หนึ่งวันที่ผ่านไป กับมอเตอร์ไซค์หนึ่งคัน
โรคโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดในประเทศเรามากว่าสองเดือน มาตรการควบคุมการระบาดเข้มข้นมานานหนึ่งเดือน พระราชกำหนดฉุกเฉินใช้มากว่าสามสัปดาห์ ดูแนวโน้มดีขึ้น ผู้คนรู้จักการป้องกันตัวเอง ร้านค้าเรียนรู้การรับมือ รัฐบาลเริ่มรับสถานการณ์ได้ จำนวนผู้ป่วยเริ่มลดลง
ผมเองยังไม่เคย work from home ยังทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านต่อไป มีโอกาสได้ไปตรวจในด่านหน้า พบว่าความหวาดกลัว ความตกใจของประชาชน มากมายเหลือเกิน มาวันที่สถานการณ์ดีขึ้น แต่หลายอย่างเปลี่ยนไป
ตอนเช้า หลังจากที่ออกกำลังกายตอนเช้าและดื่มกาแฟ เสียงรถจักรยานยนต์ของคุณน้าส่งหนังสือพิมพ์ก็มาตามเวลา ผมถามไถ่ว่า ปิดเมืองมาสามสัปดาห์ วันนี้คนเริ่มมากขึ้นไหมครับ คุณน้าแกขับจักรยานยนต์ส่งหนังสือพิมพ์ไปทั่วเขตเทศบาล จึงเห็นภาพเมืองในมุมละเอียด
"น้าว่า คนเริ่มออกมามากขึ้นนะ ไม่เหมือนตอนที่บังคับใหม่ ๆ ตอนนั้นร้างเลย แต่ก็นะ ต้องออกมาซื้อของ ต้องออกมาหาเงิน ชีวิตก็ต้องสู้"
หรือตอนนี้เสบียงและสิ่งจำเป็นเริ่มร่อยหรอ ผู้คนจึงออกมาซื้อของ แต่เท่าที่ผมสังเกต ทุกคนก็รู้จักป้องกันตัวเองและยอมรับกฎเกณฑ์การป้องกันโรคที่ทางรัฐบาลแนะนำ
ผมขับรถจักรยานยนต์ไปชำระเงินค่าโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ค่าไฟ และธุรกรรมทางการเงินอีกเล็กน้อยที่ธนาคารในห้างสรรพสินค้า ผู้คนบางตาเหมือนห้างยามปิดทำการ การจัดระเบียบทางเข้าออก การจัดคิว การรักษาความสะอาดทำได้ดีมาก ไม่มีใครฝืนข้อบังคับ
หลังจากทำธุระเรียบร้อย ระหว่างทางกลับบ้าน ผมแวะซื้อก๋วยเตี๋ยวเป็ดหนึ่งถุง ขณะที่ยืนรอ ก็ได้พบกับรุ่นน้องคนหนึ่ง เขาทำอาชีพขับรถจักรยานยนต์ส่งเอกสาร ตอนนี้มารับงานพิเศษส่งอาหาร ผมจึงทักทายเขาในฐานะรุ่นพี่ในวงการส่งเอกสาร ถามว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร
"งานลดลงมากเลยพี่ นี่ต้องมารับส่งอาหารเพิ่ม ไม่งั้นอยู่ไม่ไหว เงินช่วยเหลือก็ยังไม่ได้สักที นี่เพื่อนกันสมัยก่อนอยู่ร้านอาหาร ตอนนี้ก็ต้องมารับส่งอาหารแทน สามอาทิตย์แล้ว เงินหมดแล้วพี่"
แม้ว่าเขาต้องออกมาทำงาน เขาก็ป้องกัน สวมหน้ากาก พกเจลล้างมือ สายตาบ่งบอกสีหน้าแสดงชัดว่าเหนื่อยมาก ไม่รู้ว่าสถานการณ์โรคและการควบคุมจะอยู่อีกนานแค่ไหน แต่เขาคงจะสุดกำลังในเร็ววันนี้
ตกเย็น อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ช่วงนี้อากาศแปรปรวนมาก ผมจึงถือโอกาสเดินออกกำลังกายและฟังพ็อดคาสต์เป็นการอัพเดตวิชาการและฝึกภาษาอังกฤษอีกหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่เสร็จสิ้น ผมตัดสินใจเดินไปซื้อกล้วยหอมหนึ่งหวี และส้มเขียวหวานอีกหนึ่งกิโลกรัม เพื่อเติมอาหารให้ครบห้าหมู่ ช่วงเวลานี้จะป่วยไม่ได้
ผมพบคุณโชเฟอร์รถจักรยานยนต์รับจ้าง เราเห็นหน้าตาเป็นประจำ หลายครั้งผมใช้บริการเขาเวลาไปไหนในเมืองที่หาที่จอดรถยาก เขามาต่อคิวซื้อผลไม้ จึงไปไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ และทราบว่าเขาไม่ได้มาซื้อเอง
"ช่วงนี้ลูกค้าลดลงเยอะเลยพี่หมอ ขนาดลูกค้าประจำยังลด ผมต้องเพิ่มงานรับซื้อของ รับของไปส่งตามบ้าน เพิ่มรายได้ครับพี่หมอ ไม่ไหวจริง ๆ ถ้าไม่ทำอาจจะตายก่อนติดโควิดครับ ติดโควิดรักษาฟรี แต่ไม่ติดโควิด เสียเงินทุกวัน"
ผมรู้ว่าที่หลายคนกลัวโควิดเพราะหากติดเชื้อจะต้องกักกันตัว เสียรายได้ ครอบครัวขาดคนดูแล เขากลัวสิ่งนี้มากกว่าเป็นโรคเสียอีก จนมาถึงวันนี้เวลานี้ หากเขาออกจากบ้านมาทำมาหากิน โดยรู้จักป้องกัน เขาอาจไม่ติดโควิดและมีรายได้ แต่ถ้าให้เขาอยู่บ้าน เขาไม่ติดโควิดแน่ แต่คงแย่เพราะไม่มีกิน สำหรับคนส่วนใหญ่ อาจจำเป็นต้องเลือก
ในฐานะแพทย์ เป็นด่านหน้าด้วย ผมก็อยากให้โรคระบาดจบโดยเร็ว ซึ่งมันคงเป็นไปได้ยาก มันคงไม่จบเร็ว การเลือกหนทางที่เหมาะสมกับเรา ไม่ให้ผู้ป่วยผู้ติดเชื้อมากจนรับไม่ไหว ในขณะเดียวกันก็ต้องให้เขาอยู่ได้ตามฐานานุรูปเป็นการตัดสินใจเลือกหนทางที่ไม่ง่าย เพราะเราไม่ได้อยากได้หนทางที่ดีที่สุด
แต่เราต้องการมาตรการที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนน้อยที่สุด และไปด้วยกันได้ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
อีกไม่นานคงต้องผ่อนมาตรการแน่นอน และจะเป็นการวัดใจ วัดความสามัคคี วัดความพร้อมใจมีวินัยของคนในชาติ ว่าเราจะร่วมมือกันพยุงประเทศและเพื่อนร่วมชาติไปด้วยกันได้หรือไม่
ผมปิดประตูรั้ว มองรถจักรยานยนต์คันเล็กที่จอดนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ นึกขอบคุณเจ้ารถคันนี้ ที่พาให้ผมได้เห็นความเดือดร้อน ความเป็นจริง ของเพื่อน ๆ พี่น้องของเรา
วันหนึ่ง ได้จบลง วันนี้คงหลับอย่างมีความสุข เติมพลังไว้สู้โลกอันโหดร้ายในวันพรุ่งนี้
ปล. ที่บอกว่าผมคือกงยูเมืองไทย บอกบ่อย ๆ เข้า พวกคุณเริ่มเคลิ้มแล้วใช่ไหม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น