21 กรกฎาคม 2561

เรื่องราวของไขมันทรานส์ที่ทางการของไทยประกาศห้ามผลิต ห้ามใช้

เรื่องราวของไขมันทรานส์ที่ทางการของไทยประกาศห้ามผลิต ห้ามใช้ โด่งดังมากในช่วงสัปดาห์นี้ คำถามที่อยู่ในใจคือ มันจะมากระทบชีวิตประจำวันของเรามากน้อยแค่ไหน และคำประกาศนี้จะทำให้โรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง เราๆท่านๆ ปลอดภัยจริงหรือ
โรคหัวใจและหลอดเลือดต่างๆนั้น ที่มีไขมันเป็นสาเหตุอันหนึ่ง ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่ามันไม่ใช่เป็นไขมันตรงๆที่เรากินเข้าไปแล้วเจ้าไขมันตัวนั้นจะไปก่อปัญหา ไปก่อเรื่อง เกือบทั้งหมดของไขมันที่ก่อเรื่องมันเกิดจากการจัดการไขมันในตัวเรา (lipid metabolism) ที่ผิดปรกติที่เป็นชื่อโรค dyslipidemia (dys คือ ผิดปกติ lipidemia คือไขมันในเลือด) นั่นคือ ผิดปกติทั้งปริมาณและคุณภาพ
ตัวที่มีปัญหาหนักๆ คือ ไลโปโปรตีน ไขมันที่มีโปรตีนมาเกาะซึ่งเกิดจากการเมตาบอลิซึ่มหลายขั้น ที่เรียกว่า LDL (low-density lipoprotein) และ โคเลสเตอรอล ทั้งสองตัวนี้เกิดจากการสร้างใหม่ขึ้นในร่างกาย นั่นคือกระบวนการสร้างการทำลาย โดยเฉพาะระดับยีนผิดปกติครับ จากอาหารนั้นมีส่วนน้อย
การรักษาโรค ณ ปัจจุบันจึงมุ่งเน้นไปที่การควบคุมการสังเคราะห์ในร่างกายมากกว่า และมีบทพิสูจน์ว่า LDL กับ Cholesterol มีผลเสียต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด และ อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ชัดเจน ในขนาดที่สูงมาก และการลด LDL ลงก็ทำให้อัตราการเกิดโรคและอัตราตายลดลง อย่างนี้เรียกว่า น่าจะเป็นเหตุเป็นผลกัน ทำให้แนวทางการรักษาปัจจุบันให้ใช้ยา statin เป็นหลักและติดตาม LDL เป็นหลัก
ไขมันบางประเภทเช่น ไตรกลีเซอไรด์ในเลือด พบว่าสัมพันธ์กับโรคหัวใจ แต่ทว่าการลดไตรกลีเซอไรด์ด้วยการควบคุมอาหารและใช้ยา กลับไม่ได้ทำให้โรคหัวใจและอัตราการเสียชีวิตลดลง
ดังนั้นเราไม่สามารถแปลได้ว่าอาหารชนิดหนึ่งมีโคเลสเตอรอลมาก หรือไตรกลีเซอไรด์มาก จะส่งผลเสียผลเลวร้ายต่อสุขภาพ เพราะผลเสียผลเลวร้ายนั้น ..**วัดจากระดับไขมันในเลือดนะครับ** ไม่ใช่ระดับไขมันในอาหาร ระดับไขมันในเลือดเป็นระดับอิ่มตัวอันเกิดจากการสร้างและเมตาบอลิซึ่มของไขมันในร่างกายเราเอง...
และหากคิดว่าการควบคุมอาหารไขมันอย่างเดียวจะมีผลต่อระดับไขมันในเลือดไหม ... มีผลนะครับ แต่ไม่มากนัก แล้วถามต่อว่ามีผลต่ออัตราการเสียชีวิตหรือเกิดโรคหัวใจไหม ก็ต้องตอบว่ามีแต่ไม่มากเช่นกัน ผลที่มาจากการศึกษาเทียบระหว่างกินอาหารปกติ กินอาหารควบคุม หรือใช้ยาด้วย ผลออกมาว่าการใช้ยานั้นสามารถลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและอัตราการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นที่มาว่าถึงแม้จะคุมอาหารคุมไขมันดีเพียงใด แต่หากมีความจำเป็นต้องใข้ยา ก็ต้องใช้
แล้วการลดไขมันทรานส์ล่ะ มีผลไหม ... คำตอบก็มีครับ สุขภาพโดยรวมดีขึ้น อัตราการเกิดโรคและป่วยลดลง ...แต่มันก็อยู่ภายใต้เงื่อนไข
1. ที่ว่าลดลง เพราะไม่ใช่ควบคุมไขมันทรานส์อย่างเดียว อาหารและปัจจัยอื่นๆ ต้องควบคุมด้วย ไม่ว่าจะเป็นแคลอรี่ บุหรี่ น้ำตาลส่วนเกิน เค็ม ออกกำลังกาย ผลจึงออกมาดี อัตราการเกิดโรคลดลง อีกอย่างการศึกษาที่อัตราการเสียชีวิตลดลง เกิดเพราะว่าเทคโนโลยีการรักษามันดีขึ้นด้วย การสวนหัวใจ การให้ยาละลายลิ่มเลือด การมียาลดอัตราการเสียชีวิตที่ดีขึ้น
จึงต้องบอกว่าการลดไขมันทรานส์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดีขึ้น ไม่ใช่ทั้งหมด
2.ศัตรูตัวร้ายจริงๆ ไม่ใช่ไขมันทรานส์ หรือ ไขมันอิ่มตัว แต่เป็น "ปริมาณไขมัน" ที่บริโภคเข้าไปมากกว่า ถึงจะกินไขมันดี แต่กินมากเกินก็เกิดโรคเช่นกัน ทั้งอ้วน ทั้งโรคหลอดเลือดมากมาย ดังนั้นก่อนที่เราจะพิจารณาชนิดของไขมัน ต้องพิจารณาลดและควบคุมปริมาณไขมันทุกชนิดก่อน การศึกษาที่ว่าดีๆนั้น เขาควบคุมปริมาณไขมัน และปริมาณแคลอรี่ด้วยนะครับ
3. ไขมันที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน ที่เป็นปัญหามากกว่าคือ "ไขมันอิ่มตัว" ครับ ไขมันที่ได้จากสัตว์ น้ำมันสัตว์ น้ำมันมะพร้าว หรือเนื้อติดมัน ติดหนัง อาหารทอด เป็นไขมันตัวร้ายจริงๆที่เราพบเจอ เพราะว่าไขมันทรานส์นั้น มักจะเกิดจากกระบวนการอุตสาหกรรม ถามว่าบางครั้งเราก็เลือกไม่ได้เมื่อมันทำสำเร็จมาแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของทางภาครัฐที่ต้องใช้กฎหมายควบคุม
4. เรื่องไขมันทรานส์ ตอนนี้ข้อมูลมากมาย ท่านคงทราบและปลอดภัยระดับหนึ่ง อย่าลืมควบคุมไขมันอิ่มตัวด้วย ไขมันจากสัตว์ ผัดทอด เนย ไม่ใช่ว่าคิดแต่ไขมันทรานส์แล้วจะคลีนร้อยเปอร์เซนต์ ตามมาตรฐาน เราจะจำกัดไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวไม่ให้เกิน 10% ของพลังงานที่ควรได้รับ และหากต้องใช้ไขมันอย่างอื่นมาแทนก็แนะนำไขมันไม่อิ่มตัวแทนนั่นเองครับ (แพงกว่า หายากกว่า)
การควบคุมไขมันทรานส์ด้วยการออกฎหมายควบคุมการผลิต เป็นวิธีที่ใข้กันแพร่หลายและได้ผล แต่ว่าอาจไม่พอที่จะทำให้สุขภาวะโดยรวมดีขึ้นได้ ยังต้องอาศัยการบังคับอีกหลายอย่างเช่น การควบคุมปริมาณเกลือ การควบคุมน้ำตาลและภาษีน้ำตาล การควบคุมยาสูบและแอลกอฮอล์
นอกจากการควบคุมต้องเพิ่มความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย บางทีความเชื่อผิดๆก็ยังแพร่หลายและมีอิทธิพลมากกว่าความเชื่อที่ถูกต้อง
และที่สำคัญ เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะต้องคิด อ่าน หาความรู้ และระวังตัวเอง แม้จะมีมาตรการใดก็ดี หากเราหลงผิดและไม่ใส่ใจ มาตรการเหล่านั้นก็ไร้ผล
อย่าให้การงดไขมันทรานส์ กลายเป็นไฟไหม้ฟาง ควรจะเป็นจุดเริ่มการการควบคุม ให้ความรู้ และ เปลี่ยนความคิดของพวกเราให้ดีขึ้นครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม