โควิดกับการสูญเสียความสามารถในการรับกลิ่น
มีรายงานมากมายเรื่องความบกพร่องของการดมกลิ่นที่สัมพันธ์กับการป่วยโรคโควิด19 มีรายงานการศึกษาจากประเทศอิตาลี ประเทศที่การระบาดสูงมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูกที่อิตาลีได้ทำการศึกษาวิจัยโดยเก็บข้อมูลจากคนที่ได้รับการยืนยันการวินิจฉัยด้วยการตรวจ RT-PCR ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ให้ตอบแบบสอบถามว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับประสาทการดมกลิ่นและรับรสหรือไม่
การตอบแบบสอบถามจะทำทางโทรศัพท์ไปที่บ้าน สอบถามอาการและระดับคะแนนต่าง ๆ เพื่อมาคิดคำนวณ โดยคะแนนหลักที่ใช้เรียกว่า SNOT-22 ในการวัดการรับกลิ่นหรือรับรส โดยสอบถาม 282 คน มี 71% ที่ตอบคำถามครบถ้วน
จากการสอบถามมี 64.4% ที่พบว่ามีความแปรปรวนการรับกลิ่นหรือรส และอาการก็มีทั้งแปรปรวนเล็กน้อยจนถึงรุนแรง สัดส่วนการเกิดความแปรปรวนมีทั้งพร้อมอาการทางเดินหายใจหรือเกิดหลังจากอาการทางเดินหายใจ
จะเห็นว่ามีคนที่เกิดความแปรปรวนถึง 64.4% จะถือว่า ความผิดปกติเรื่องการรับกลิ่นหรือรับรสเป็นอาการอันหนึ่งของโรคโควิดได้หรือไม่ จากการศึกษานี้คงตอบว่ายัง เพราะว่า
- เลือกมาแต่เฉพาะผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงเท่านั้น ไม่ได้สะท้อนการเจ็บป่วยทั้งหมด
- ไม่รู้สภาพโพรงจมูกของแต่ละคนว่าอาจจะแปรปรวนอย่างไร ส่งผลต่อผลการศึกษาอย่างไร
- ไม่ได้แจกแจงการบวมของจมูกและทางเดินหายใจ ว่าส่งผลต่อการรับกลิ่นด้วยหรือไม่
- ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ที่มีโอกาสผิดพลาดสูงมาก ทั้งการสื่อสารและความโน้มเอียง
- เป็นการศึกษาในช่วงสี่วันเท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลระยะยาว
- ไม่ทราบว่าความบกพร่องอันนี้มีมาก่อนการติดเชื้อหรือไม่ หรือหลังติดเชื้อหายไปหรือไม่ ที่จะบอกความเป็นเหตุเป็นผลกัน หรือแค่สัมพันธ์กันเท่านั้น
- จำนวนคนไข้น้อยมาก และเจาะจงเฉพาะคนที่สามารถเข้าร่วมทางโทรศัพท์เท่านั้น
จะเห็นว่าไม่สามารถบอกได้เลยว่า การรับรู้กลิ่นและรสที่แปรปรวนนี้ จะเป็นอาการอันหนึ่งของโควิด หรือเป็นผลที่เกิดจากไวรัสโควิด ด้วยขั้นตอนการศึกษาและระเบียบวิธีวิจัยที่ยังไม่สมบูรณ์พอ คงบอกได้แค่ว่า พบการรับรู้รสและกลิ่นที่แปรปรวนในผู้ป่วยโควิดที่อาการไม่รุนแรงประมาณ 60% เท่านั้น
การแปลผลการศึกษา ไม่ควรแปลผลเกินไปกว่าขอบเขตการศึกษานั้นครับ
อ่านฉบับเต็มได้ฟรี
Spinato G, Fabbris C, Polesel J, et al. Alterations in Smell or Taste in Mildly Symptomatic Outpatients With SARS-CoV-2 Infection. JAMA. Published online April 22, 2020. doi:10.1001/jama.2020.677
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น