18 เมษายน 2564

คาเฟ่ลูส เมนูที่รักจากการเดินทาง

 "คาเฟ่ลูส เมนูที่รักจากการเดินทาง"

ถ้าคุณชอบขนมหวาน ถ้าคุณชอบบรรยากาศในร้านกาแฟ เรื่องนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

นิยายสั้นของ ฟูมิเอะ คนโด ผู้แต่งนิยายฟีลกู๊ดของญี่ปุ่น เจ้าของผลงาน ในครึ่งที่ว่างของกระเป๋าเดินทางสีฟ้า ที่สร้างความประทับใจกับเรามาแล้ว กับเล่มนี้ก็ประทับใจไม่แพ้กัน

เรื่องราวของ นาระ เอโกะ สาวออฟฟิศที่มีชีวิตซ้ำ ๆ น่าเบื่อหน่าย แต่เธอกับมีความสุขกับชีวิตโสดและการอยู่คนเดียว มุมมองในชีวิตเธอจึงซ้ำ ๆ ไม่หวือหวา จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้มาพบกับคาเฟ่เล็ก ๆ น่ารักแห่งหนึ่ง เราน่าจะนึกออกกันนะครับ คาเฟ่แต่งร้านสวย ๆ เจ้าของร้านรับหน้าที่ทุกอย่าง ๆ ทำแบบมีความสุข เอโกะจึงแวะไปที่ร้านและพบว่าร้านนี้มีบางอย่างที่ "ต่าง" ออกไป

เจ้าของร้านเป็นแนวอินดี้ ชอบเดินทางไปที่ต่าง ๆ เพื่อศึกษาชนิดและความเป็นมาของเครื่องดื่มและขนม ไม่ว่าจะในญี่ปุ่นหรือต่างประเทศ เธอเอาประสบการณ์ตรงนั้นมาทำขนมในรูปแบบตัวเธอเอง ทำให้เมนูอาหารของคาเฟ่นี้เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แทบไม่ซ้ำกัน ที่สำคัญคือ มันจะทำให้ลูกค้าได้กลิ่นอายและรู้สึกเหมือนไปประเทศนั้นจริง ๆ ด้วย

ประกอบกับความใส่ใจในรายละเอียด เช่น ขนมหวานของตุรกี น่าจะกินคู่กับวิปครีมแบบไม่หวาน จะช่วยตัดรสหวานและเลี่ยน ทำให้ละมุนลิ้นมากขึ้น การชงชาเลมอนแบบฮ่องกงที่ต่างจากแบบญี่ปุ่น ใช้หลอดค่อย ๆ สะกิดกลิ่นและรสของเลมอนให้หอมและเปรี้ยวติดลิ้นทีละน้อย หรือโดโบชทอร์ทา เค้กโบราณสมัยร้อยปีก่อน ที่ใช้บัตเตอร์ครีมอบเค้กจนแข็งแล้วเคลือบคาราเมล เพื่อให้เก็บได้นานแม้ในยุคที่ไม่มีน้ำแข็งและตู้เย็น

เรียกว่าได้เรียนรู้ขนมแบบต่าง ๆ มากมาย เครื่องดื่มแบบต่าง ๆ ด้วยคำบรรยายที่เรียกว่า "น้ำลายสอ" กันเลย และด้วยความใส่ใจของเจ้าของร้านที่ทำเอง ใส่เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้อร่อยขึ้นและไม่เหมมือนใคร ทำให้ทุกบททุกตอนของนิยายนี้ เราจะตื่นเต้นว่า ตอนนี้จะเจอขนมอะไร

เรื่องราวสนุกมากขึ้นเมื่อ คูซูอิ มาโดกะ สาวน้อยเจ้าของร้าน เคยเป็นลูกน้องเก่าของเอโกะ แถมเมื่อหกปีก่อนตอนมาโดกะจะลาออกไปเปิดร้านกาแฟ เอโกะยังเคยทัดทานเอาไว้เลย กลัวว่าจะลำบาก แต่ตอนนี้เอโกะกลับมาพบร้านนั้นแถมติดใจในผลงานของอดีตลูกน้องตัวเองด้วย

ด้วยความที่เอโกะมีชีวิตซ้ำซากจำเจ การได้มาที่คาเฟ่ของเอโกะจึงเหมือนการผ่อนคลาย ได้ลองขนมใหม่ ๆ เครื่องดื่มใหม่ ๆ ที่เหมือนกับตัวเองได้ไปลิ้มรสเองที่ประเทศดั้งเดิมของขนมนั้น บวกกับเรื่องราวที่มาโดกะเล่า ยิ่งทำให้เอโกะได้ค้นพบความสุขจากการเปิดใจ หาความสุขนอก "comfort zone" คือการนอนโซฟาดูซีรี่ส์ที่โปรดปราน

และเรื่องราวมีให้สนุกมากกว่านั้น

นอกจากที่เราจะได้ลุ้นในทุกตอนว่ามาโดกะจะมีขนมอะไรมาเสิร์ฟเอโกะแล้ว ในแต่ละตอนจะมีเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นปริศนาให้เรื่องราวสนุกขึ้นด้วย ผมขอสปอยล์ให้เป็นตัวอย่างสักตอนแล้วกัน

เรื่องราวในออฟฟิศของเอโกะ เมื่อพนักงานชายคนหนึ่ง กำลังโดนเจ้านายอีกแผนกกล่าวหาต่อว่า ในกรณีที่เจ้านายฝากขนมไหว้พระจันทร์จากประเทศจีนมาแปดชิ้น ให้พนักงานคนนี้มาแจก แต่มีคนได้เพียงสี่ชิ้น หัวหน้าจึงว่าเขา "ยักยอก" เอโกะทราบเรื่องโดยบังเอิญ และได้ไขปริศนาออกเพราะขนมไหว้พระจันทร์ในร้านของมาโดกะ และเรื่องเล่าเรื่องขนมไหว้พระจันทร์จากมาโดกะว่า ขนมไหว้พระจันทร์จะมีไข่แดงอยู่ตรงกลาง และเมื่อผ่าซีกออกมาจะได้ขนมสองชิ้นที่มีไข่แดงผ่าซีกอยู่ตรงกลางเหมือนพระจันทร์ นำพาไปสู่คำตอบที่ว่า ขนมที่หัวหน้าเขาเอามาฝากนั้น ลูกสาวเขาส่งมาจากจีน และใช้คำว่า มีขนมไหว้พระจันทร์อยู่แปดดวงนะคะ (เขาเข้าใจว่าแปดชิ้น) ขอให้อร่อย นั่นคือมีขนมไหว้พระจันทร์ที่ยังไม่ได้ผ่าครึ่งอยู่ 4 ชิ้นนั่นเอง

แต่ละตอนจะมีเรื่องราวของขนม และคำตอบของปริศนาสนุก ๆ ที่เอโกะไปพบเข้า อยู่ในเนื้อหาหรือรายละเอียดของขนมหรืออาหารชาตินั้น ๆ อยู่เสมอ ทำให้เรื่องนี้สนุกขึ้นอีกหลายเท่า

แถมลงท้ายด้วย ปริศนาของร้านคู่แข่งที่มาเปิดท้าทายคาเฟ่ลูสของมาโดกะ ด้วยเมนูที่เหมือนกันแทบทุกอย่าง ว่าทำไมร้านนี้ต้องมาเปิดแข่งด้วย เรื่องราวกลับมาวนกลับอธิบายตอนต้นเรื่องได้อย่างสนุก เหมือน ในครึ่งที่ว่างของกระเป๋าเดินทางสีฟ้า หรือ ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ

แต่ตอนจบในหน้าสุดท้าย เรียกว่า เซอร์ไพรส์ที่สุด ทำเอายิ้มแตกและอุทาน "สุดยอดเลยว่ะ" ว่าทำไม มาโดกะจึงไว้ใจเอโกะ

หนังสือโดยสำนักพิมพ์ซันเดย์อาฟเตอร์นูน แปลโดย กนกวรรณ เกตุชัยมาศ นิยายสั้นแค่ 285 หน้าและราคาปก 285 บาทครับ ปกสวยมากอีกตามเคย มีที่คั่นหนังสือลายปกแถมมาด้วยอีกต่างหาก แหม ถ้าได้อ่านไป จิบอเมริกาโน่ร้อน ๆ คู่กับครัวซองต์หอม ๆ นะคุณ

ไปซื้อสิครับ รออะไร

อาจเป็นภาพวาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม