มาต่อเรื่องบันทึกการเดินทางไปประชุมวิชาการต่างประเทศ หลังจากเราเตรียมตัวพร้อมแล้ว
เรื่องของการเดินทางไปกลับ
เรื่องที่สำคัญมากของการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินของผม จริงๆ ผมคิดว่าของคนไทยทุกคน คือระบบขนส่งๆไปสนามบินมันไม่ต่อเนื่องเลย จากสถานีขนส่งนครราชสีมา ผมต้องเลือกเที่ยวรถที่หากไปถึงหมอชิตแล้วจะยังมีรถเดินทางต่อไปยังสุวรรณภูมิ หรือต้องเดินทางหลายต่อมากกว่าจะไปที่แอร์พอร์ตลิ้งค์ หรือป้ายรถเมล์แถว ๆ รังสิตที่จะมีรถไปสนามบิน และต้องเล็งเวลาให้เที่ยวรถต้องลงตัวพอดีกัน ต้องจอง โอกาสผิดพลาดมันสูงมากครับ วิธีที่สะดวกจริง ๆกลับเป็นแท็กซี่ครับ ต้องเดินทางหลายต่อ หอบหิ้วกระเป๋า แข่งกับเวลา มันไม่สนุกเลยครับ
...และเป็นจุดที่ผมลุ้นที่สุด มากกว่าการเดินทางในต่างประเทศอีกนะ เมื่อไหร่การเดินทางไปสนามบินและสถานีขนส่งสาธารณะของไทยเราจะสะดวกเสียที ทั้ง ๆ ทีเราโปรโมทการท่องเที่ยวมาก และเชื่อผม ถ้าคุณเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะในประเทศไทยได้ คุณเดินทางได้ทุกที่แหละครับ
ด้วยความวุ่นวายในการเดินทางนี่เอง ผมแนะนำการเก็บกระเป๋า แนะนำให้เก็บกระเป๋าที่จะลงใต้เครื่องบินที่เอาให้แน่นหนา ไม่ต้องมาเปิดอีก ทบทวนว่าอย่ามีของต้องห้าม โดยเฉพาะเพาเวอร์แบ้งค์ครับ
การมาแกร่วที่สนามบินถือเป็นเรื่องที่คุณต้องยอมรับได้ ในไทยต้องเจอกับความไม่แน่นอนของการจราจรและรถไฟแอร์พอร์ตลิ้งค์ ต่างประเทศคุณจะลุ้นว่าตัวเองจะหลงหรือขึ้นรถไฟถูกขบวน ถูกทิศหรือเปล่าอีกด้วย ดังนั้นไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ครับ โดยเฉพาะขากลับประเทศไทย ผมเคยถูกเชิญไปค้นตัวสองครั้งครับ แต่ก็ผ่านด้วยดีนะ ผมคิดว่าเพราะผมพกบัตรประชาชนและบัตรเครดิตไว้ในกระเป๋าเสื้อ ไม่ได้วางบนกระบะตรวจของครับ (คือตั้งใจจะซื้อของกินในสนามบินก่อนเครื่องขึ้น) ตำรวจที่มาตรวจก็โคตรสวยครับ 555 ก็ยินดีให้ค้นครับ
เมื่อคุณต้องมาแกร่วที่สนามบินและคุณกำลังจะไปประชุม วิธีฆ่าเวลาที่เหมาะที่สุดคือ ให้อ่านพรีวิวเรื่องที่จะไปประชุมครับ เราได้ตารางมาล่วงหน้าอยู่แล้ว ให้เราทบทวนเรื่องที่จะไปฟังให้มีพื้นฐานความเข้าใจ หรือจะอ่านเรื่องใหม่ที่จะไปฟังให้เข้าใจก่อน ...**ตรงนี้สำคัญครับ** เพราะเราไปฟังภาษาต่างประเทศ โอกาสที่เราจะไม่เข้าใจหรือเบื่อนั้นสูงมาก และเมื่อเบื่อหรือเบลอ คุณจะเสียเวลาและเงินในการเดินทางมาทันทีครับ (นี่ไง ทำไมการประชุมวิชาการออนไลน์ถึงมาแรงมาก)
ใช้ไวไฟสนามบิน มีที่ชาร์จไฟ อ่านไปกินไปหรือใครจะจดบันทึกก็ได้ แต่อย่าลืมไปให้ถูกประตูทางออกและทันเวลานะครับ และถ้าใครจะนอนก็ตั้งเวลาปลุกให้ดี ผมก็ใช้เวลาที่รอเครื่องบินขึ้น เวลาที่อยู่บนเครื่องบินนี่แหละ ทบทวนเกือบครบเลย อ่านและดาวน์โหลดเอกสารมาอ่านต่อ ต่อไปถ้าใครเจอผู้ชายชรา ๆ หุ่นดี ๆ หน้าหนุ่ม ๆ นั่งอ่านหนังสือและทำบันทึกย่ออย่างจริงจังใกล้ ๆ ประตูทางออก และเปิดไฟอ่านหนังสือบนเครื่องบิน พร้อมจออีบุ๊ก สมุดและดินสอ จดยิก ๆ นั่นแหละผมเอง
พักเดียวเครื่องก็ลงแล้วนะครับ
อย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุด คือ ปรับนาฬิกาของคุณให้เป็นเวลาท้องถิ่น เรื่องนี้ผมเคยตายน้ำตื้นมาแล้วครับ ที่ฮ่องกงนี่เอง แต่ไม่ได้เรื่องร้ายแรงอะไร แค่กะเวลาดูละครผิดไปเท่านั้น ฮ่า ๆ ๆ
จริง ๆ แล้วการยื่นเรื่องเข้าเมืองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการมาท่องเที่ยวเลยครับ แต่ถ้าคุณเขียนเอกสารเข้าเมืองว่ามาประชุมวิชาการก็จะต้องมีเอกสารรับรองอย่างที่ผมอธิบายไปในตอนแรกครับ โดยทั่วไปประเทศที่เขารับรองเขาจะออกเอกสารรับรองมาสองฉบับ ฉบับภาษาอังกฤษ ส่วนอีกฉบับเป็นภาษาท้องถิ่นที่เขาใช้กันครับ เราก็ยื่นเอกสารและรอตรวจเข้าเมือง รับกระเป๋า ตอนนี้ใครอยากแลกเงินก็ทำได้เลยครับ ออกไปแลกข้างนอก ก็จะลำบากสักหน่อยเนื่องจากกำแพงภาษา อาจจะภาษาของเรานี่เองแหละที่อ่อนแอ
ถ้าใครมีเวลากระชั้นชิด (ผมเคยลงเครื่องบินแล้วนั่งรถไฟเข้าห้องประชุมมาแล้ว) ให้ใช้ระบบขนส่งที่เราเตรียมตัวและจัดการมาแล้วจะดีกว่าครับ ตารางเวลาที่แน่นอนจะทำให้เราจัดสรรเวลาได้มาก และหนทางที่สะดวกที่สุดคือรถไฟเข้าเมืองครับ ส่วนถ้าใครยังพอมีเวลาหรือประชุมพรุ่งนี้ ผมแนะนำรถบัสเข้าเมือง จะได้เห็นสภาพบ้านเมืองของเขาไปด้วย ถือโอกาสเที่ยวเปิดหูเปิดตาไปพร้อมกัน อย่าเอาเวลาประชุมไปเที่ยวครับ เสียดาย อุตส่าห์ลงทุน เตรียมตัวมาทั้งที แต่ถ้าใครจะเที่ยวก็เผื่อเวลาเพิ่มเอาครับ
ถ้าเป็นไปได้ เอาเอกสารการเดินทาง เงิน และตั๋วโดยสารเอาไว้ติดตัวครับ มันต้องใช้บ่อย ใส่ในกระเป๋าใหญ่ต้องปิดเปิดจะหายได้ง่าย อีกอย่างก็ต้องระวังมิจฉาชีพครับ ผมระวังที่สุดตอนไปยุโรป เพราะลักษณะภายนอกของเราต่างจากเขามาก เป็นเป้าโจมตีได้ง่ายสุด ๆ
เอาล่ะพอมาถึงโรงแรมที่พัก จะทำอะไรดี ติดตามตอนต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น