คุณคิดว่าค้นข้อมูลแบบไหนดี

คุณคิดว่าค้นข้อมูลแบบไหนดี

ก่อนจะเข้าเรื่อง อยากบอกว่าภาพประกอบคือสถานที่อ่านหนังสือของผมเอง ที่ อ.วังน้ำเขียว บรรยากาศเย็น ๆ ชุ่มฉ่ำ หลังฝนตก มีแต่เสียงนก แมลง และเสียงหยดน้ำจากต้นไม้ร่วงหล่นสู่ผืนดินเปาะแปะ เก้าอี้หน้าห้องใต้ชายคาสั้น ๆ ช่วยกันละอองฝน และโต๊ะไม้ทำมือ เป็นบรรยากาศที่ดีมาก
วารสารวิชาการ กระดาษโน้ตจากกระดาษเหลือใช้ หนังสืออีกสองเล่มเดี๋ยวจะพูดท้ายบท กาแฟหอม ๆ คุ้กกี้โฮลวีต แค่นี้ก็สุขใจ

การค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะ google, bing, yahoo จะได้ข้อมูลที่รวดเร็วแต่แคบ เนื่องจากเราโฟกัสและจำกัดคำค้น ยังไม่รวมถึงอัลกอริธึมที่เครื่องมือค้นพวกนี้จะประมวลเอาข้อมูลที่เราชอบมานำเสนอเรา ..ดู bias มาก
หรือจะค้นทางการแพทย์ ไม่ว่าจาก google scholar, pubmed จะค้นได้ข้อมูลแคบที่เราต้องการ ข้อดีคือตรงจุดและรวดเร็ว ข้อเสียก็คือแคบและเร็วเช่นกัน

แคบ..คือ เราจะไม่ทราบบริบท หรือความเป็นมา ความจำเป็น การอธิบาย มันจะไม่เหมือนการอ่านตำราที่กว่าจะได้สิ่งที่ต้องการต้องอ่านเยอะมาประมวลผล เราจะได้บริบทหรือความรู้อื่น ๆ ที่มาช่วยเสริมความเข้าใจมาด้วย
เร็ว ..คือ ไม่เสียเวลา เหมาะกับโลก disruption ทุกวันนี้ แต่เร็วเกินไปก็จะทำให้เราไม่เข้าใจ ไม่มีเวลาย่อย เราจะได้แต่ข้อมูลสำเร็จรูป ใช้ได้แต่อาจไม่ครบถ้วน ไม่รู้จริง

การค้นข้อมูลแบบเดิม จากตำรา จากวารสาร จะต้องค้นหลายเล่ม อ่านหลายบท จึงมาสรุปเป็นข้อความที่เราต้องการ แน่นอนว่าใช้เวลานานกว่าแต่จะได้หลายอย่างไม่ว่าเรื่องโดยรอบ มันจะกว้างกว่า ทักษะการอ่านและสรุปที่จะได้ฝึกเรื่อย ๆ
อีกอย่างคือต้องลงทุนสูง เพราะต้องมีตำราหลายอย่าง ใครมีห้องสมุดใกล้ตัวจะง่าย ห้องทำงานผมมีตำรามาตรฐานอายุรศาสตร์ในทุกสาขาเอาไว้สืบค้น แถมตำรามาตรฐานศัลยกรรม สูตินรีเวช จักษุวิทยา จิตเวช หนังสือชั้นปรีคลินิกไว้สืบค้นและทบทวน รวมทั้งไว้รับปรึกษาด้วย
ลงทุนพอสมควร แต่ก็ได้วิชาการอิ่ม ๆ แบบที่ต้องการ

เวลาออกนอกสถานที่จะพก อีบุ๊กไปครับ พอทดแทนได้บ้าง แม้ไม่อิ่มเต็มแต่คลายความหิวได้ดี

ที่นี่คือห้องพักเล็ก ๆ เชิงศิลปะ เจ้าของมีความสุขในการทำ แต่งนั่นเติมนี่เอง ห้องพักเล็ก ๆ สวยงามมีมุมอ่านหนังสือ มีหนังสือให้บริการ บรรยากาศสงบ เหมาะกับการมานั่งอ่านหนังสือ สุดสัปดาห์นี้พกมาสองเล่ม

เล่มแรกเป็นวรรณกรรมของ อ้อมแก้ว กัลยาณพงศ์ ชื่อ "ในเงาคือเราผู้ซ่อนเร้น" นามสกุลคุ้นไหม ใช่แล้ว คือ ลูกสาวของ อังคาร กัลยาณพงศ์ ครับ ลูกไม้หล่นใต้ต้นเลยล่ะ หนังสือเกี่ยวกับการค้นหาตัวเอง สิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันสะท้อนอะไรในตัวเรา และมันซ่อนตัวตนบางอย่างของเรา เรากล้าพอไหมที่จะยอมรับมัน
ศีลธรรมและความเป็นมนุษย์ เมื่อเราต้องถูกท้าทายว่าเราจะรักหุ่นยนต์ เราจะรักเอไอ ได้ไหม เพราะเราชอบสิ่งที่หุ่นยนต์ตอบสนองเราได้และเพราะเราไม่ชอบความไม่สมบูรณ์ของคนด้วยกันเอง และเอไอหรือหุ่นยนต์ มองมนุษย์อย่างไร เรารู้ได้อย่างไรว่า "คน" ก็ไม่มองเราเช่นหุ่นยนต์มองเรา
หนังสือเล่มเล็ก ๆ ของสำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรม ราคา 195 บาท สนุกดี

เล่มที่สองคือ "หากโลกนี้ไม่มีหนังสือ" ของจิมมี่ เหลียว ศิลปินนักวาดการ์ตูนเยาวชนชื่อก้องโลกชาวไต้หวัน ของสำนักพิมพ์อะบุ๊ก เป็นหนังสือภาพสี่สีการ์ตูนสวย ๆ คู่กับประโยคเด็ด ๆ เกี่ยวกับคุณค่าของหนังสือในแง่มุมต่าง ๆ ของนักคิดนักเขียนชื่อดังต่าง ๆ เพื่อบอกทุกคนให้รู้ว่าหนังสือมีคุณค่าอย่างไร จากโจทย์ที่ลูกชายร้านขายหนังสือชวนเพื่อนมาเล่าความสำคัญของร้านหนังสือ และจะเป็นอย่างไรหากไม่มีหนังสือ เพราะพ่อของเขากำลังจะปิดร้านหนังสือ
ราคาไม่แพงถ้าได้สะสมงานสี่สีของศิลปินระดับโลกนี้ 350 บาท

ตัวอย่างเช่น

"ฉันเป็นคนอ่านเพื่อความบันเทิง และนั่นคือช่วงเวลาที่ฉันได้เรียนรู้มากที่สุด" ของมาร์กาเร็ต แอตวูด

"คนที่น่าสงสารที่สุดคือคนที่อยู่เดียวดายในวันฝนตกโดยไม่รู้จักอ่านหนังสือ" ของเบนจามิน แฟรงคลิน

"ความรักในการอ่านคือการเปลี่ยนช่วงเวลาแสนน่าเบื่อให้รื่นรมย์" ของชาร์ลส์ เดอ มงแตสกิเออร์

"หากคุณอยากให้ลูกคุณฉลาด อ่านนิทานให้เขาฟัง หากอยากให้เขาฉลาดขึ้นอีก ก็อ่านนิทานให้เขาฟังเยอะขึ้นอีก" ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

ผู้ชายที่พกหนังสือจะดูน่าหลงใหล ผู้ชายที่ลุ่มหลงการอ่านหนังสือจะดูเซ็กซี่
นี่ฉันกลายเป็น มาริลีน มอนโร ไปแล้วนะเนี่ย ตัวเธอววว์