โรตไตอักเสบลูปัส (lupus nephritis)
โรคไตอักเสบลูปัส อาจจะมีแค่การอักเสบที่ไต หรืออักเสบไปหมดทั่วร่างกายก็คือ โรคSLE ปัจจุบันเราสามารถตรวจพบความผันแปรทางพันธุกรรมหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยรายใดจะเกิดการอักเสบที่ไต และเรารู้โปรตีน แอนติบอดีหลายชนิดที่มีบทบาทในการเกิดโรคไตอักเสบลูปัส
จากแนวทางการรักษาโรคไตอักเสบลูปัสของสมาคมแพทย์โรคไตอเมริกา ระบุว่าให้จัดการให้ยาควบคุมการอักเสบที่รุนแรงให้สงบโดยเร็ว เรียกว่า induction to remission ยาหลักที่ใช้คือยาสเตียรอยด์ และหากอาการมากต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันร่วมด้วย ยาที่นิยมใช้คือ cyclophosphamide จะเป็นขนาดสูงหรือขนาดต่ำก็ได้ โดยช่วง induction to remission ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน
หลังจากนั้นก็ให้ยาในระยะต่อเนื่อง (maintainance phase) ไปจนโรคสงบและลดโอกาสการกำเริบ ยาที่นิยมใช้คือ azathioprene หรือ mycophenolate mofetil เพราะยาสองตัวนี้ใช้ง่ายกว่า ผลข้างเคียงรุนแรงน้อยกว่า
มีแนวคิดการใช้ยามุ่งเป้ามากมายเพื่อจัดการกับภูมิคุ้มกัน หรือเซลล์ที่สร้างภูมิคุ้มกัน แต่ว่าการศึกษายังมีผลไม่ดีนัก และหลายการศึกษายังไม่สามารถพัฒนามาใช้จริงได้ เช่นยา rituximab, eculizumab, bortezomib นักวิจัยจึงเปลี่ยนเป้ามาเป็นยาที่ได้รับการรับรองให้ใช้ในโรค SLE อยู่แล้ว คือ belimumab
belimumab เป็นโปรตีนแอนติบอดีสร้างขึ้นให้ไปจับที่ B Lymphocyle Stimulator (BLyS) หรือ B Cell Activating Factor (BCFF) พอ belimumab ไปจับกับตัวรับสารกระตุ้น B cell เจ้าพวกสารกระตุ้นมันก็ไม่มีที่ไป เหมือนเธอนั้นไป เพราะไม่เคยรักใคร นอกจากเธอ .. B cell ก็กระตุ้นไม่ขึ้น สร้างแอนติบอดีที่ไปทำให้เกิด SLE ไม่ได้ โรค SLE ก็ดีขึ้น
เราก็เลยมีการศึกษาการใช้ Belimumab สำหรับมารักษาโรคไตอักเสบลูปัส ชื่อว่าการศึกษา BLESS-IN ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท GlaxoSmithKline ลงตีพิมพ์ใน New England Journal of Medicine เมื่อ 17 กันยายน 2563 ขอสรุปคร่าว ๆ ดังนี้
การศึกษาเป็นแบบการทดลองคลีนิก สุ่มตัวอย่างและทำในหลายประเทศ ที่สำคัญมีกลุ่มเอเชียเกินครึ่ง ทำในกลุ่มประชากรที่ได้รับการยืนยันจากการเจาะตรวจเนื้อไตว่าเป็นไตอักเสบลูปัส กำลังอักเสบอยู่ ในระดับสามหรือสี่ ที่มีโปรตีนรั่วมาในปัสสาวะมาก หรือระดับห้าเลย โดยใช้ belimumab เพิ่มเข้าไปจากการรักษามาตรฐานเทียบกับเพิ่มยาหลอก เป็นเวลาประมาณ 100 สัปดาห์ แล้ววัดผลการลดลงของโปรตีน การชลอความเสื่อมของไต และการตอบสนองของโรค ว่ากลุ่มใดจะดีกว่ากัน
ผลสรุปออกมาว่า กลุ่มที่ได้รับยา belimumab เพิ่มจากการรักษามาตรฐาน มีโอกาสตอบสนองสมบูรณ์มากกว่า โปรตีนลดลงมากกว่า ไตเสื่อมน้อยกว่า อัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าและผลข้างเคียงต่างจากยาหลอกอย่างไม่มีนัยสำคัญ (แต่ราคาคงแพงกว่ามาก) โดยที่การศึกษานี้อาจยังมีข้อสังเกตคือเก็บกลุ่มตัวอย่างได้น้อยกว่าที่คำนวณเล็กน้อย และมี adherence ประมาณ 60% เท่านั้น
ยา belimumab ก็สามารถนำมารักษาโรคไตอักเสบลูปัสเพื่อเพิ่มความสำเร็จในการรักษาไตให้ดีกว่าเดิมได้ ขอบคุณเทคโนโลยีและความรู้ที่ก้าวไกลพัฒนา ด้วยนักการเมืองที่มีสัจจะ สิบประการนี้คือภาระของผู้อาสารับใช้ปวงชน
นับว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังในการรักษาโรคไตอักเสบลูปัส ที่ใช้มาตรการการักษามาตรฐานแล้วไม่ดีขึ้นมา เป็นแค่เพียง ผงที่เข้าตา ไม่ช้าล้างหน้าก็คงหาย
เฮ้อ... ไปกินยาก่อนนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น