โรคเบาจืด diabetes insipidus โรคที่มีอาการปัสสาวะมาก มากแค่ไหน มากจนทำให้เกลือแร่ในเลือดผิดปกติและแปรปรวนได้ เกิดจากการขาดฮอร์โมน antidiuretic (ADH) จากต่อมใต้สมอง หรือ ร่างกายไม่ค่อยตอบสนองต่อฮอร์โมนนี้
เมื่อร่างกายขาดน้ำ สูญเสียน้ำ ต่อมใต้สมองจะสั่งการให้หลั่งฮอร์โมน ADH ให้มาดูดน้ำจากท่อไตกลับมาใช้ ส่งผลให้ปริมาณปัสสาวะลดลงเพราะถูกดูดกลับ และปัสสาวะเข้มข้นขึ้น เพราะน้ำถูกดูดกลับสารละลายปัสสาวะจึงเข้มข้น
แต่ถ้าขาดฮอร์โมน หรือไม่ตอบสนอง ร่างกายก็ไม่ดูดกลับ เสียปัสสาวะออ...กไปมากมายและใสปิ๊งจืดสนิทเพราะมีน้ำมาก จึงเรียกว่า เบาจืด ปกติเราก็จะดื่มน้ำชดเชยทำให้รักษาสมดุลไว้ได้ ไตไม่ดูดน้ำกลับก็ช่างมัน ฉันดื่มน้ำเองได้ ...แต่ปัญหามันจะเกิดตอนที่คุณไม่สามารถดื่มน้ำได้ทัน เช่นป่วยหนัก ต้องผ่าตัด อย่างนี้เป็นต้น
เมื่อร่างกายขาดน้ำ สูญเสียน้ำ ต่อมใต้สมองจะสั่งการให้หลั่งฮอร์โมน ADH ให้มาดูดน้ำจากท่อไตกลับมาใช้ ส่งผลให้ปริมาณปัสสาวะลดลงเพราะถูกดูดกลับ และปัสสาวะเข้มข้นขึ้น เพราะน้ำถูกดูดกลับสารละลายปัสสาวะจึงเข้มข้น
แต่ถ้าขาดฮอร์โมน หรือไม่ตอบสนอง ร่างกายก็ไม่ดูดกลับ เสียปัสสาวะออ...กไปมากมายและใสปิ๊งจืดสนิทเพราะมีน้ำมาก จึงเรียกว่า เบาจืด ปกติเราก็จะดื่มน้ำชดเชยทำให้รักษาสมดุลไว้ได้ ไตไม่ดูดน้ำกลับก็ช่างมัน ฉันดื่มน้ำเองได้ ...แต่ปัญหามันจะเกิดตอนที่คุณไม่สามารถดื่มน้ำได้ทัน เช่นป่วยหนัก ต้องผ่าตัด อย่างนี้เป็นต้น
แล้วจะวินิจฉัยอย่างไร เรามีวิธีการวินิจฉัยสองแบบ แบบแรกแบบเดิม แบบที่เราจะมาคุยกัน คือจับคนไข้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรค เอามาห้ามดื่มน้ำดูว่าจะตอบสนองอย่างไร
เริ่มต้น ให้อดน้ำหลังอาหารเย็นเลย จนกระทั่งมาตรวจตอนเช้า ทรมานมากนะครับ ยิ่งถ้าเขาเป็นโรคจริงเขาจะต้องการดื่มน้ำแต่ถูดงด
พอมาตรวจ เราก็จะเจาะเลือดวัดความเข้มข้น วัดระดับโซเดียมในเลือด และวัดความเข้มข้นในปัสสาวะ เราลองคิดดูคนปกติเลือดก็จะข้นขึ้นใช่ไหม ปัสสาวะเข้มปิ๊ด ร่างกายก็ทนไม่ได้ จะหลั่งฮอร์โมน ADH ออกมา
แต่เราต้องมั่นใจว่าเลือดต้องข้นพอ ทำอย่างไร อดน้ำอดอาหารต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเลือดข้นคลั่ก ปัสสาวะเข้มปิ๊ดๆๆ ก็พอมีเกณฑ์นะครับ เลือดข้นกว่า 300 มิลลิออสโมล (คนปกติ ไม่เกิน 295 เกินนี้จะเริ่มเบลอ ๆ) โซเดียมพุ่งไปเกิน 145 (ปกติก็ประมาณ 140) ความเข้มข้นของปัสสาวะเมื่อวัดต่อเนื่องกันสามครั้ง ห่างกันไม่เกิน 10% หรือน้ำหนักตัวลดลงมาอย่างน้อย 3%
เจ้าค่าพวกนี้เจาะและวัดทุกชั่วโมงนะครับ ถ้ายังไม่ได้ตามเกณฑ์ก็อดน้ำอดอาหารต่อไป ทรมานสุด ๆ เราต้องคิดว่าการทดสอบนี้ได้ประโยชน์และคนไข้ไหวจึงตัดสินใจทำ
เอาล่ะ ข้นถึงเกณฑ์แล้ว (คนไข้ก็กำลังแย่แล้ว) คิดว่าข้น ๆ แบบนี้ร่างกายต้องสั่งให้ ADH ออกมาเต็มพิกัด เราก็วัดฮอร์โมน ADH ตอนนี้แหละ สูงหรือต่ำก็รู้ ต่ำแสดงว่าไม่มีการสร้างหรือมีน้อยแสดงว่าสร้างไม่พอ แต่ถ้าปกติล่ะ ก็น่าจะเป็นการไม่ตอบสนอง
การวัด ADH มันยากนะ มีไม่กี่ที่ที่ทำได้
งั้นจังหวะที่ร่างกายต้องการ ADH มาดูดน้ำกลับก็คือตอนข้นคลั่กแบบนี้ เราฉีดฮอร์โมน ADH เข้าไปเลยสิ แล้วดูการตอบสนอง ถ้าสร้างไม่ได้ ร่างกายจะโหยหามากฉีดปุ๊บ ดูดน้ำกลับทันที ความเข้มข้นลดลงมากกว่า 50% เลย ถ้าสร้างน้อยไม่ถึงกับขาด การเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 10-50% ถ้าไม่เปลี่ยนแสดงว่าไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน (ท่อไตไม่ตอบสนองในการดูดกลับ หรือเสียที่ท่อไต)
หรือร่างกายปกติดีนั่นแหละ เพราะมีฮอร์โมนอยู่แล้วไง ฉีดเข้าไปก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงใด ๆ ปัญหาคือ ดันดื่มน้ำมากเกินพอดีต่างหาก
สร้างมาก หรือสร้างน้อย...ความผิดปกติที่ต่อมใต้สมอง
ไม่ตอบสนอง... ความผิดปกติที่ท่อไต
โหดไหม...ส่วนวิธีที่สองทำง่ายกว่า คือการให้น้ำเกลือความเข้มข้นสูงให้เลือดคลั่กข้น แล้ววัดปริมาณสาร copeptin ที่จะหลั่งออกมาพร้อม ๆ กับ ADH (วัดได้ง่ายและคงตัวกว่า) การทดสอบนี้เพิ่งคิดค้นมาและตีพิมพ์เมื่อสามสัปดาห์ก่อนเอง
ใครที่ต้องทำ water deprivation test นี้ ต้องอดทนนะครับ...
เริ่มต้น ให้อดน้ำหลังอาหารเย็นเลย จนกระทั่งมาตรวจตอนเช้า ทรมานมากนะครับ ยิ่งถ้าเขาเป็นโรคจริงเขาจะต้องการดื่มน้ำแต่ถูดงด
พอมาตรวจ เราก็จะเจาะเลือดวัดความเข้มข้น วัดระดับโซเดียมในเลือด และวัดความเข้มข้นในปัสสาวะ เราลองคิดดูคนปกติเลือดก็จะข้นขึ้นใช่ไหม ปัสสาวะเข้มปิ๊ด ร่างกายก็ทนไม่ได้ จะหลั่งฮอร์โมน ADH ออกมา
แต่เราต้องมั่นใจว่าเลือดต้องข้นพอ ทำอย่างไร อดน้ำอดอาหารต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเลือดข้นคลั่ก ปัสสาวะเข้มปิ๊ดๆๆ ก็พอมีเกณฑ์นะครับ เลือดข้นกว่า 300 มิลลิออสโมล (คนปกติ ไม่เกิน 295 เกินนี้จะเริ่มเบลอ ๆ) โซเดียมพุ่งไปเกิน 145 (ปกติก็ประมาณ 140) ความเข้มข้นของปัสสาวะเมื่อวัดต่อเนื่องกันสามครั้ง ห่างกันไม่เกิน 10% หรือน้ำหนักตัวลดลงมาอย่างน้อย 3%
เจ้าค่าพวกนี้เจาะและวัดทุกชั่วโมงนะครับ ถ้ายังไม่ได้ตามเกณฑ์ก็อดน้ำอดอาหารต่อไป ทรมานสุด ๆ เราต้องคิดว่าการทดสอบนี้ได้ประโยชน์และคนไข้ไหวจึงตัดสินใจทำ
เอาล่ะ ข้นถึงเกณฑ์แล้ว (คนไข้ก็กำลังแย่แล้ว) คิดว่าข้น ๆ แบบนี้ร่างกายต้องสั่งให้ ADH ออกมาเต็มพิกัด เราก็วัดฮอร์โมน ADH ตอนนี้แหละ สูงหรือต่ำก็รู้ ต่ำแสดงว่าไม่มีการสร้างหรือมีน้อยแสดงว่าสร้างไม่พอ แต่ถ้าปกติล่ะ ก็น่าจะเป็นการไม่ตอบสนอง
การวัด ADH มันยากนะ มีไม่กี่ที่ที่ทำได้
งั้นจังหวะที่ร่างกายต้องการ ADH มาดูดน้ำกลับก็คือตอนข้นคลั่กแบบนี้ เราฉีดฮอร์โมน ADH เข้าไปเลยสิ แล้วดูการตอบสนอง ถ้าสร้างไม่ได้ ร่างกายจะโหยหามากฉีดปุ๊บ ดูดน้ำกลับทันที ความเข้มข้นลดลงมากกว่า 50% เลย ถ้าสร้างน้อยไม่ถึงกับขาด การเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 10-50% ถ้าไม่เปลี่ยนแสดงว่าไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน (ท่อไตไม่ตอบสนองในการดูดกลับ หรือเสียที่ท่อไต)
หรือร่างกายปกติดีนั่นแหละ เพราะมีฮอร์โมนอยู่แล้วไง ฉีดเข้าไปก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงใด ๆ ปัญหาคือ ดันดื่มน้ำมากเกินพอดีต่างหาก
สร้างมาก หรือสร้างน้อย...ความผิดปกติที่ต่อมใต้สมอง
ไม่ตอบสนอง... ความผิดปกติที่ท่อไต
โหดไหม...ส่วนวิธีที่สองทำง่ายกว่า คือการให้น้ำเกลือความเข้มข้นสูงให้เลือดคลั่กข้น แล้ววัดปริมาณสาร copeptin ที่จะหลั่งออกมาพร้อม ๆ กับ ADH (วัดได้ง่ายและคงตัวกว่า) การทดสอบนี้เพิ่งคิดค้นมาและตีพิมพ์เมื่อสามสัปดาห์ก่อนเอง
ใครที่ต้องทำ water deprivation test นี้ ต้องอดทนนะครับ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น