นักฟุตบอลเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจคาสนาม !! ข่าวที่พวกเราตกใจและตั้งคำถามมาตลอด
วารสาร New England Journal of Medicine ลงตีพิมพ์การศึกษาเรื่องผลการคัดกรองโรคหัวใจในนักฟุตบอลของอังกฤษ ตั้งแต่เป็นนักเตะเยาวชน ทำการศึกษาต่อเนื่องยาวนานมาถึง 20 ปี โดยการสนับสนุนจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ นำมาเล่าให้ฟังก่อนพรีเมียร์ลีกจะเปิดฤดูกาล
สมาคมฟุตบอลได้ตระหนักถึงปัญหานี้ จึงได้วางมาตรการ ให้มีการคัดกรองโรคหัวใจในนักเตะเยาวชนที่จะเซ็นสัญญากับสโมสร โดยการถามประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นไฟ้าหัวใจ ตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงหัวใจ หากพบความผิดปกติหรือสงสัยก็จะต้องตรวจขั้นตอนต่อไป เริ่มต้นตั้งแต่ มกราคม 1996 ไปถึงธันวาคม 2016 เป็นเวลายี่สิบปี โดยแพทย์สโมสรและอายุรแพทย์โรคหัวใจ
การศึกษานี้ ไม่ได้เปรียบเทียบอะไรที่เป็นการรักษา เพียงแต่เก็บข้อมูลและได้มาวิเคราะห์เท่านั้น มีบางส่วนที่นำไปเปรียบเทียบคือเปรียบเทียบกับกลุ่มปรกติ
สรุปว่า 20 ปีนี้ทำการคัดกรอง 11,168 ราย ส่วนมากอายุ 16 ปี และเป็นเด็กหนุ่ม 95% เพราะเป็นกีฬาฟุตบอล ทำการคัดกรองดังกล่าวและถ้าหากผิดปกติก็ทำการแยกมาตรวจ หรือหากสงสัยว่าจะมีโรคหัวใจที่จะทำให้เสียชีวิตเฉียบพลันก็จะแยกมาตรวจ ยกเว้นกลุ่มผิวสีที่มีลักษณะคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบย early repolarization อันนี้ไม่ต้องตรวจต่อ (ถือว่าเป็นความผิดปกติที่พบบ่อยในคนผิวสีและไม่มีอันตราย)
พบว่ามีเพียง 7% เท่านั้นที่ต้องไปตรวจหาโรคต่อไป และพบโรคจากการคัดกรองเลย 0.38% มาดูที่ต้องตรวจต่อ 7% คิดเป็น 840 คน ตรวจแล้วปกติ 104 คน ที่เหลือผิดปกตืที่พบบ่อยสามลำดับแรกคือ กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวผิดปกติจากการตรวจ MRI และ คลื่นเสียง รองมาคือพบคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติแบบ inverted T wave และ พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติแบบ Long QT 25 คน
ทั้งหมดนี้ก็ได้ติดตาม ต่อไปอีกว่าเกิดโรคกี่เปอร์เซ็นต์ มีอาการเท่าไร และเสียชีวิตเท่าไร
พบว่า อุบัติการณ์การเกิดโรคหัวใจจนเสียชีวิตเฉียบพลัน คือ 1ราย ต่อ นักกีฬา 14,794 รายต่อปี ซึ่งสูงกว่าการประมาณด้วยประวัติและตรวจร่างกายอย่างเดียว เพราะว่าโรคบางโรคไม่มีอาการและบางทีกว่าจะมีอาการก็เกินวัยรุ่นมาแล้ว ในกลุ่มที่เสียชีวิตนี้ได้ทำการพิสูจน์ พบว่า 88% เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวผิดปกติ (cardiomyopathy)
ถ้าคิดเป็นการเสียชีวิตจากโรคหัวใจในนักกีฬาวัยรุ่นนี้คือ 0.38%
ในกลุ่มที่มีโรคหัวใจ 225 ราย มีหนึ่งรายที่ฝืนลงแข่งทั้งๆที่ห้ามเด็ดขาดและเสียชีวิตด้วย และมีเพียง 2 รายเท่านั้นที่มีอาการ ส่วนใหญ่ที่เกิดโรคสามารถกลับมาลงสนามได้หลังแก้ไขโรค ไม่ว่าลิ้นหัวใจตีบ หลอดเลือดหัวใจผิดปกติ ผนังหัวใจรั่ว
และกลุ่มที่เสียชีวิตนั้น เสียชีวิต 23 ราย เป็นการเสียชีวิตจากโรคหัวใจเฉียบพลัน 8 ราย ก็ไม่มีอาการ การตรวจคัดกรองปรกติ อาจเป็นเพราะอาการยังไม่แสดงออกมาและพลังงานสำรองยังดี
อัตราการเกิดโรคและอัตราการเสียชีวิตก็ไม่ได้ต่างจากกลุ่มประชากรอื่นๆมากนัก ทำให้มีคำถามถึงค่าใช้จ่ายในการคัดกรอง ค่าใช้จ่ายในการคัดกรองขั้นแรกอยู่ที่ 347 ดอลล่าร์สหรัฐต่อคน รวมหมดทุกคนก็ 3.8 ล้านดอลล่าร์ แต่ถ้าคิดรวมการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาโรคด้วย จะอยู่ที่ 4.2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนค่าใช้จ่ายในคนที่เป็นโรคโดยเฉลี่ยที่ 16,000 ดอลล่าร์ต่อคน
คุ้มไหม ... ถ้าเทียบกับชีวิตที่รักษาได้มันก็คุ้มนะ ห้าล้านดอลล่าร์ถูกกว่าค่าตัวนักุตบอลพรีเมียร์ลีกหนึ่งคนอีก ปัญหาคือคนที่เสียชีวิตส่วนมากอยู่ในกลุ่มที่คัดกรองแล้วไม่เจอและไม่มีอาการน่ะสิ ทำให้ดูไปดูมาอาจจะดูไม่คุ้มสักเท่าไร
หรือมองอีกแง่ หากไม่ทำแบบนี้ก็อาจจะมีกรณีเสียชีวิตจาก โรคหลอดเลือดหัวใจ ลิ้นหัวใจ ผนังกั่นรั่ว ก็จะไม่ถูกตรวจพบเพราะไม่มีอาการ อัตราการเสียชีวิตอาจจะพุ่งขึ้นมากกว่านี้
แต่ว่านะ ... การคัดกรองที่มีราคาเพื่อรักษาหลายชีวิต เขาจะทำมากกว่าปล่อยไปแล้วเกิดตายไม่กี่ชีวิต เพราะทรัพยากรบุคคลเขาทรงคุณค่า และมูลค่านักฟุตบอลเยาวชนมีค่ามากกว่าราคาค่าคัดกรองมากมาย
ปล.
สงสัย..ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้ามหาประลัยของยอดทีมสีแดง คงไม่ได้ตรวจคัดกรอง ลมพัดมาโดนก็ป่วย สะดุดก้อนหินก็เดี้ยงยาว กองหลังฝั่งตรงข้ามตะโกนใส่ดังๆ แค่นี้ก็เจ็บไปเกือบสามสิบนัด เฮ้อ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น