูลว่ามีปัจจัยใดที่จะถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง โดยตั้งเป้าต้องมีคนถูกรางวัลที่หนึ่งสัก 100 คนก็จะพอบอกปัจจัยได้
คุณคิดว่าต้องเก็บข้อมูลเยอะแค่ไหน

ดังนั้นข้อมูลผลข้างเคียงแทรกซ้อนจากยา เราจึงยอมรับการศึกษาแบบ case report, case control ไม่จำเป็นต้องเป็นการศึกษาทดลองหรือเก็บข้อมูลไปข้างหน้า

เอาล่ะสิ่งที่พบคือ

1. Statin มีรายงานการเกิดนมโตจริง ดังนั้นหากคุณนมโตหลังจากมีการใช้ statin ให้คิดไว้ด้วยว่า นี่อาจจะเป็นสาเหตุก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ฟันธงว่าจาก statin แน่นอน ต้องประเมินเหตุอื่นเสมอ เพราะโอกาสเกิดมันไม่มาก

2. ไม่มีตัวเลข ความชุกหรืออุบัติการณ์การเกิดที่ชัดเจน บอกเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ อาจจะเพราะมีการศึกษาน้อย หรือรายงานเข้ามาน้อย หรืออาจจะเพราะโอกาสมันน้อยมากจริง ๆ อันนี้บอกไม่ได้

3. ยาที่มีรายงานมากที่สุด (อย่าลืมว่ามากที่สุดของข้อมูล ที่ปริมาณข้อมูลน้อยมาก ๆ) คือยา rosuvastatin รองลงมาคือ atorvastatin ดังนั้นไม่ตัดโอกาสความเป็นไปได้ที่ยา statin ตัวอื่นจะทำให้เกิด และเนิ่องจากปริมาณข้อมูลน้อยมาก จึงไม่ได้หมายความว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้ยาสองตัวนี้จะเกิด

4. ประมาณครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่รายงานว่ายา statin อาจทำให้เกิดนมโต ครึ่งหนึ่งที่ว่า มียาอื่นร่วมด้วยเต็มไปหมด ทำให้น้ำหนักของยา srtatin ที่จะเป็นผู้ร้ายของเรื่องนมโต ก็ลดลง

5. มีเพียงสองคน ที่รายงานว่า มี statin แล้วนมโต (แต่ก็มียาอย่างอื่นด้วย) หยุด statin แล้วนมเล็กลง ... ก็ดูมีน้ำหนักเนอะ มีเหตุ พอเอาเหตุออกก็หาย แต่อย่าลืมว่ามันมียาอื่นร่วมด้วยนะ... ถ้าจะให้ชัวร์ต้องใส่ยา statin เข้าไปอีกแล้วนมโตอีก อันนี้จะชัด แต่คงไม่มีใครทำ มันก็เลยสรุปข้อมูลเพียงแค่ว่า น่าจะ อาจจะ

สรุปแล้วว่า ถ้านมโตให้สืบค้นหาเหตุ และถ้าสงสัยจากยา ก็มีข้อมูลว่า statin อาจเป็นสาเหตุ และควรคิดถึงยาอื่น ๆ ก่อนเพราะ statin พบไม่บ่อย

และหากสงสัย statin (หาเหตุอื่น ๆ อย่างรอบคอบแล้ว) จะหยุดยาไหม ก็ต้องปรึกษาหมอที่ให้ยา ว่าประโยชน์ที่คาดหวังจาก statin คืออะไร ผลข้างเคียงที่เกิด (นมโต) จาก statin มันรุนแรงและอันตรายไหม เทียบผลดีผลเสีย ร่วมตัดสินใจระหว่างหมอกับคนไข้ครับ ไม่มีถูกผิดดำขาว เพราะข้อมูลมันมีไม่มาก ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลครับ

ที่มา (ผมค้น fulltext ได้แค่ 7 อัน) แนะนำอ้างอิงหมายเลข 2 ดีโคตร ๆ

1. Clin Endocrinol (Oxf). 2018 Oct;89(4):470-473. doi: 10.1111/cen.13794. Epub 2018 Jul 15.

2. N Engl J Med. 2007 Dec 20;357(25):2636; author reply 2636-7. doi: 10.1056/NEJMc072946.

3. Eur J Clin Pharmacol. 2012 Jun;68(6):1007-11. doi: 10.1007/s00228-012-1218-5.

4. Ann Pharmacother. 2013 Jan;47(1):e6. doi: 10.1345/aph.1R491. Epub 2013 Jan 16.

5. Clin Endocrinol (Oxf). 2010 Sep;73(3):421-2. doi: 10.1111/j.1365-2265.2010.03802.x. Epub 2010 Mar 13.

6. Hellenic J Cardiol. 2019 May-Jun;60(3):194-195. doi: 10.1016/j.hjc.2018.08.003. Epub 2018 Aug 24.

7. Pharmacotherapy. 2006 Aug;26(8):1165-8. doi: 10.1592/phco.26.8.1165.

8. Presse Med. 1999 Apr 17;28(15):787.

9. Pharmacotherapy. 2008 Apr;28(4):549-51. doi: 10.1592/phco.28.4.549.

10. Transplant Proc. 2002 Sep;34(6):2227-8. doi: 10.1016/s0041-1345(02)03214-1.

อาจเป็นรูปภาพของ ผลไม้ และกลางแจ้ง

24 มิถุนายน 2564

ประสบการณ์ไปฉีดวัคซีนโควิด

 "แม้สถานการณ์จะตึงเครียดเพียงใด แต่น้ำใจคนไทยไม่เคยแห้งจาง"

วันที่ร้อนระอุด้วยไอแดดแต่เช้า สุภาพบุรุษสูงวัยท่านหนึ่งขึ้นรถคันเล็ก ๆ ไปกับลูกสาว จุดหมายคือลานอเนกประสงค์ของเทศบาล เขาตื่นแต่เช้า ทำอาหารเช้าง่าย ๆ โดยอุ่นอาหารที่เหลือจากเมื่อวาน และดื่มกาแฟหนึ่งถ้วย เมื่อคืนเขานอนเต็มที่เพื่อเตรียมตัวไปรับวัคซีนตามกำหนด

"หนูไปถูกไหม เราไม่เคยไปนะ" เขาถามลูกสาวซึ่งทำหน้าที่พลขับ
"ดูแผนที่มาคร่าว ๆ แล้วค่ะ น่าจะมีคนไปพอสมควร เราไม่น่าหลง" ลูกสาวตอบ แต่ก็หวั่นใจกลัวไปไม่ทัน

ลูกสาวขับรถไปในทางที่ไม่คุ้นชิน จนมาถึงทางแยกที่ดูแผนที่ไว้คร่าว ๆ แต่ไม่มีป้ายบอกทางแต่อย่างไร

"หนูจะลงไปถามที่วินมอเตอร์ไซค์ดูนะคะ" ลูกสาวไม่อยากไปสาย
"สวัสดีค่ะ รบกวนถามว่า บริเวณที่จัดฉีดวัคซีนอยู่ตรงไหนคะ"

"น้องขับเลยมานิดนึง เลี้ยวแยกที่ผ่านมานี่แหละ มา ๆ ถอยช้า ๆ เดี๋ยวพี่โบกรถให้ จะได้ไม่สาย ตรงไปล่ะอ้อมไกลเลย วันนี้คนมาฉีดเยอะ พี่คอยบอกทางช่วยหลายคันแล้ว" พี่วินหมายเลย 4 ยิ้มและยินดีช่วย

"ขอบคุณมากนะคะ" ดีจัง ลูกสาวนึก

ทางที่จะไปลานอเนกประสงค์มีเจ้าหน้าที่เทศบาล ในชุดบรรเทาสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย คอยอำนวยความสะดวก "เชิญเลยครับ มาฉีดวัคซีนใช่ไหมครับ เลี้ยวซ้ายวนไปที่จอดรถได้เลยครับ"

มีเจ้าหน้าที่คอยบอกทางตลอด แม้แดดจะเริ่มแรง แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังร่วมมือและยิ้มแย้ม คอยอำนวยความสะดวกให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างสะดวก ไม่แออัด

"เดี๋ยวพ่อลงไปรับบัตรคิวรอนะ หนูไปจอดรถและจะซื้อน้ำมาดื่มด้วย" ลูกสาวกลัวจะไม่ทัน เขายิ้มและลงจากรถเดินไปที่เต้นท์ ติดป้ายว่ารับบัตรคิว

"เชิญครับคุณลุง มาฉีดวัคซีนนะครับ เดี๋ยววัดไข้นะครับ มีเจลแอลกอฮอล์อยู่ทางนี้ แล้วเดินตามเส้นสีขาว รอเรียกคิวนะครับ ในเต้นท์ร่ม ๆ เรามีน้ำดื่มให้ด้วยครับ" เจ้าหน้าที่กระวีกระวาดให้บริการ เข้ามาต้อนรับคนที่เดินเข้ามา ทำให้ไม่แออัด ไม่วุ่นวาย

เขานั่งพักรอเพียงครู่เดียว เสียงเรียกลำดับคิวก็มาถึง เขาเตรียมบัตรประชาชนมาแล้ว แต่ยังกดคำสั่งเรียกภาพใบนัดจาก 'หมอพร้อม' ไม่ถนัดนัก ลูกสาวก็ยังไม่มา

"คุณลุงนำใบนัดมาไหมครับ" เจ้าหน้าที่จุดลงทะเบียนถาม
"เอามานะ แต่อยู่ในนี้ ลุงกดไม่คล่อง" พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์ให้

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วย" ชายหนุ่มวัยประมาณ 30 นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่แม้วุ่นวาย แต่ก็ช่วยอย่างเต็มที่ จนได้ภาพใบนัด และลงทะเบียนพร้อมฉีด

พอเดินจากจุดลงทะเบียน เขาลืมว่าเจ้าหน้าที่บอกให้ไปทางไหน ก็มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคอยจัดให้ขึ้นไปฉีดบนอาคารหอประชุม พอดีกับที่ลูกสาววิ่งมา

"ที่จอดรถไกลเลยค่ะ เราไปลงทะเบียนกัน" ลูกสาวยังหอบ

"เสร็จแล้วล่ะลูก เจ้าหน้าที่เขาช่วยเหลือพ่อดีมาก โชคดีนะเนี่ย ไม่งั้นพ่อคงต้องติด ๆ ขัด ๆ อ๊งแอป ก็กดไม่ค่อยเป็น" เขายิ้ม

สองพ่อลูกเดินขึ้นไปบนหอประชุม คนไม่มากเท่าไหร่ ที่นั่งเพียงพอ เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย และล้างมือก่อนเข้าอาคาร

เมื่อเข้ามาถึง เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหลายคน ทำการวัดชีพจร ความดันโลหิต ชั่งน้ำหนัก โดยให้คนที่เพิ่งมานั่งพัก รอเรียกตามบัตรคิว

"ใจเย็น ๆ นะคะ นั่งพักก่อน เพิ่งเดินมาเดี๋ยวความดันสูง รอพักก่อนค่ะ จะได้วัดได้ถูกต้อง ส่วนใครที่วัดแล้วความดันสูง จะให้รอพักอีกนะคะ" อสม. ทั้งห้าคนช่วยกันตรวจวัดความดัน โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลหนึ่งคนคอยให้คำปรึกษา

"เมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อนพ่อมาฉีด ก็เลยรู้ว่าตัวเองเป็นโรคความดันสูง หมอเขาวัดและพักและวัดหลายรอบ อสม. ให้ไปพบหมอ ตอนนี้ก็เลยรักษาโรคความดันอยู่" เขาเล่าให้ลูกสาวฟัง

"อืมม มันก็ดีนะคะ หลายคนถ้าไม่มาฉีดวัคซีน ไม่ไปตรวจ ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นโรค" ลูกสาวเสริม

"อสม. และพยาบาลเขาเอาใจใส่ดี แต่เหนื่อยใช่ย่อยนะ ต้องแนะนำโรคอื่น ๆ คนเป็นร้อย" เขารู้สึกชื่นชมในความเสียสละ

สักพักเขาก็ได้รับการเรียกลำดับคิว การวัดค่าต่าง ๆ เรียบร้อย เจ้าหน้าที่รวบรวมเอกสารและส่งให้จุดคัดกรองประวัติต่อไป ที่โต๊ะซักประวัติ เจ้าหน้าที่ถามอย่างละเอียด ตรวจสอบทุกข้อ ใช้เวลาสักพักเพราะเขาอายุมาก แต่โชคดีที่ไม่มีโรคประจำตัว

เขามองไปรอบ ๆ คนที่มารับการซักประวัติ มีญาติมาช่วยบอกเล่า เพราะเป็นคนสูงวัยที่อาจจะจดจำได้ไม่หมด เจ้าหน้าที่หลายคนก็นำยาที่ผู้ป่วยนำมาแสดง มาตรวจสอบและปรึกษาคุณหมอประจำจุดฉีดยา เจ้าหน้าที่หลายคนต้องโทรศัพท์ไปสอบถามบุตรหลานผู้ป่วย

...วุ่นวายมาก ท่าจะเหนื่อย แต่ทุกคนก็ดูเต็มที่กับงานนี้มาก ...เขาคิดในใจและเดินไปรอที่จุดฉีดวัคซีน

เขารู้สึกไม่สับสน ไม่เคว้ง เพราะตลอดทางมีเจ้าหน้าที่ พยาบาล เภสัชกร คอยอำนวยความสะดวก สอบถาม และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยโควิด ข้อควรปฏิบัติในการฉีดวัคซีนเป็นระยะ เขาหันไปมองลูกสาว เธอนั่งชะเง้อมองดูพ่อด้วยความเป็นห่วง กังวล

...สมัยก่อน พ่อก็เคยอยู่ที่นั่งของหนู และหนูอยู่ที่นั่งของพ่อ ตอนที่หนูไปสอบแข่งขันครั้งแรก การฉีดวัคซีนทำให้รู้ว่า แม้ลูกสาวจะไม่ได้พูดแสดงความรักอะไรนัก แต่จริง ๆ แล้วเป็นห่วงและรักพ่อมากเช่นกัน...

เมื่อถึงคิวฉีด เขาสวมเสื้อหลวม ๆ มาจากบ้าน จึงไม่ยากอะไรในการเปิดแขนเสื้อ พยาบาลที่ฉีดยาแนะนำดีและปราณีตในการฉีด เขาไม่รู้สึกเจ็บมาก และเดินไปรอที่จุดพักสังเกตอาการ ที่ลูกสาวยืนรออยู่แล้ว

"เป็นไงบ้างคะ ปวดไหม แสบไหม หน้ามืดหรือเปล่า นั่งก่อนพ่อ ดื่มน้ำสักหน่อย นี่หิวหรือเปล่า ....." ลูกสาวพร่างพรูความเป็นห่วงออกมา เขายิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร

ลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นพ่อ และกดส่งข้อความถึงคนทางบ้านว่าตอนนี้ถึงขั้นตอนใดแล้ว ก็นับว่าไม่นาน แม้คนจะหนาตา แต่การจัดการลำดับทำได้ดี สถานที่สะอาด และเจ้าหน้าที่ทุกคนร่วมมือกัน ช่วยประชาชนเต็มที่

เขาเหลือบมองเห็นคนนอนอยู่บนเตียงสนาม น่าจะมีผลจากการฉีดวัคซีน แต่ดูไม่เป็นอะไร และเขาค่อนข้างสบายใจ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่พยาบาลและเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพครบ วางอยู่บนโต๊ะ คิดว่าหากเขามีอาการอะไร ก็น่าจะได้รับการช่วยเหลือได้ทันเวลา

ไม่นานก็ครบ 30 นาที มีคำแนะนำ มีการอธิบายการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน มีใบนัดฉีดครั้งต่อไป เป็นอันเรียบร้อย

ลูกสาวพาเขาเดินออกจากห้องประชุมไปที่รถ ระหว่างทางเขาเห็นหัวหน้า รพ.สต. มายืนที่ทางออก กล่าวสวัสดี และขอบคุณที่มารับวัคซีน เขารู้สึกประทับใจในความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ ที่ช่วยกัน ร่วมมือกัน ทำให้งานใหญ่งานนี้บรรลุผล ทำให้รู้สึกว่าแม้โรคและสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เราคนไทยจะไม่ทอดทิ้งกัน ช่วยเหลือกัน ให้พ้นผ่านไปด้วยดีได้แน่นอน

"พ่อรอหนูตรงนี้นะคะ เดี๋ยวขับรถวนมารับ แดดมันแรง เพิ่งฉีดวัคซีนมาใหม่ ๆ เดี๋ยวเป็นลม ...ถามจริง ไม่กลัวหรือตื่นเต้นเลยหรือคะ" ลูกสาวพูดยิ้ม ๆ แล้วเดินไปขับรถมารับ เขาไม่ได้ตอบลูกสาว และระหว่างที่รอรถมารับ เขายกโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ แล้วคุยกับปลายสาย

"เรียบร้อยแล้วนะลูก ทุกอย่างเหมือนที่ลูกอธิบายไว้ทุกขั้นตอน พ่อทำตามเหมือนเห็นภาพไว้ก่อน จนน้องเขาตกใจว่าพ่อไม่กลัวเลยหรือ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวน้องเขาจะพาพ่อไปกินข้าวกลางวันแล้ว หิวแล้วล่ะ แล้วค่อยคุยกันใหม่ สวัสดีลูก" คุยจบ รถก็มาจอดตรงหน้าเขาพอดี

และจบที่ ...วันที่ร้อนระอุด้วยไอแดดยามสาย สุภาพบุรุษสูงวัยท่านหนึ่งขึ้นรถคันเล็ก ๆ ไปกับลูกสาว จุดหมายคือร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสเด็ดประจำตลาด
......
ขอขอบคุณและเป็นแรงใจให้ด่านหน้าที่ร่วมมือร่วมแรงกัน ช่วยกันฉีดวัคซีน ทำด้วยหัวจิตหัวใจที่เข้มแข็ง แม้งานจะหนักจะเหนื่อยก็ตามที

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป และข้อความ

ปริศนาแห่งเบโธเฟน ตอนที่ 6 โลกปัจจุบัน

 ปริศนาแห่งเบโธเฟน ตอนที่ 6 โลกปัจจุบัน

คุณหมอ Bela Tallai ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ (ใช่แล้ว สาขาเดียวกับคุณหมอ saligahappymen ราชากล้วยไข่ผู้โด่งดังในโลกออนไลน์) ได้รายงานกรณีผู้ป่วยนี้ในวารสาร Case Reports in Urology ปี 2021 นี่เองครับ

คุณหมอได้รับการปรึกษากรณีผู้ป่วยชายอายุ 49 ปี มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน มาตรวจที่โรงพยาบาลเนื่องจากปัสสาวะไม่ออก ปวดท้องปวดเอวและปัสสาวะปนเลือด ไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลอื่น ก่อนจะส่งตัวมาที่โรงพยาบาลกรุงโดฮา

แฟนเพจอายุรศาสตร์ง่ายนิดเดียวทุกคนคงฟันธง เป็น RPN แน่นอน หลังจากที่ลุงหมอหลอกให้อ่านประวัติศาสตร์สงครามและปริศนาแห่งเบโธเฟนมากว่า 5 ตอน มันจะมีอะไรผิดไปจากนี้ได้รึ เรามาอ่านกันต่อไป

ที่โรงพยาบาลต้นทาง ตรวจเบื้องต้นพบผู้ป่วยซีด น่าจะเป็นหลักฐานสนับสนุนเรื่องเลือดออกที่เยอะพอควร และพบการทำงานของไตที่เสื่อมถอยลงแบบเฉียบพลัน แต่ก็ไม่รุนแรงนัก คุณหมอส่งผู้ป่วยไปตรวจอัลตร้าซาวนด์และเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์แบบไม่ฉีดสารทึบรังสี เพราะอะไร ?

เพราะการทำงานของไตที่แย่ลง เป็นอุปสรรคมากต่อการฉีดสารทึบรังสี แม้การตรวจโดยไม่ฉีดสารทึบรังสีและให้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ แต่เป็นตัวเลือกที่ทำได้ดีที่สุดในเวลานี้ สิ่งที่พบคือ ....

พบลิ่มเลือดอุดตันที่บริเวณ bladder trigone ขอขยายความสักหน่อยว่า bladder trigone อยู่ที่ใด trigone หรือดินดอนสามเหลี่ยม ในกระเพาะปัสสาวะคือ อาณาบริเวณสามเหลี่ยมเกิดจากการลากเส้นเชื่อมต่อจุดเปิดของท่อไตสองข้างมาเปิดเข้าที่กระเพาะปัสสาวะ และจุดออกของท่อปัสสาวะนำน้ำปัสสาวะออกไป นั่นคือบริเวณนี้จะมีการไหลวนของน้ำปัสสาวะตลอดเวลา หากมีตะกอนก็จะตกตะกอนแถวนี้ ตะกอนที่ว่านั้นคือ เลือด นั่นเอง แสดงว่าผู้ป่วยมีเลือดออกมาจากไต และมาตกตะกอนตรงนี้มากพอที่จะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะได้เลย

ส่วนดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ตามหลักภูมิศาสตร์เราจะเรียกว่า river delta นะครับ

เมื่อเป็นแบบนี้ แผนการที่คุณหมอจะทำต่อคือการส่องกล้องระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อหาจุดเลือดออกที่อาจจะอุดตัน รวมทั้งทำหัตถการเพื่อระบายปัสสาวะ ลดแรงดันในระบบการทำงานของไต แต่ปรากฏว่า ผลการตรวจ RT-PCR สำหรับโรค COVID-19 ผลออกมาเป็นบวก !!

ทำให้คุณหมอตัดสินใจส่งไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยโควิด แน่นอนว่าถึงแม้เป็นประเทศร่ำรวยอย่างกาตาร์ ก็ยังใช้เวลาในการส่งตัว และระหว่างการส่งตัวไปโรงพยาบาลที่ศักยภาพในการดูแลโควิดนั้น ผู้ป่วยเลือดออกมากขึ้นและซีดจางลง แสดงว่าอาจจะมีเลือดออกมากขึ้น

ที่โรงพยาบาลกรุงโดฮา ที่นี่สามารถจัดการควบคุมการติดเชื้อโควิดได้ดี คุณหมอ Bela Tallai จึงทำการส่องกล้องทางเดินปัสสาวะ คุณหมอก็พบลิ่มเลือดอุดตันบริเวณ trigone ตามที่เห็นในภาพเอ็กซเรย์ เมื่อทำหัตถการนำลิ่มเลือดออก และตรวจดูรอบกระเพาะปัสสาวะ ปรากฏว่าไม่พบจุดเลือดออกในกระเพาะปัสสาวะแต่อย่างใด

แต่ปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาตรงจุดที่ท่อไตข้างซ้ายมาเปิดเข้ากระเพาะปัสสาวะ เลือดน่าจะออกมาจากไตด้านซ้าย คุณหมอจึงตัดสินใจทำ ureteroscope ส่องกล้องไปในท่อไตพร้อมฉีดสารทึบรังสีเพื่อตรวจหาความผิดปกติต่อไป

สิ่งที่คุณหมอพบคือ

มีเนื้อตายและจุดเลือดออกที่บริเวณ calyx และ papilla จุดต่อระหว่างเนื้อไตและท่อไต ... จุดที่เกิด RPN ในเรื่องของเบโธเฟน

เนื้อตายตรงจุดนั้นมีลักษณะเป็นสีขาวนวล ...'เมล็ดถั่ว' ที่พบในไตของมหาคีตกวีชื่อดัง

.เมื่อตัดชิ้นเนื้อส่งพิสูจน์ ก็เป็นเนื้อไตที่ตาย เม็ดเลือด และเซลล์เม็ดเลือดขาว คุณหมอได้ใส่สายท่อไตเพื่อไม่ให้เกิดการอุดตัน และติดตามอาการ พบว่าเลือดออกลดลง ปัสสาวะใสดี การทำงานของไตดีขึ้นจนกระทั่งสามารถเข้ารับการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ฉีดสารทึบรังสีได้ การฉีดสารทึบรังสีนั้น จะสามารถดูการกระจายของสารที่ผ่านทางหลอดเลือดได้ หากจุดที่ควรจะเห็นสีแต่กลับไม่เห็น แสดงว่าเลือดไปบริเวณนั้นลดลง และแน่นอน ผลการตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ฉีดสีนั้นเข้าได้กับ renal papillary necrosis

ไม่ต้องผ่าศพพิสูจน์ เราสามารถให้การดูแลรักษาได้ดีและวินิจฉัยได้แม่นยำ ผู้ป่วยรายนี้ไม่มีเลือดออกทางปัสสาวะอีกและการทำงานของไตกลับเป็นปรกติ

แต่เดี๋ยว !!!

จำได้ไหมว่าผู้ป่วยตรวจพบเชื้อ SARS-CoV2 หรือ เป็นโรคโควิด-19 แบบไม่มีอาการ มันเกี่ยวกันหรือไม่

ข้อสรุปคือ ยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะบอกว่า มันเกี่ยวข้องกัน มันพบร่วมกัน หรือมันทำให้เกิด อาจจะเป็นเพียงแต่ความบังเอิญที่พบในเวลาเดียวกันเท่านั้น (ผู้ป่วยมีความเสี่ยงหนึ่งใน POSTCARDS คือ โรคเบาหวาน) เพราะเพิ่งมีการรายงานคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น คงต้องติดตามกันต่อไป

เฮ้อ.. เริ่มด้วยเบโธเฟน ไป เฟร-ดรายช์ ไป สงครามนโปเลียน มา POSTCARDS มา กาตาร์

คุณเก่งมากที่อยู่กับผมมาตลอด 6 ปี

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และข้อความพูดว่า "No 6 ปริศนาของเบโธเฟน"

บทความที่ได้รับความนิยม