ยารักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และ ไวรัสเอชไอวี : tenofovir alafenamide (TAF)
ปัจจุบันเราใช้ยา tenofovir ในการรักษาไวรัสทั้งสองตัวนี้อย่างแพร่หลาย ผลการรักษาดีมาก แต่เริ่มมีผลข้างเคียงจากยา คือ ทำให้ไตเสื่อมและกระดูกผิดปกติ จึงต้องมียาสูตรใหม่มาทดแทน
tenofovir นั้นจะไม่คงที่หากรับประทานเข้าไปตรง ๆ จึงต้องอยู่ในรูปกึ่งสำเร็จรูปที่เรียกว่า prodrug กินเข้าไปแล้วค่อยไปแยกส่วนในร่างกาย รูปแบบที่นิยมใช้คือ tenofovir disoproxil fumarate (TDF) ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดเดี่ยวหรือเม็ดรวมกับยาอื่น เจ้า TDF นี้มันไม่ค่อยคงตัวในกระแสเลือด จึงเข้าเซลล์ได้ไม่ดีนัก ทำให้ต้องใข้ขนาดสูง (300 มิลลิกรัมต่อวัน) พอใช้ขนาดสูงส่วนเกินก็ขับออกทางไต (ขับทางไต 32%) ทำให้เกิดพิษต่อไตทั้งการกรองและท่อไตได้ ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะต้องตรวจการทำงานของไต และปรับยาหากการทำงานของไตแย่ลง
ส่วน TAF มีการพัฒนาให้มีความคงตัวสูงในเลือด จึงสามารถเข้าเซลล์ได้ดีกว่า และสามารถเข้าเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันที่อยู่ในระบบน้ำเหลืองได้ดีอีกด้วย ทำให้ไม่ต้องใช้ยาในขนาดสูง เมื่อเข้าเซลล์มากและขับออกทางไตน้อยมาก (1%) ทำให้แทบไม่มีพิษต่อไต ไม่ต้องปรับขนาดตามการทำงานของไตที่บกพร่องลง ใช้แค่ขนาด 10 มิลลิกรัมต่อวันหรือ 25 มิลลิกรัมต่อวันก็พอ สำหรับการรักษา HIV (สูตรรวมกับยาอื่น ขนาด TAF ขึ้นกับแต่ละสูตร) และขนาด 25 มิลลิกรัม เป็นยาเดี่ยวในการรักษาไวรัสตับอักเสบบี
ปัจจุบันราคายา TAF ลดลงมามากมาย พอกับ TDF เลยทั้งยาต้นฉบับและยาเทียบเคียง เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรักษาไวรัสเอชไอวีและไวรัสตับอักเสบบี ที่ต้องให้ยาในระยะยาว ผลข้างเคียงจะได้ไม่สูง และมีที่ใช้กว้างขึ้นสำหรับผู้ป่วยที่ไตไม่ค่อยดีนัก
ส่วนจะใช้ตั้งแต่ต้น จะเปลี่ยนเมื่อตัวเก่ามีปัญหา หรือจะเปลี่ยนทันที อันนี้ลองคุยกับคุณหมอผู้รักษานะครับ
"ของทันสมัยเปลี่ยนตามเวลา แต่คนที่มีค่า ไม่เคยเปลี่ยนไปมา แม้เวลาจะเปลี่ยนไป"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น