เช้าวันหยุด ควรจะเป็นเวลานอนตื่นสายของทุกคน แต่วันนี้นังซูซี่ของเราต้องตื่นแต่เช้า ขับรถไปหาเพื่อนสนิท นังดอกเหมย ที่โทรมาปลุกแต่เช้าและบอกว่าให้รีบมากินข้าวที่บ้าน ดอกเหมยจะบอกความลับที่จะเปลี่ยนสุขภาพตลอดชีวิต ซูซี่ซึ่งถูกดอกเหมยคะยั้นคะยอให้กินอาหารสูตรต่าง ๆ มาตลอด รู้สึกเซ็งแต่ก็เพื่อนรักอ่ะนะ ไปก็ไป ที่หงุดหงิดเพราะต้องออกเดินทางก่อนเวลาปฏิบัติการส้วมสุขนี่แหละ
ที่คอนโดหรู ย่านทองหล่อ ... ติ๊งหน่อง
ดอกเหมยรีบมาเปิดประตูทันที พร้อมกับเสียงต้อนรับจากแขกที่มาเยือน "นี่ นังดอก ถ้าแกปลุกชั้นมาเพื่อมาฟังอาหารเสริมหรือขายตรงละก็ ชั้นจะระเบิดครัวแกทิ้งเลยนะ"
ดอกเหมยหัวเราะ "โถ ๆ ๆ เพื่อนสาว อิชั้นไม่ทำอย่างนั้นดอกค่า แต่นี่เว้ย เพิ่งอ่านงานวิจัยมา เลยมาบอกแกคนแรกเลยนะเนี่ย อีกอย่างนะ เมื่อไหร่แกจะเรียกช้นว่า น้องเหมยเหมือนคนอื่น เรียกแต่นังดอก นังดอก อยู่ได้"
ซูซี่ยิ้ม "เอาน่า เอ้าเร็ว ๆ เดี๋ยวตอนบ่ายต้องแอบไปแอ๊วน้องเดช ช่างสีคนใหม่โครงการ"
"จ้า นังสู้สี่" ดอกเหมยหัวเราะแล้วพาซูซี่ไปที่ห้องครัว
ตัดมาที่ห้องครัว ที่คอนโดของดอกเหมยเป็นแบบบิ้วท์อิน หรูทีเดียว บนโต๊ะนั้น ดอกเหมยเตรียมอาหารไว้เรียบร้อย ไก่ย่าง ส้มตำปลาร้า (เป็นต่อน ๆ เลย) ปลาช่อนย่างเกลือ ข้าวเหนียวหม้อเบ้อเริ่ม แถมไวน์แดงอีกขวด น้ำอัดลมขวดใหญ่ ตบท้ายด้วยของหวานเป็นทุเรียนและชูครีมจากร้านดังที่สุดในกรุงเทพ
"เนี่ยนะ นังดอก อาหารสูตรงานวิจัยระดับโลกของแก นี่ป้าแป๊ว ปากซอยที่บ้านชั้น ก็ทำทุกวัน ไม่เห็นจะต้องอ่านงานวิจัยบ้าบออะไรเลย นังซูซี่นึกในใจ นี่เมิงปลุกกรูมากินอาหารที่กรูก็กินทุกวันเนี่ยรึ เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวมีตบ "
"หยุดพูด หยุดเลย สะต๊อป มันแตกต่างย่ะ แกนี่จะมีตาหามีแวว ไหนลองจับผิดซิ อะไรที่หายไป" พูดจบดอกเหมยก็ยกมือปิดปาก หัวเราะคิกเป็นที่น่าหมั่นไส้และกวนบาทายิ่งนัก
ซูซี่มองแล้วมองอีก มันก็อาหารอีสานธรรมดานี่หว่า นึกไม่ออก ก็เลยมั่วไป
"มันผิดที่ไวน์แดงนี่ละมั้ง"
"ถูกต้องค่า เริ่ดมากค่ะ นังซี่ เก่งอิ๊บอ๋าย มองทีเดียวรู้เลย" ดอกเหมยตะโกนลั่นพร้อมอารมณ์งงของซูซี่ ...เจี้ย นี่กรูทายถูกด้วยเหรอวะ
"นี่ ๆ ๆ เห็นไหมว่ามันไม่มีเนื้อ แกจับไต๋ได้ไง (กรูไม่ได้จับได้ กรูมั่ว ซูซี่นึกในใจ) นี่แหละ งานวิจัยใหม่ที่ออกมาไง ว่าถ้าเราลดการกินเนื้อแดง (red meat) โดยรวม หรือเนื้อแดงที่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการถนอมอาหาร บรรจุกระป๋องหรือแปรรูป เราจะมีโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลงนะคะ นังซี่"
ซูซี่มองบนเบ้ปาก "เขารู้กันมานาแล้วป่ะวะ ไม่ว่าจะเป็นสาร TMAO ในเนื้อแดงที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ไขมันอิ่มตัวในสัตว์ สมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกา สมาคมอาหารอเมริกาเองก็ออกมาประกาศว่าควรลดปริมาณเนื้อแดงลง ชดเชยด้วย เนื้อปลา เนื้อไก่ และถั่วเมล็ดแข็ง" ซูซี่พูดขึ้นมาบ้าง
"โอ้วว นังซี่ นี่แกรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง โอ้ว มายก้อด แกที่กินผู้ชายเป็นอาหาร แล้วอันตรธานไปในยามราตรีนี่นะ" คือ ถ้าใครเห็นท่าของนังดอกเหมยตอนนี้จะหมั่นไส้สุดขีด ทำหน้าเหวอ ปากเหวอ เอามือทาบอก
"แล้วไอ้การศึกษาใหม่ของแกที่แกว่า ชั้นก็รู้เฟร้ย มันเป็นงานวิจัยแบบติดตามผลของบุคลากรทางสาธารณสุขกว่าสี่หมื่นสี่พันคน ติดตามดูว่าการกินอาการที่มีเนื้อแดงจะสัมพันธ์กับโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดหรือเปล่า ที่เพิ่งตีพิมพ์ใน british Medical Journal เมื่อสองธันวานี่เอง"
คราวนี้ดอกเหมย อึ้งแหลกจริง ๆ พูดไม่ออก ครางเบา ๆ
"นังซี่ กะ กะ แก รู้ได้ไง"
ซูซี่ยิ้มมุมปาก "ก็วารสารมันอ่านฟรีนี่หว่า ผลออกมาว่าคนที่กินเนื้อแดงเป็นประจำมีอัตราการเกิดโรคหัวใจสูงกว่าคนที่ลดเนื้อแดงประมาณ 12% แต่อย่างว่า มันเป็นการติดตามผล มีตัวแปรปรวนเยอะมาก ความน่าเชื่อไม่มาก แต่มันก็ออกมาทางเดียวกันแหละว่าควรลดสัดส่วนกินเนื้อแดงลง ไม่ได้ว่าเลิกกิน เพราะมันไม่ได้ชัดเจนขนาดเป็นเหตุผล แต่กินลดลงก็ดี"
"เห็นมั้ยแก ชั้นหวังดีกับพวกเรา อาหารวันนี้ ไม่มี ไม่มี ไหนมีมั้ย เนื้อแดง ไม่มี เราจะปรับเปลี่ยนกันวันนี้ แกกับชั้นจะได้เป็นโครมันยองอมตะ"
"แต่หยุดเลย นังดอก ..." เสียงเบรกเอี๊ยดดังขึ้นในซีน พร้อมเสียงฟ้าผ่าของซูซี่ ขณะที่ดอกเหมยกำลังเริงร่า
ซูซี่ยืนเท้าเอว ชี้นิ้วไปที่โต๊ะ "มันไม่ใช่โว้ย ถึงแกจะลดเนื้อแดงของแก แต่แกลดอย่างเดียวไง แกดูอาหารเท่าฮิปโปกินมื้อเดียวนี่ซิ กินหมดนี่ อ้วนตายก่อนนะแม่นะ ปลาร้าก็ใส่จนเค็มกว่าตัวแกตอนสิ้นเดือน มันก็ไม่ดีต่อสุขภาพเว้ย ยังจะน้ำตาลมากมายจากขนม น้ำอัดลมอีก แบบนี้ถึงแกไม่แตะเนื้อแดงเลย แต่แกก็ตายเร็วเพราะอาหารอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะอยู่ดี"
"ตะ ตะ แต่.." ดอกเหมยเสียงอ่อย
"หยุด เงียบก่อน ชั้นยังด่าไม่จบ แหม นังดอก เนื้อแดงไม่กิน เฮลท์ตี้ แขกตี้สิไม่ว่า กินไม่ดูแบบนี้ แถมวัน ๆ เอาแต่ไถมือถือ ช็อปออนไลน์ โน่น เครื่องวิ่งที่ไปซื้อกันมาวันนั้น ทำอะไร ตากผ้า !! ราวตากผ้าสองหมื่น !! นังดอก แกทำแบบนี้ถึงงดเนื้อแดงมันก็ไม่ดีขึ้นหรอกจ้า"
ดอกเหมยขึ้นเสียงบ้าง "แกจะไม่กินเรอะ ว่างั้น"
ซูซี่เชิดใส่ "อย่าท้า นี่ใคร ซูซี่นะคะ ฉายา กินทีละสี่แท่ง ไปเลย ไปหยิบเก้าอี้มา เอ้าไม่หมดไม่เลิก"
แล้วซูซี่กับดอกเหมยก็นั่งฟาดอาหารบนโต๊ะอย่างเมามัน
...
...
...
สามวันต่อมา
ดอกเหมยทำความสะอาดห้อง เหลือบมองไปเห็นกระเป๋าลองชอมป์ของซูซี่ที่ลืมไว้และถุงกระดาษที่คว่ำอยู่ มีเสื้อยืดตัวหนึ่งโผล่มาจากปากถุง
"นี่นังซี่มันเอาเสื้อใครมา มันไม่เคยใส่เสื้อยืดสีขาวนี่นา แหม ๆ ๆ ไปกินใครมาแล้วลืมหรือเปล่า โฮะ ๆ เราก็ต้องแอบเผือกตามประสาเพื่อนสาวที่หวังดีสินะ ใครน้าเสียทีนังซี่"
ดอกเหมยหยิบเสื้อมาดูเป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาว กลางอกเสื้อมีสายสกรีนสีน้ำเงินเข้มเป็นตัวอักษรว่า "อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว" !!!!
จบบริบูรณ์
ไปอ่านฟรีกันได้นะคะ ซูซี่ทิ้งอ้างอิงไว้ให้ค่ะ
BMJ 2020;371:m4141
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น