31 ธันวาคม 2561

DIETFITS

วารสาร JAMA ที่มีคนสนใจและกล่าวถึงมากที่สุดสำหรับปี 2018 กับการศึกษาเรื่องอาหาร DIETFITS ศึกษาความแตกต่างของอาหารไขมันต่ำ หรือ คาร์บต่ำ
ปีที่แล้วเพจเราได้กล่าวถึงการศึกษานี้ถึงสามครั้งเลย ติดตามได้ที่ลิ้งก์ด้านล่าง หรือใครต้องการอ่านฉบับเต็มก็ทำลิ้งก์มาให้เรียบร้อยครับ

สิ่งที่คุณจะได้จากการอ่านเพจนี้ คือ 2CME

สิ่งที่คุณจะได้จากการอ่านเพจนี้ คือ 2CME
C..concept คือเนื้อหาสรุป ในเรื่องที่เขียนนั้นผมจะรวบรวมมาจากตำราหลายเล่ม วารสารต้นฉบับหลาย ๆ ฉบับ การประชุมวิชาการ อันมีที่มาและน่าเชื่อถือ เมื่อรวบรวมแล้วจะใข้วิชาย่อความเพื่อให้ได้ประเด็นแค่หนึ่งถึงสองประเด็นในแต่ละเรื่อง แม้จะมีเนื้อหามากแต่ก็เพื่อให้เข้าใจโดยไม่งงเกินไป ดังนั้นเนื้อหาจะไม่ได้เป็นทุกอย่างที่อ่านมา พยายามให้ได้สรุปและการนำไปใช้
C..content คือเนื้อความ ในแต่ละบทความบางทีก็ต้องอธิบายที่มาที่ไป โดยเฉพาะในกรณีที่อ่านแล้วจะเกิดคำถาม หรือในบางบทความจะเน้นเนื้อความเช่นการเล่าเรื่อง การสรุปเนื้อหาสิบข้อ ขยายข่าว หรือนำวารสาร แนวทางทางการแพทย์มาอธิบาย ต้องเน้นเนื้อหาเพราะหากคุณเข้าใจมันก็ไม่ยากที่จะจดจำ แต่จะพยายามให้มีภาษาวิทยาศาสตร์น้อยที่สุดเท่าที่เนื้อความจะไม่เสียหาย
M..method คือวิธีคิด หลาย ๆ บทความจะมีการพูดถึงว่าใช้ได้กับคนนั้นคนนี้ กรณีนั้นกรณีนี้ เป็นการบอกวิธีคิดว่าเมื่อเราอ่านอะไรแล้วติดใจสงสัย ก็ให้ไปตามอ่านบทความอ้างอิงเพื่อหาคำอธิบาย หรือการสืบค้นเนื้อหาไปเรื่อย ๆ ลำดับการค้นหาว่าเมื่อถึงคำถามนี้ใข้วิธีอะไรค้นหาคำตอบ และประเมินแหล่งที่มาแบบใด
หรือเป็นการพลิกคิดนอกกรอบที่เราเชื่อมาตลอด ว่าเหตุใดจึงเป็นแบบนั้น หากจะเปลี่ยนความคิดเราเปลี่ยนด้วยเหตุผลใด หนักแน่นแค่ไหน
E..entertainment คือความสนุกสนานและง่าย อุปสรรคสำคัญในการเรียนคือมันยาก ถ้าเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอให้ง่ายหรือใส่มุก ใส่เรื่องราวต่าง ๆ ให้ดูน่าสนใจ มีอารมณ์ร่วม จะสามารถเรียนและจดจำได้มากขึ้น หรือเป็นการ "ละลายพฤติกรรม" ให้ทุกคนได้เข้ามาสนุก แสดงความเห็น ตามหลักการที่ผมยึดถือ คือ ทุกคนมีความเท่าเทียม หล่อหรือไม่ สวยแค่ไหน ขึ้นกับความคิดและเหตุผลที่นำเสนอ ไม่ใช่อายุ ยศฐาบรรดาศักดิ์ หรือตำแหน่งทางวิชาการ
เนื่องจากบทความที่ผมเขียนไม่ได้ทำอ้างอิงแบบเอกสารวิชาการ จึงไม่ควรนำไปอ้างอิงเวลาทำการใด ๆ ด้วยเช่นกัน เอาไปเป็นแนวคิด เอาไปเป็นไอเดีย ไปทำต่อ ไปค้นต่อ หรือใครจะนำไปปฏิบัติก็ได้ขึ้นกับสถานการณ์และวิจารณญาณของแต่ละคนครับ
หากท่านใดมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม หรือข้อติติง เห็นแย้ง ผมยินดีรับฟัง ยินดีแก้ไข ไม่เคยถือโทษโกรธกัน สังคมที่มีการแลกเปลี่ยนและปรับปรุงด้วยเหตุผล น่าจะเป็นสังคมและการเรียนรู้ที่ดี ผมเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเชิงลึกแต่อย่างใด เรามาช่วยกันเรียน ช่วยกันเติมแต่งนะครับ
สิ่งใด ๆ ที่ผมทำและนำเสนอ หากไปล่วงเกินหรือทำให้ผู้ใดเสียหาย ผมขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยใจจริง เพราะไม่เคยมีเจตนาทั้งทางบวกและทางลบกับใคร และหากใครได้รับความเดือดร้อนจากสิ่งที่ผมได้กระทำลงไป ขอได้แจ้งมาครับและได้ชี้แจง แก้ไข และปรับปรุงต่อไป
ปล. 1 รูปประกอบอาจจะไม่ตรงบท หรือเซ็กซี่ไปหน่อย เพราะผมรู้ว่าคุณ ๆ ขอบ
ปล. 2 แฟนแมนยู อาร์เซนอล เชลซี สเปอร์ แมนซิ อย่าหมั่นไส้เลย หยอกเอินกันนะครับ แชมป์หยอกเอิน ถือว่าแชมป์รัก

28 ธันวาคม 2561

การเดินทางอย่างมีปกติสุข และปลอดภัย

เพื่อการเดินทางอย่างมีปกติสุข และปลอดภัย มีข้อคิดมาฝาก
สำหรับพลขับ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่สำคัญที่สุด อย่าไปพึ่งพากาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง ซุปนก มันช่วยได้น้อยมาก แม้จะมีคาเฟอีนที่ช่วยให้สดชื่นแต่ไม่ได้ทำให้ความพร้อม สติ และความง่วงมันหายไปเลย
ยาที่มีผลทำให้ง่วงซึม ยานอนหลับ ยาแก้แพ้ นอกจากง่วงซึมแล้ว ความคิดอ่านและความฉับไวในการคิดและตัดสินใจลดลงอีกด้วย
สุรายาเมา นอกจากผิดกฎหมายแล้วยังทำให้เบลอ ง่วง การตัดสินใจช้า
สำหรับผู้โดยสาร ควรจิบน้ำเป็นระยะ ๆ เพื่อลดอาการขาดน้ำ ถ้ากลัวปวดฉี่ก็ไม่ต้องกลัวนะครับ ไปฉี่เถอะ อย่าอั้น โรคติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะจะถามหา ลุกยืนและพักเป็นระยะ ๆ ด้วยเพื่อคลายความเมื่อยล้าและลดโอกาสการเกิดหลอดเลือดดำอุดตันและอาจหลุดลอยไปที่ปอดได้
ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องใช้ยาประจำ ต้องเตรียมยาให้พร้อมสรรพเผื่อไว้หนึ่งถึงสองวันหากการเดินทางขลุกขลัก ยาต้องติดตัวเสมอนะครับ หลายครั้งแยกคนกับแยกยาไปกับสัมภาระ สุดท้ายไม่ได้กินยา
อย่ากินอาหารที่ไม่สะอาด อันนี้สำคัญ เพราะเดินทางมาก ท่องเที่ยวมาก คนมาก ความสะอาดลดลง เลือกอาหารที่สะอาดปลอดภัย อย่าลืมล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ พกสบู่เหลวขวดเล็ก ๆ และแอลกอฮอล์เจลเอาไว้ด้วย
ยาที่ควรพกพา ยาเม็ดพาราเซตามอล, ยาแก้แพ้, ยาแก้วิงเวียนเมารถเมาเรือ, น้ำเกลือแร่แบบซอง ใครที่ต้องเดินทางบนรถโดยสารนาน ๆ พกพาอาหารง่าย ๆ เช่นขนมปัง แซนด์วิช เอาไว้เผื่อก็ดี โดยเฉพาะคนไข้เบาหวาน
อาการที่เปลี่ยนแปลง ควรเตรียมเสื้อปกป้องความหนาว และหากใครเข้ากทม. พกหน้ากากอนามัยก็ดีครับ ฝุ่นมากจริง ๆ แอดมินมาเอง ไอจนเจ็บเข่าเลย
นำภาพรำลึกความหลังมาฝาก กลับมาเยี่ยมบ้าน ต้นกำเนิดตำนาน " อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว"

health tips สุขภาพใจ

ทิปส์สุดท้ายของปีนี้แล้วครับ สิ้นสุดซีรี่ส์ Health Tips
ที่ผ่านมาได้ส่งเคล็ดลับต่าง ๆ ให้ท่านได้ไปปรับใช้ เริ่มต้นในช่วงปีใหม่ ครอบคลุมปัจจัยสี่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ครอบคลุมกิจกรรมพื้นฐาน กิน อี้ บี้ นอน
เคล็ดลับสุดท้ายคือ "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว"
พยายามทำจิตใจให้แจ่มใส รู้จักการแก้ปัญหาไม่ใช่แบกปัญหา รู้จักการปล่อยวางไม่ใช่การทิ้งขว้าง รู้จักความพอดีไม่ใช่พอใจ รู้จักการให้อภัยไม่ใช่การช่างมัน
ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมความสดใสและตั้งใจทำสิ่งดี ๆ ในแต่ละวันให้ดีครับ ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น
สวัสดีปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ท่านทุกคนครับ

ภาวะเร่งด่วนทางอายุรกรรม



สรุปสิ่งที่ต้องจำส่งท้ายปี ภาวะเร่งด่วนทางอายุรกรรม
1.เจ็บแน่นหน้าอก เค้นแน่นรุนแรง เหงื่อออกมาก ใจสั่นหวิวคล้ายจะเป็นลม อาจปวดร้าวไปกราม ไปไหล่ ไปหาหมอโดยด่วนในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพื่อแยกโรคสำคัญหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันและหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด เพราะหากรักษาได้ทันจะช่วยชีวิตได้เลย ไม่ต้องให้การรักษาใด ๆ ก่อน ตรงดิ่งไปโรงพยาบาลเลย
2.เป็นลม หมดสติ รีบพาไปโรงพยาบาล ไม่ว่าจะคืนสติดีแล้วหรือไม่ก็ตาม เพื่อแยกโรคสำคัญทางสมองเช่นลมชัก เลือดออกในสมอง โรคหัวใจโดยเฉพาะเต้นผิดจังหวะ แต่ควรตรวจสอบดูก่อนว่ามีชีพจรหรือไม่ ถ้าไม่มีให้กู้ชีพให้กดหน้าอกแล้วขอความช่วยเหลือ
3.แขนขาอ่อนแรงฉับพลัน พูดไม่ชัดฉับพลัน อยู่ดี ๆ เดินเซ ให้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อแยกโรคหลอดเลือดสมองตีบ ในขณะนี้มีการรักษาทั้งให้ยาทางหลอดเลือดดำ หลอดเลือดแดง การใส่สายสวน การทำลายลิ่มเลือด ขึ้นกับเวลาที่ไปถึง ให้ดีคือภายในสามชั่วโมงนับแต่เกิดเหตุ
4.ในผู้ป่วยเบาหวานที่ฉีดยาอินซูลินหรือยากินที่มีชื่อนำหน้าว่า Gli-- หากมีอาการหน้ามืด ใจสั่น หวิว เหงื่อออกมาก ตาพร่ามัว ต้องสงสัยภาวะน้ำตาลต่ำ ถ้ามีเครื่องเจาะให้เจาะปลายนิ้วดูต่ำหรือไม่ ถ้าต่ำหรือไม่มีเครื่องให้ดื่มน้ำหวานแค่แก้วเดียวพอแล้วรีบไปรพ. แต่ถ้าไม่รู้ตัวอย่ากรอกปากให้พาไปโรงพยาบาล เพราะอย่างไรต้องแยกโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอยู่ดี
5.ไข้สูง หนาว เริ่มหอบ ตัวเย็น ชีพจรเบา ซึม ๆ หรือสับสน ให้รีบไปหาหมอเพราะต้องแยกภาวะช็อกจากการติดเชื้อ หากรักษาทันจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตมากมาย ระหว่างทางถ้ากินได้ให้กินยาลดไข้และดื่มน้ำบ่อย ๆ
6.หอบเหนื่อยเฉียบพลัน เจ็บหน้าอก มือเขียว ซึมลง หอบมาก นอกจากโรคในข้อหนึ่ง สิ่งที่สำคัญและต้องรีบไปหาหมอแยกโรคคือ ลิ่มเลือดดำอุดตันที่ปอด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเช่นขาขยับไม่ได้นอนติดเตียง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
7.งูกัด ถ้านำงูตัวที่กัดมาได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร รีบล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ไม่ต้องรัดขารัดแขนเหนือแผลใด ๆ ให้พาส่งโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการเลย และไม่จำเป็นต้องให้เซรุ่มแก้พิษงูทุกราย
8.ลมชักทันที อย่าตกใจ จับนอนให้ปลอดภัย นอนตะแคง ศีรษะตะแคง ไม่ต้องเอาอะไรไปงัดปากแล้วขอความช่วยเหลือ ไปโรงพยาบาลทันที มักจะหยุดเองในเวลาไม่เกิน 5 นาที
9.เรียนรู้ทักษะการกู้ชีวิตหากพบคนที่ไม่มีชีพจรหมดสติอยู่ เรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือเวลาสำลักวัตถุไปอุดกั้นหลอดลม ถ้าเป็นไปได้รู้จักเครื่อง AED เครื่องช็อกหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติที่ติดตามสถานที่ต่าง ๆ
10.ข้อนี้สำคัญ รู้จักสถานพยาบาลใกล้เคียงที่บ้าน ที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ที่นั้น ๆ หนทางขนส่ง มีรถไหม มีแท็กซี่ไหม อสม.อยู่ไหน กู้ภัยแถวนั้นติดต่อได้อย่างไร หรือถ้าคิดอะไรไม่ออกให้โทรสายด่วน "1669" ไม่ควรทำการช่วยเหลือเพียงลำพัง ให้ขอความช่วยเหลือเสมอ
สิ่งที่เชื่อที่แชร์ต่าง ๆ ไม่ว่าเข็มเจาะนิ้ว ไอแรง ๆ อมยาต่าง ๆ นอนพัก ... อย่าเพิ่งทำครับ ไปที่โรงพยาบาลก่อน โรคต่าง ๆ ที่เขียนมานี้ถ้าช่วยทันมันพลิกชีวิต พลิกนาทีวิกฤตได้เลย

27 ธันวาคม 2561

health tips สุขภาพเพศ

อีกสี่วันจะถึงปีใหม่ เรามาเตรียมตัวเข้าสู่ปีใหม่
sex health เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อาจจะต้องมาทบทวนและปรับปรุงได้ มีงานศึกษาวิจัยว่าสุขภาพทางเพศไม่ดี มีผลต่อสุขภาพกายและใจ และการปรับปรุงให้ดีทำให้ปัญหาเหล่านั้นดีขึ้นได้ แต่ไม่ได้หมายถึงถ้าเราจะโด๊ปชีวิตด้วยพลังเซ็กซ์แล้วชีวิตจะรุ่งเรืองนะครับ
การมีสุขภาพทางเพศที่ดีจำเป็นต้องมีสุขภาพทางกายที่ดีด้วย หากท่านมีโรคประจำตัวควรดูแลรักษาให้ดี นอกจากนี้การปรับความเข้าใจกันระหว่างคู่สัมพันธ์ก็จะทำให้แก้ไขปัญหาสุขภาพทางเพศที่ไม่ดีได้ด้วย ชีวิตทางเพศจะดีขึ้น
ปัญหาหลักมักเกิดจากสุขภาพใจหรือความไม่เข้าใจกันระหว่างคู่ปฏิบัติการ หากเรามานั่ง "บรี๊ฟ" กันบ้างจะทำให้ดีขึ้นครับ เพิ่มความเห็นอกเห็นใจ ชีวิตครอบครัวสมบูรณ์ด้วย (แต่อย่าเอ่ยชื่อผิดเด็ดขาด ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่)
การแก้ไขปัญหาโดยการใช้ยาฮอร์โมน ยากระตุ้นทางเพศ (มียาที่รับรองนะครับทั้งชายและหญิง) หรือยาเม็ดเพิ่มความแข็ง วิธีต่าง ๆ เหล่านี้มีที่ใช้ ข้อบ่งใช้จริง ๆ ทางการแพทย์ไม่มากนัก และควรปรึกษาแพทย์ อย่าซื้อใช้เองโดยพลการ
ปีใหม่นี้มานั่งวางแผนปรับปรุงสุขภาพทางเพศกันด้วยนะครับ
ปล. หนุ่มโสดสาวโสด ก็นั่งกลืนน้ำลายและเขี่ยทรายเล่นไปพลาง ๆ ก่อนนะครับ

trench fever

ลิเวอร์พูลมี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ วิงแบ็กตัวฉกาจ .. เพจเราก็มี เทรนช์ฟีเวอร์ (Trench Fever)
เทรนช์ฟีเวอร์ เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง ค้นพบสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ลักษณะอาการมีไข้สูงแล้วกลับมาเป็นปกติและกลับมาไข้สูงอีก ปวดเมื่อยตามตัว ตาแดง อาจมีม้ามโต มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดมากจนขาแข็งแเกร็ง อาการมักเป็นแค่ห้าวันแล้วหายเอง โอกาสเป็นเรื้อรังรุนแรงมีน้อย
แพทย์ชาวอังกฤษพบอาการโรคที่คล้ายโรคติดเชื้อมาเลเรียหรือไข้ไทฟอยด์ แต่ไม่มีอาการอย่างอื่นที่เหมือนมาเลเรียหรือไทฟอยด์ เขาสังเกตโรคนี้เป็นครั้งแรกที่แนวรบของฝรั่งเศส และต่อมาพบในอีกหลาย ๆ แนวรบ ...เพราะพบในแนวรบนี่แหละถึงเรียกว่า trench fever คำว่า trench คือราง หรือหมายถึงสนามเพลาะที่ขุดลงไปเป็นรางยาว ๆ ทหารไปเฝ้ารบในนั้น สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมีการขุดแนวสนามเพลาะมากมายและรบในสนามเพลาะเป็นหลัก เรียกสงครามครั้งที่หนึ่งว่าสงครามสนามเพลาะ ใครนึกภาพไม่ออกให้ไปดูหนังเรื่อง Wonder Woman ชุดที่แฟนผม Gal Gadot แสดงนำ
อะไรอยู่ในสนามเพลาะ...เพราะสนามเพลาะเป็นบริเวณแคบ ๆ บีบให้คนต้องมาอยู่ใกล้กัน สุขอนามัยในสนนมเพลาะก็ใช่ว่าจะดี จะออกจากสนามเพลาะไปอาบน้ำก็จะโดนทหารฝ่ายมหาอำนาจกลางสอยแน่ ๆ ทำให้มีการแพร่ระบาดของโรคนี้ผ่านทางสัตว์พาหะคือ เหาลำตัว (body lice) ที่จะไปวางไข่หรือวางอึตามรอยถลอกผิวหนัง กระโดไปมาเมื่อคนอยู่เบียดเสียดกัน หรือใช้เสื้อผ้าร่วมกันโดยอนามัยไม่ดี
เชื้อแบคทีเรีย Bartonella quintana เชื้อที่พบในพุงเหาลำตัวสามารถมาก่อโรคในคนได้ เป็นเชื้อตระกูลเดียวกับโรคแมวข่วน Cat-Scratch disease (Bartonella henselae) เจ้า quintana นี่แหละเป็นตัวก่อโรคไข้เทรนช์
โดยทั่วไปโรคหายเอง แต่หากอาการรุนแรงหรือภูมิคุ้มกันไม่ดี ก็อาจใช้ยากลุ่ม tatracyclines ได้เช่นกัน ส่วนมากโรคไม่รุนแรงยกเว้นไปทำให้เกิดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (subacute endocarditis) เนื่องจากมันเพาะเชื้อยาก อาการไม่เฉพาะเจาะจง การตรวจยืนยันทำได้ยาก เป็นวิธีที่ไม่แพร่หลายและราคาแพง เช่น หาสารภูมิคุ้มกันแอนติบอดีหรือหาสารพันธุกรรมของ Bartonella ข้อมูลการวินิจฉัยและรักษาจึงไม่มีมากนัก
ปัจจุบันพบน้อยมาก สุขอนามัยเราดีขึ้นมาก หรือถ้าพบและมีจริง ๆ ก็วินิจฉัยโรคและแยกโรคยากเช่นกัน
ลุงหมอเวอร์ชั่น ดูบอลแล้วเวิ่นเว้อไปเรื่อย ... สงสัยปีนี้จะได้นอนกอดถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกนะ..จะบอกให้

26 ธันวาคม 2561

health tips ปริมาณอาหาร

อีกห้าวันจะถึงปีใหม่ เรามาเตรียมตัวรับปีใหม่กัน
วนเวียนอยู่กับเรื่องของกิน เพราะสำคัญจริง ๆ ในปีที่ผ่านมาหลาย ๆ คนคงอยากรักษาสุขภาพโดยกินอาหารที่ดีมีประโยชน์แบบต่าง ๆ นั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็มีอีกหลายคนที่ทำแบบนั้นแล้วยังพบผลที่ไม่น่าพอใจ ไม่ว่าน้ำหนักขึ้น ความดันสูงขึ้น น้ำตาลคุมไม่อยู่ เพราะว่ายังขาดอีกสิ่งหนึ่งนั้นเอง
ปริมาณอาหาร ใช่แล้วครับ ไม่ว่าอาหารจะดีเยี่ยมแค่ไหน อย่าลืมว่านอกจากสารอาหารแล้วสิ่งที่ได้รับอีกคือ พลังงาน และเจ้าพลังงานนี้แปรผันตามปริมาณที่กิน กินมากได้มากกินน้อยได้น้อย (แต่อย่ามี "น้อย"นะจะได้เลือด) การปรับพลังงานขึ้นกับการใช้งานชีวิตประจำวันและการออกกำลังกาย อย่าใช้การออกกำลังกายมาเพื่อเผาพลังงานที่เจตนากินเกินเข้าไป
กินเท่าที่ใช้ ไม่ต้องเผื่อพรุ่งนี้ครับ ยิ่งคนที่ควบคุมอาหารสิ่งแรกที่ต้องควบคุมคือ ปริมาณพลังงานหรือปริมาณการกินนี่เอง
ในปีใหม่นี้ อยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจอาหารที่นอกจากสารอาหารแล้วควรคำนึงถึงปริมาณพลังงานโดยรวมต้องไม่มากเกินไปด้วยนะครับ
"กินของดีแต่กินทีละกาละมัง ทุกอย่างก็พัง ทั้งกาละมัง ทั้งชีวิตที่ดี"

ไม้ใช้น้ำมันปลาในการปกป้องหัวใจ

ตกลงน้ำมันปลา (Fish Oils) ยังใช้อยู่ไหม ตามหลักฐานการศึกษาล่าสุด 2018 เรามาสรุปความเข้าใจเป็นข้อ ๆ เกี่ยวกับเรื่องน้ำมันปลาและข้อแนะนำปัจจุบัน ยาวหน่อย 13 ข้อแต่ถ้าอ่านจบจะเข้าใจดี
1. น้ำมันปลา ไม่ใช่น้ำมันตับปลา น้ำมันปลามีมากในปลาทะเลชุ่มน้ำมัน ปลาน้ำจืดก็มีเช่นกันแต่ปริมาณไม่มากเท่า ร่างกายสามารถสังเคราะห์ EPA และ DHA ได้ แต่ในปริมาณปรกติ หากจะกินเพื่อหวังผลทางยาคงต้องใช้น้ำมันปลาสังเคราะห์
2. น้ำมันปลาที่แนะนำตามที่สมาคมโรคหัวใจและคำแนะนำทางโภชนาการ แนะนำให้ได้รับน้ำมันปลาจากอาหาร คือ ปลาทะเล ประมาณ 3-4 ออนซ์ต่อครั้ง อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง ปัจจุบันสมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกาไม่แนะนำใช้น้ำมันปลาแบบเป็นเม็ดยาเพื่อปกป้องหัวใจอีกต่อไป และ european medical agency ก็ประกาศ ยกเลิกใช้น้ำมันปลาที่เป็นเม็ดยาเพื่อวัตถุประสงค์ปกป้องหัวใจและหลอดเลือด
3. การกินเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ ซึ่งตามข้อบ่งชี้ก็จะเหลืออีกแค่ข้อเดียวคือใช้เพื่อการรักษาระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง (สำหรับเม็ดยานะครับ การกินน้ำมันปลาจากอาหารยังกินต่อไป)
4. มีอะไรในน้ำมันปลา น้ำมันปลามีองค์ประกอบหลายอย่าง แต่เป้าที่เราพูดกันนี้คือกรดไขมันไม่อิ่มตัว โอเมก้าสาม ที่ในอดีตเรามีข้อมูลว่ามันช่วยต้านการอักเสบรวมถึงมีประโยชน์ด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด
5. น้ำมันปลาที่วางขายทั้งเป็นยาและอาหารเสริมจะมีสัดส่วนไขมัน EPA และ DHA ที่แตกต่างกัน ยาเม็ดน้ำมันปลาที่ใช้ในการศึกษาต่าง ๆ จะเป็นน้ำมันปลาโอเมก้าสามที่มีสัดส่วน EPA 840 มิลลิกรัมและ DHA 460 มิลลิกรัม (เรียกว่าน้ำมันปลาโอเมก้าสามหนึ่งกรัม) ส่วนน้ำมันปลาที่วางขายเป็นอาหารเสริมโดยมากจะมีสัดส่วน EPA 180 มิลลิกรัมและ DHA 120 มิลลิกรัม
6. การศึกษาโอเมก้าสามที่อ้างถึงประโยชน์แบบต่าง ๆ จะมีสัดส่วน EPA/DHA ที่แตกต่างกัน เวลาพิจารณาประโยชน์จากการศึกษาใด ต้องดูสัดส่วนนี้ด้วยนะครับ จะอ้างข้ามกลุ่มไม่ได้ครับ
7. ในอดีต มีสมมติฐานเรื่องการจัดการไตรกลีเซอไรด์บางชนิดบางโมเลกุลที่ทำให้โรคหัวใจดีขึ้น มีการศึกษาชื่อ GISSI-P และ GISSI-HF ใช้โอเมก้าสามสัดส่วนคงที่ที่เรียกว่าน้ำมันปลาหนึ่งกรัม ในผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคหัวใจแล้ว (กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและหัวใจวาย) พบว่าลดการเกิดโรคหัวใจซ้ำได้และแนวโน้มลดอัตราการเสียชีวิต
8. จนมีคำแนะนำว่าให้โอเมก้าสามในขนาดหนึ่งกรัมต่อวัน ในผู้ป่วยที่รักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแล้วเพื่อลดโอกาสการเกิดซ้ำ แต่คำแนะนำก็แค่ระดับอาจจะให้ก็ได้ น้ำหนักหนักแน่นพอควร ส่วนการกินเพื่อป้องกันโรคก่อนจะเกิดโรคยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะบอกว่าเกิดประโยชน์
9. เมื่อกลางปีมีการศึกษาในผู้ป่วยเบาหวานที่ใช้ยา Statin อยู่แล้ว มาให้ยาเม็ดโอเมก้าสามแล้วติดตามผลไปพบว่าอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง ไม่ได้แตกต่างจากกลุ่มที่ไม่ได้กินอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ หรือ พูดภาษาชาวบ้านว่า ไม่ได้ต่างกัน ชื่อการศึกษา ASCEND
10. ส่วนการศึกษาที่ใช้ EPA เดี่ยว ๆ ทั้งการศึกษา JELIS ใช้ EPA 1.8 กรัม หรือล่าสุด REDUCE-IT ใข้ EPA ล้วน ๆ 4 กรัมต่อวัน พบว่าสามารถลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลงได้ โดยเฉพาะกลุ่มไตรกลีเซอไรด์ค่อนสูง (กรุณาดูขนาด EPA ที่ได้นะครับ สูงมาก ไปอ่านข้อ 5 อีกครั้ง)
11. ข้อมูลในเรื่องการป้องกันการเกิดซ้ำของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองเปลี่ยนไปเป็นลดระดับคำแนะนำแล้ว ทำไมจึงเป็นแบบนั้น ก็เพราะการรักษาใหม่ ๆ ที่ได้ประโยชน์สูงกว่าเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อก่อนไม่มีการรักษาประสิทธิภาพสูงแบบนี้ทำให้การใช้น้ำมันปลาเกิดประโยชน์ แต่เมื่อมีการรักษามาตรฐานในปัจจุบันแล้ว การใส่น้ำมันปลาเพิ่มก็ไม่ได้เกิดประโยชน์เพิ่มเติมอีก
12. ส่วนเรื่องการต้านการอักเสบของโอเมก้าสามที่เชื่อกันมากจนสี่ห้าปีก่อนมีสูตรอาหารใส่โอเมก้ากันออกมาเลย ก็ปรากฏว่ายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนทางคลินิกที่จะเกิดประโยชน์มากนัก ยังเป็นแค่ข้อมูลในหลอดทดลองมากกว่า อีกประการคือน้ำมันปลาที่สูงเกินอาจมีผลเลือดออกผิดปกติได้ (เอาเข้าจริง ๆ ก็น้อยมากครับ)
*** 13. สรุปว่า ณ ตอนนี้ ไม่มีการใช้ยาเม็ดโอเมก้าสามในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดทั้งป้องกันก่อนเกิดโรคและป้องกันการเกิดโรคซ้ำ คงเหลือแต่คำแนะนำการได้น้ำมันปลาจากอาหารเท่านั้น ส่วนข้อบ่งชี้ยาเม็ดโอเมก้าสามที่เหลือคือรักษาไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงเมื่อได้ยาอื่นแล้วยังไม่ประสบผลสำเร็จ ***

25 ธันวาคม 2561

เล่าเรื่องเส้นทางการรักษาโรคเอดส์



เล่าเรื่องเส้นทางการรักษาโรคเอดส์
ช่วงนี้หนาว เสียงเป็นเป็ดเลย



ข่าวสั้น ProAir Digihaler

ข่าวสั้น ทันสมัย ง่ายนิดเดียว
องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ได้รับรองยาสูดพ่น albuterol (บ้านเราก็ salbutamol) ยาสูดพ่นขยายหลอดลมแบบออกฤทธิ์สั้น เพื่อแก้ไขอาการหลอดลมตีบเฉียบพลันในโรคหอบหืดหรือถุงลมโป่งพอง
ยาที่อมุมัติใหม่นี้อยู่ในอุปกรณ์ที่ชื่อว่า Digihaler ชื่อยา ProAir Digihaler คือมันมีเซนเซอร์ที่ปลายทางออกที่เราจะสูด สามารถวัดแรงสูดว่าได้ดีพอไหมในการสูดแต่ละครั้ง ใช้กี่ครั้ง ใช้เมื่อไร ส่งผ่านบลูทูธไปยังแอปพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อติดตามได้ง่ายทั้งหมอและคนไข้
เพื่อติดตามการใช้ยา และใช้ได้อย่างถูกต้องหรือไม่ คิดว่าอนาคตคงมีอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์แบบนี้ออกมาอีกมาก
ตามไปอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่
https://www.proairdigihaler.com/
https://www.medscape.com/viewarticle/906940

ความเป็นมาของกรดในกระเพาะของมนุษยชาติ

ถึงเวลาไปชงกาแฟอุ่น ๆ และขนมปังนุ่ม ๆ หอม ๆ มานั่งบนโซฟาที่แสนสบายมานั่งอ่าน ความเป็นมาของกรดในกระเพาะของมนุษยชาติ
ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่สิบแปด มนุษย์เราเริ่มเข้าใจว่าการย่อยอาหารนั้นน่าจะมาจากปากและฟันบดเคี้ยวอาหารและตามมาด้วยกระเพาะอาหารบีบตัวบดอาหารให้ละเอียด จากการสังเกตเสียงกระเพาะอาหาร ความรู้สึกกระเพาะบีบตัว หากแต่ความเข้าใจอันนั้นต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล จากคุณหมอท่านหนึ่ง
ในช่วงต้นของศตวรรษที่สิบเก้า ปี 1812 ถึงปี 1814 ประเทศสหรัฐอเมริกาอันเป็นประเทศเกิดใหม่ เพิ่งประกาศอิสรภาพยังไม่ถึงสามสิบปี ขณะนั้นมีรัฐในปกครองสิบสามรัฐ ยังไม่แน่นแฟ้นเหมือนปัจจุบัน อีกทั้งยังปรากฏสงครามอยู่เนือง ๆ จากเจ้าอาณานิคมเดิม อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ที่ยังมีอิทธิพลอยู่รอบ ๆ รวมทั้งในเขตแคนาดา
ความเจริญกระจุกตัวอยู่ในแถบอีสต์เทิร์นซีบอร์ด ติดมหาสมุทรแอตแลนติก เช่นเดียวกันก็เป็นน่านน้ำที่เจ้าอาณานิคมเดิมในยุโรปยังมาปั่นป่วนบ่อย ๆ
the war of 1812 (ไม่ใช่ 1412 นะครับ) เป็นยุทธภูมิที่ประกาศความยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือสหรัฐ ต่อเนื่องไปจนถึง battle of Pattsburgh ในปี 1814 ที่พรมแดนทางเหนือติดกับแคนาดา สมรภูมิ ณ ทะเลสาบแชมเปน ชัยชนะในเดือนกันยายน 1814 ทำให้พรมแดนอเมริกา แคนาดาชัดเจนขึ้น
ในสงครามระหว่างปี 1812-1814 นั้นมีศัลยแพทย์กองทัพสหรัฐคนหนึ่งชื่อว่า วิลเลียม โบมอนต์ คุณหมอเป็นพหูสูตรอบรู้หลายเรื่อง แต่ชอบวิชาแพทย์ จับพลัดจับผลูได้มาเป็นหมอในกองทัพ และได้ตั้วรกรากที่เมืองพิตสบูร์กนี้ต่อไปหลังสงครามสงบ
หลังจากสงครามสงบ ธุรกิจก็เริ่มเดิน ธุรกิจทอผ้าฝ้ายกำลังไปได้ดีแม้แต่ที่พิตสบูรก์นี้ ปี 1825 มีคนงานชาวแคนาดาคนหนึ่งชื่อ Alexis St. Martin ถูกยิงด้วยปืนลูกปรายเข้าที่ช่องท้อง คุณมาร์ตินได้รับการส่งตัวมาถึงคุณหมอโบมอนต์
คุณหมอโบมอนต์ได้ผ่าตัดรักษาคุณมาร์ตินเป็นอย่างดี แต่ว่าเหลือแผลถูกยิงอีกหนึ่งแผลที่ไม่หาย เกิดเป็นรูถาวรมีทางเชื่อมต่อระหว่างผิวหนังและกระเพาะอาหาร คุณหมอโบมอนต์สบโอกาสที่จะได้ศึกษาสรีรวิทยาของกระเพาะอาหารจึงชักชวนคุณมาร์ตินมาทำงานด้วยกันเป็นผู้ช่วยแพทย์และจะได้ศึกษากระเพาะอาหารไปพร้อม ๆ กัน คุณมาร์ตินก็ยินดี ดูเป็นคู่ดูโอ้ที่ดี
การศึกษาของคุณหมอโบมอนต์ ได้ศึกษาน้ำย่อยกระเพาะอาหารผ่านรูเปิด ดูดน้ำย่อยมาตรวจและทราบว่าเป็นกรด หย่อนชิ้นเนื้อผูกเชือกลงไปแล้วดึงกลับออกมา เฮ้ย...เนื้อเปื่อย แสดงว่าย่อยเนื้อได้สินะ
ในปี 1833 คุณหมอโบมอนต์ได้ตีพิมพ์งานศึกษาเรื่องกระเพาะอาหารนี้ ซึ่งพลิกความเชื่อทั้งโลกว่าการย่อยผลักเกิดจากการบีบตัวของกระเพาะ แต่จริง ๆ เกิดจากกลไกทางเคมีต่างหาก และในกระเพาะอาหารมีกรดอยู่จริง ชื่อ Experiments and Observations on the Gastric Juice, and the Physiology of Digestion
คุณหมอโบมอนต์ได้ศึกษาจนกระทั่งได้รับยกย่องเป็น บิดาแห่งสรีรวิทยากระเพาะอาหารเลยทีเดียว
แล้วคุณมาร์ตินล่ะ ... คุณมาร์ตินได้ลาออกจากงานมาเป็น "ผู้ช่วย" ของคุณหมอโบมอนต์ แต่ว่าคุณมาร์ตินได้บันทึกไว้ว่าจริง ๆ เขาต้องถูกกดขี่ข่มเหง ทำงานสารพัด ไม่ได้ค่าจ้าง ต้องถูกทดลองมากมายซึ่งหลายครั้งก็ไม่เป็นใจ รวมทั้งตีแผ่ความใจร้ายของคุณหมอโบมอนต์ในหนังสือเรื่อง Open Wound : the Tragic Obsession of Dr. Beaumont เป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์การศึกษากรดในกระเพาะในอีกรูปแบบหนึ่ง เล่าเรื่องราวของการหลบหนี และถูกตามกลับมาทดลองซ้ำอีก (หนังสือสองเล่มที่เขียน มีวางจำหน่ายในอเมซอนด้วย !)
การค้นพบของคุณหมอโบมอนต์เป็นรากฐานสำคัญของการรักษาโรคกระเพาะอาหารด้วยยาลดกรด ก่อให้เกิดยาลดกรด cimetidine ในปี 1977 ปัจจุบันเลิกจำหน่ายไปแล้ว และไปสู่การค้นพบยาลดกรดกลุ่ม Proton Pump Inhibitor ตัวแรกที่พบและวางจำหน่ายคือ omeprazole ในปี 1988 และล่าสุดกับกลุ่ม Potassium-Competitive Acid Blocker ที่เพิ่งวางจำหน่ายไม่นานมานี้
สงครามและกระสุนปืน..สู่กรดในกระเพาะ..สู่ยารักษากรดที่ทรงพลังมาก
แอดมินก็เนอะ..โยงเรื่องราวมาได้

24 ธันวาคม 2561

health tips ดื่มน้ำ

อีกเจ็ดวันจะถึงปีใหม่ เรามาเตรียมตัวรับปีใหม่กัน
น้ำ เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ประโยชน์ของน้ำนอกจากรักษาสมดุลในร่างกาย ทำให้การทำงานคงที่ ควบคุมอุณหภูมิ ที่เราประสบปัญหามากคือดื่มน้ำน้อยเกินไปทำให้ถ่ายอุจจาระลำบาก
เริ่มต้นปีใหม่ แนะนำให้ดื่มน้ำปริมาณครั้งละไม่มากแต่ว่าบ่อย ๆ ไม่มีปริมาณที่แน่ชัด ขึ้นกับกิจกรรมที่ทำ อุณหภูมิรอบตัว โดยทั่วไปก็หนึ่งถึงหนึ่งลิตรครึ่งครับ น้ำที่ดีที่สุดคือน้ำดื่มสะอาดนี่แหละครับ ไม่ต้องเป็นน้ำสารพัดแร่ น้ำกรดน้ำด่างแต่อย่างใด น้ำสะอาดราคาไม่แพง ไม่มีโทษใด ๆ สุขภาพโดยรวมจะดี สดชื่นสดใส ผิวพรรณจะดีขึ้นด้วยนะครับ ปัญหาท้องผูกจะเบาบางลง ชีวิตมีความสุขมาก
และถ้าใช้ภาชนะบรรจุแบบสวย ๆ ไม่ต้องใช้ครั้งเดียวทิ้ง เก็บไว้ใช้หลายครั้ง พกในกระเป๋า ใช้บรรจุเครื่องดื่มอื่นบางครั้งได้ลดราคาด้วย หากเป็นขวดพลาสติกก็ใช้เติมได้อีกหลายครั้ง
จะช่วยลดการใช้พลาสติก หรือขยะได้มากมาย
"สุขภาพตัวสดใส ใส่ใจสุขภาพโลก" คำขวัญนางงามเลย

ทบทวน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

เมื่อไม่นานมานี้วารสาร JAMA ได้ลงตีพิมพ์ทบทวนเรื่องการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ สรุปได้ดีมากเลยครับ ผมแอบมาเล่าให้ฟังแล้วกัน
ข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นหนึ่งในโรคที่มีภูมิคุ้มกันตัวเองหันมาทำลายผิวข้อของตัวเอง จริง ๆ แล้วมีความผิดปกติถึงระดับยีนและสารพันธุกรรมที่ปัจจุบันค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างยีนที่ผิดปกติกับโอกาสเกิดโรคที่เพิ่มขึ้น เช่น HLA-DRB1 และเราก็ค้นพบต่อไปอีกว่าเมื่อมียีนที่ผิดปกติ ก็จะมีการสร้างสารเคมีบางอย่างที่ผิดออกไป สามารถตรวจพบได้ ช่วยในการวินิจฉัยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นี้ได้อย่างดี ทั้งไวและแม่นยำ หรือแม้แต่ยังไม่มีอาการก็อาจตรวจพบได้ สามารถบอกการพยากรณ์ว่าในอนาคตโอกาสจะเป็นโรครูมาตอยด์เพิ่มขึ้น
สังเกตสองคำนี้นะครับ ช่วยในการวินิจฉัย และ พยากรณ์โรค นั่นคือไม่สามารถใช้ผลเลือดอย่างเดียวมาวินิจฉัยโรครูมาตอยด์อย่างเดียวได้เลย
โรครูมาตอยด์มีการทำลายหลักที่ข้อต่อ โดยเฉพาะข้อเล็ก ๆ ที่ข้อมือและนิ้วมือ ถ้าโรคในระยะแรกหรือไม่รุนแรง จำนวนข้อที่เป็นจะไม่มาก หากปล่อยต่อไปจำนวนข้อที่เป็นจะเพิ่มขึ้นมักจะมาในลักษณะที่สมมาตรกันซ้ายขวา เริ่มลุกลามไปข้ออื่น ๆ และหากเป็นมากขึ้นต่อไปข้อจะเริ่มผิดรูปถาวรเกิดลักษณะความพิการ รวมทั้งมีอาการอื่น ๆ นอกข้อด้วยเช่นเยื่อบุตาอักเสบ เม็ดเลือดขาวต่ำ การรักษาปัจจุบันทำเพื่อให้โรคสงบ หยุดยั้งไม่ให้ไปสู่ความพิการและความเสียหายนอกข้อนี่เอง
ส่วนในระยะแรก ๆ ที่อาการไม่ชัดนี้อาจต้องใช้ผลเลือดช่วย ส่วนหากเป็นมาก (6 เดือน) แล้วอาจจะมีความจำเป็นน้อยลงเพราะจำนวนข้อที่เป็นรวมกับระยะเวลาที่เป็นทั้งสองอย่างนี้มีความน่าจะเป็นมากพอในการวินิจฉัยแล้ว การใช้ผลเลือดคือ Rheumatoid factor และ Anti Cyclic Citrullinated Peptids ช่วยในการวินิจฉัยเพิ่มได้ ส่วนการใช้ฟิล์มเอ็กซเรย์จะช่วยได้ในกรณีโรคลุกลามไปพอสมควรและมีการทำลายผิวข้อแล้ว
อาการอย่างอืกอย่างที่มักจะพบร่วมด้วยบ่อย ๆ คืออาการข้อติดตอนเช้า เหยียดมือเหยียดนิ้วลำบากอย่างน้อยประมาณ 30 นาที จะเห็นว่ายิ่งเวลาผ่านไปนานเข้า อาการจะยิ่งชัดมากขึ้นมากขึ้น วินิจฉัยง่ายขึ้นแต่ก็จะมีประโยชน์ในการรักษาน้อยลงเพราะเราต้องการรักษาตั้งแต่ระยะต้นเพื่อลดโอกาสพิการ แนวโน้มในปัจจุบันคือหากอาการพอเข้าได้ ผลเลือดช่วย แนวโน้มจะเป็นสูงมักจะให้การรักษาและติดตามมากกว่าจะปล่อยเอาไว้ครับ ในบทสรุปเขียนไว้ว่าไม่มีเกณฑ์การวินิจฉัยที่ดีพอ สำหรับการจัดกลุ่มตาม American Colleges of Rheumatology และ European league Against Rheumatism ที่ออกมาแนะนำร่วมกันตั้งแต่ปี 2012 สามารถใช้ระดับคะแนนที่มากกว่า 6 เพื่อเริ่มรักษาโรครูมาตอยด์ได้
การรักษาโรครูมาตอยด์จะเน้นเรื่องการใช้ยาเพราะต้องไปจัดการพยาธิกำเนิดโรคคือภูมิคุ้มกันตัวเองที่มาทำลายข้อ ร่วมกับการใช้ยาลดปวดต้านการอักเสบและการทำกายภาพบำบัดของข้อ การใช้ยามักจะต้องใช้ระยะยาวไม่ได้หวังผลเพียงลดปวดแต่ต้องการให้โรคสงบในระดับการอักเสบและภูมิคุ้มกันเลยทีเดียว อย่าลืมเป้าหมายหลักคือลดความพิการ หากรักษาล่าช้าไปก็อาจไม่ลดความพิการ ในอนาคตอาจจะมีการตรวจทางพันธุกรรมมากขึ้น
ยาที่ใช้แบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มที่เป็นสารเคมีไปปรับสารการอักเสบหรือไปควบคุมระดับเซลล์ อีกกลุ่มคือสารชีวภาพที่เป็นสารชีวภาพของเราเองมาปรับแต่งเพื่อดัดแปลงทำงานและโครงสร้างระดับเซลล์และโมเลกุลในเซลล์
ยากลุ่มแรกคือสารเคมีนั้นยังใช้ได้ดี ประสิทธิภาพสูงและราคาไม่แพง แน่นอนว่าผลข้างเคียงคงพบได้บ้าง ต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังตลอดเวลาที่ใช้ยา เริ่มใช้ในขนาดสูงก่อนเมื่อโรคสงบแล้วจึงปรับลดลงในขนาดต่ำที่สุดที่จะควบคุมโรคได้ ยาที่เป็นตัวเลือกตัวแรกคือยา methotrexate ส่วนยาตัวอื่น ๆ คือ sulfasalasine, leflunomide, hydroxychloroquine และยาที่ไปปรับการทำงานโมเลกุล (Jak 2 Kinase Inhibitor) คือ tofaclitinib
ยากลุ่มที่สองคือ ยากลุ่มสารชีวภาพ ยากลุ่มนี้จะเป็นตัวร่วมกับยากลุ่มแรกในกรณีที่การรักษาไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่ตามเป้า เป็นยากลุ่มใหม่ ราคาแพง ผลข้างเคียงระยะยาวยังไม่ทราบ มีกลุ่มที่ใช้คงมีบางส่วนเท่านั้น เช่นยา anti tumor necrotic factor, interleukin 6, anti CD20 ชื่อยาเช่น eternacept, adalimumab, toclilizumab
เมื่อเริ่มการรักษาเราจะตั้งเป้าให้โรคสงบหรือให้มีความรุนแรงต่ำที่สุดโดยเร็วในสามถึงหกเดือน โดยควบคุมการใช้ยาและผลข้างเคียงจากยามีการติดตามอาการโดยภาพรวมทั้งอาการข้อบวมข้อเจ็บจำนวนข้อที่ดีขึ้นหรือแย่ลง ระดับค่าบ่งชี้การอักเสบในเลือดไม่ว่าจะเป็น ESR หรือ C-RP และระดับความเจ็บปวด คำนวณออกมาเป็นคะแนนบ่งชี้ระดับของโรคเพื่อปรับยา ทั้งปรับขึ้นและปรับลง
ระบบคะแนนที่คำนวณที่คุณหมอใช้คือ DAS28 หรือ CDAI ทำให้มีเป้าหมายเป็นรูปธรรมและชัดเจน ไม่ให้เกิดความเสียหายจากการควบคุมโรคไม่ได้ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองครับ
โดยทั่วไปจะใช้ยาสารเคมีก่อนและตัวแรกที่ใช้คือ methotrexate ถ้าหากอาการไม่ดีก็จะเพิ่มยาสารเคมีตัวที่สองหรือสาม และหากไม่ดีก็จะเพิ่มสารชีวภาพ ในกรรีดีขึ้นจะลดสารชีวภาพก่อน จนเหลือตัวสุดท้ายคือ methotrexate อาจจะมีการใช้ยาสเตียรอยด์ในช่วงสั้น ๆ ได้
ยาทั้งหมดจะให้คู่กับยาระงับปวดต้านการอักเสบ ใช้เป็นยาลดการอักเสบกลุ่มไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือยากลุ่มโอปิออย ที่มาจากอนุพันธุ์ของฝิ่น มอร์ฟีน เพื่อบรรเทาอาการปวด ใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกด้วย
และที่สำคัญคือประมาณราคายาด้วยนะครับ เนื่องจากยิ่งใช้ยามากขึ้นหรือใช้ยากลุ่ม biologic ราคายาจะสูงมาก ๆ อันนี้ผมเห็นด้วยเลยเพราะยากลุ่มสารเคมี ราคาถูกมาก ประสิทธิภาพดี เราใช้กันมานานจนรู้จักข้างเคียงเป็นอย่างดี
สำหรับวารสารฉบับเต็มสามารถอ่านได้ที่นี่ (ไม่ฟรีนะครับ)
Aletaha D, Smolen JS. Diagnosis and Management of Rheumatoid Arthritis: A Review. JAMA. 2018;320(13):1360–1372. doi:10.1001/jama.2018.13103

23 ธันวาคม 2561

health tips การนอน

อีกแปดวันจะถึงวันปีใหม่ เรามาเตรียมตัวรับปีใหม่กัน
เพื่อสุขภาพการนอนที่ดี คุณทราบไหมว่าถ้าเราหลับได้ดี เราจะสามารถเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างได้ดีในตอนเช้า ใครที่เคยปฏิบัติตัวให้หลับไม่ดี ปีใหม่นี้เป็นโอกาสอันดีที่จะปรับเปลี่ยนนะครับ
แต่ว่าทิปส์นี้อาจจะใช้ได้กับคนส่วนใหญ่เทานั้น บางคนก็ใช้ไม่ได้เพราะแต่ละคนมีพฤติกรรมการนอนที่แตกต่างกัน
อย่ากินอาหารมื้อหนักก่อนนอน อาจจะย่อยไม่ทันทำให้ท้องอืดอึดอัด ถ้าหิวมากอาจดื่มนมอุ่น ๆ หรือกินกล้วยสักผล พยายามเอาทีวีและคอมพิวเตอร์ออกจากห้องนอน เคยมีงานวิจัยว่าการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือดูทีวีจนง่วงและหลับ จะทำให้ตื่นบ่อยและสุขภาพการนอนไม่ดี
การลงทุนกับเครื่องนอนที่เราสบายถือเป็นการลงทุนที่ดีมาก เพราะทำให้ชีวิตเรามีความสุขและพร้อมในการทำงานวันรุ่งขึ้น และอย่าไปยึดติดกับอุปกรณ์พกพาที่วัดระดับการนอนมากนัก ในการตรวจวัดการนอนหลับเราไม่ได้ใช้ค่าต่าง ๆเหล่านั้น
หลีกเลี่ยงชา กาแฟ โกโก้ ก่อนนอน และพยายามอย่านอนกลางวัน การนอนกลางวันเป็นสาเหตุที่พบบ่อยมากของอาการนอนไม่หลับ หากมีปัญหาตื่นดึก ๆ หรือปัญหาการนอนจริง ๆ เช่น งีบขณะพูดคุย ขับรถ กินอาหาร ให้ไปปรึกษาแพทย์ครับ
ปีใหม่นี้เรามา "นอนด้วยกัน" อย่างมีความสุขนะครับ

โปลิโอ และ FDR

โรคโปลิโอ ครั้งหนึ่งเคยเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของประเทศและของโลก แต่ปัจจุบันโรคโปลิโอได้ลดลงอย่างมากจนใกล้เข้าสู่คำว่ากำจัดได้เต็มที เรามาอ่านเรื่องราวของชายผู้หนึ่งที่เกิดมาเพื่อปราบโรคโปลิโอ

ชายคนนี้เป็นชาวสหรัฐอเมริกา เกิดและโตในครอบครัวคนชั้นกลางในสมัยปลายศตวรรษที่สิบเก้า ยุคสมัยหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ประเทศอเมริกาเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่เต็มตัว มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ครอบครัวของชายคนนี้ก็เริ่มมีเงินในยุคสมัยนี้ แต่ว่าเขาเลือกประกอบอาชีพทนายความ

ในยุคสมัยต้นศตวรรษที่ยี่สิบราวปี 1915-1925 ทั่วโลกเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนักหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (the great depression) ชายคนนี้และครอบครัวสามารถประคองตัวรอดพ้นมาได้ (จริง ๆ อเมริกาไม่ได้รับผลกระทบหนักมากเหมือนอย่างยุโรป) นอกเหนือจากโรคไข้หวัดใหญ่ที่โลกได้รู้จักเมื่อสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งแล้ว โลกยังได้รู้จักโรคที่น่าสะพรึงกลัวที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน จนเสียชีวิตจากระบบหายใจล้มเหลว หากรอดมาได้ส่วนมากจะมีความพิการหลงเหลือ ที่พบมากคือขาลีบพิการ
การระบาดของโรคนี้ทำให้เราได้ค้นพบเครื่องช่วยหายใจยุคแรกที่เรียกว่า "Iron lung" เป็นเครื่องปรับความกดอากาศจากภายนอกร่างกายเหมือนแท้งก์น้ำขนาดใหญ่ ยื่นศีรษะออกมา หลังจากมีการคิดค้นเครื่องนี้สามารถช่วยชีวิตคนไข้ได้เป็นจำนวนมาก ในประเทศไทยนั้น โรคโปลิโอก็แพร่ระบาดมาเช่นกัน และเราเองก็มีเครื่องช่วยหายใจปอดเหล็กนี้ใช้เป็นชาติแรก ๆ ในโลกด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ของในหลวงรัชกาลที่เก้า

นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ได้ค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้เกิดโรคนี้คือ ไวรัสโปลิโอ ติดต่อทางการกิน อาหารปนเปื้อน สุขอนามัยการขับถ่ายที่ไม่สะอาด และการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย มักเกิดอาการในเด็กทำให้มีความพิการแต่เด็ก แต่ทว่าเรายังไม่สามารถจัดการใด ๆ กับโรคได้เลย การระบาดก็เป็นมากขึ้น

จนมาถึงเรื่องของเรา ชายคนนี้ด้วยความที่เขาเป็นนักกฎหมายและรอดพ้นภาวะเงินเฟ้อรุนแรงกับเศรษฐกิจตกต่ำมาได้ เขาก็เริ่มมาเล่นการเมือง เรียกว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในมลรัฐนิวยอร์คเลย จนเมื่อเขาอายุ 39 ปี ช่วงฤดูร้อนปี 1921 เขาพาครอบครัวไปพักผ่อนที่แคมโปเบลโล ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา มีบ้านพัก ทะเลสาบ เล่นเรือใบ ว่ายน้ำ ด้วยความที่ชายคนนี้เป็นนักกีฬา เขาก็ลงว่ายน้ในทะเลสาบในเดือนสิงหาคม
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาก็เริ่มล้มป่วย ไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ชาและเสียวแปลบไปทั้งตัว เริ่มมีอาการอ่อนแรงตามแขนขา บังเอิญว่ามีแพทย์ที่เกษียณจากกองทัพมาพักผ่อนที่ทะเลสาบพอดี เขาให้คำแนะนำว่าอาจจะมีอุบัติเหตุและมีเลือดออกในไขสันหลัง ตอนนี้เลือดนั้นกลายเป็นลิ่ม ให้บีบนวดและรอสักพัก เดี๋ยวก็จะดีขึ้น

แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทางครอบครัวจึงได้ปรึกษาแพทย์ประจำครอบครัวทางโทรศัพท์ คุณหมอได้ฟังอาการและคิดว่ามันคล้าย ๆ กับโรคอ่อนแรงในทารก (infantile paralysis) แต่ก็แปลกดีที่มาเกิดกับคนอายุ 39 ปีที่แข็งแรงดี คุณหมอประจำครอบครัวไม่เชื่อว่าเกิดจากลิ่มเลือดในไขสันหลัง จึงโทรศัพท์สายตรงไปปรึกษาทีมของคุณหมอ Samual A. Levine หัวหน้างานวิจัยโรคอ่อนแรงในเด็ก (ที่ภายหลังพบว่าเป็นการติดเชื้อโปลิโอ) จากมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด

ในปลายเดือนสิงหาคมนั้นเองทีมแพทย์จากฮาเวิร์ดมาเอง และมาตรวจร่างกายเอง เขามีความเห็นแย้งความเห็นเรื่องลิ่มเลือดในไขสันหลังอย่างชัดเจนและฟันธงด้วยว่า "นี่แหละโปลิโอในผู้ใหญ่" และพาชายคนนั้นไปรักษาที่นิวยอร์ก ซึ่งชายคนนั้นก็ดีขึ้น ไม่ต้องใส่ปอดเหล็ก อาการปวดกล้ามเนื้อดีขึ้น ไข้ลดลง อาการเสียว ๆ ชา ๆหายไป กินอาหารได้ปรกติ แต่...แต่...ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงและลีบลง
อันเป็นลักษณะของรอยโรคที่ระบบประสาทที่เรียกว่า "lower motor neuron" นั่นคือรอยโรคตั้งแต่เซลล์ประสาทที่ไขสันหลัง ออกมาที่เส้นประสาท มาที่รอยต่อเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ หรือที่ตัวกล้ามเนื้อเอง ที่จะมีอาการอ่อนแรง ไม่เกร็ง เคาะความไวประสาทไม่ขึ้นเลย และกล้ามเนื้อลีบลงอย่างมาก คณะแพทย์ลงความเห็นว่า.. โปลิโอ.. และเมื่อผ่านมาปีกว่า โอกาสที่ขาสองข้างจะเป็นปรกตินั้นน้อยมาก

เท่ากับตัดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของชายผู้นี้ โดยเฉพาะอนาคตทางการเมืองที่รัศมีเฉิดฉายยิ่ง

แต่...สิ่งนี้ไม่สามารถขวางการเดินทางของดวงดาวได้ ชายผู้นี้มีความวิริยะอุตสาหะอย่างมาก เขาเพียรทำกายภาพบำบัดอย่างหนัก แม้ว่าแพทย์จะบอกว่ามันไร้ผล จนกระทั่ง

มีคำบอกเล่าว่ามีเด็กคนหนึ่งมาทำกายภาพบำบัดที่บ่อน้ำร้อนที่ Meriwether County มลรัฐจอร์เจีย แล้วอาการดีขึ้น ชายคนนี้ไม่ลังเลที่จะไปฝึกที่นั่น ด้วยความที่เขาพอมีสตางค์บ้าง เขาจึงเข้าไปปรับปรุงโรงแรมที่บ่อน้ำร้อนแห่งนั้น ทำเป็นสถานที่กายภาพบำบัด ตลอด 208 สัปดาห์แห่งการบำบัด เขาเริ่มกลับมาเดินโดยใช้ไม้เท้าและเหล็กค้ำได้ ไม่เพียงเท่านั้น กลับมาลงรับสมัครผู้ว้าการรัฐและได้รับเลือกตั้งอีกด้วยในปี 1929 คราวนี้เขาผลักดันเรื่องการรักษาแบบกายภาพบำบัดโดยเฉพาะกับผู้ป่วยโปลิโอ ปรับกฎหมายให้มีทางสำหรับรถเข็น จนโด่งดังกับชายผู้กลับมาจากความพิการ เขารณรงค์เรื่องสิทธินี้มาตลอด จนกระทั่ง

ปี 1932 ชายผู้นี้โค่นประธานาธิบดีฮูเวอร์ลงได้ด้วยคะแนนเสียงแบบถล่มทลาย ผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่สามสิบสอง ผู้สร้างตำนานเป็นประธานาธิบดียาวนานถึง 4 สมัย (หลังจากนั้นได้ปรับกฎหมายให้ดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2สมัย) ชื่อเขาคือ แฟรงคลิน เดลาโน รูสเวลท์ เราเรียกสั้น ๆ ว่า FDR
เขาพาอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองอย่างห้าวหาญ ใต้ขาเหล็ก ไม้เท้าและรถเข็น เขาได้รณรงค์เรื่องการศึกษาการกายภาพบำบัดในน้ำ สร้างศูนย์การศึกษาโรคโปลิโอ จนสามารถพัฒนาออกมาเป็นวัคซีนแบบฉีดในปี 1955 และ วัคซีนแบบหยอดในปี 1961 สามสิบปีให้หลังแทบจะไม่มีโปลิโอในอเมริกาอีก จนวัคซีนปัจจุบันมีแค่สองสายพันธุ์ เพราะสายพันธุ์ที่สองถูกกำจัดไปอย่างถาวร (เหลือแต่สายพันธุ์หนึ่งและสาม)

แม้ว่าจะยังมีการระบาดอยู่บ้างแต่ก็ไม่รุนแรงและส่วนมากเกิดจากไม่ได้วัคซีน เช่นในกลุ่มผู้ลี้ภัยสงคราม มีการระบาด 293 รายในปี 2012 ตามการรายงานขององค์การอนามัยโลกที่ประเทศปากีสถาน อัฟกานิสถานและไนจีเรีย

ปี 1945 ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองท่านประธานาธิบดีได้ถึงแก่อสัญกรรมขณะทำกายภาพบำบัดในบ่อน้ำร้อน ด้วยโรคเลือดออกในสมอง บ่อน้ำที่ท่านทำกายภาพบำบัดจนกลับมาได้อีกครั้ง เป็นโรคที่ท่านได้รับจากน้ำ หายก็จากน้ำ รณรงค์จนมีชื่อเสียงก็จากน้ำ เสียชีวิตจากไปก็ในน้ำ เป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่ถึงแก่อสัญกรรมขณะดำรงตำแหน่ง (ที่ไม่ได้ถูกลอบสังหาร) ท่านรอง ฯ แฮรี่ เอส ทรูแมน ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

บทส่งท้าย....

ความจริงยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่บอกว่าแฟรงคลิน ดี รูสเวลต์ ป่วยเป็นโรคโปลิโอ ผู้สันทัดกรณีหลายคนมองย้อนหลังพบว่ามีความเหมือนโรคเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ กิลแลง บาร์เร่ ซินโดรมมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ที่เขาบอกว่าเป็นโปลิโอจนนำมาสู่การพัฒนาวัคซีนจนชนะโรคโปลิโอได้นั้นก็เพราะว่า...
...
...กลางดึกคืนหนึ่งในเดือนสิงหาคม 1921 ชายผู้นั้นผู้เกิดมาปราบโปลิโอ เดินเงียบเข้าไปในห้องเวชระเบียน ในเวชระเบียนอันว่างเปล่าของชายผู้จะเป็นประธานาธิบดีในวันหน้า ชายคนนั้นตวัดปากกาลงในช่องโรคหลักว่า "paralytic poliomyelitis"

การตวัดปากกาครั้งนั้นมันเปลี่ยนประวัติศาสตร์โรคโปลิโอ และประวัติศาสตร์โลกเลย
...
...แล้วชายคนนั้นก็เดินออกมา ท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่อง ให้เห็นใบหน้าคมสัน รอยยิ้มมหาเสน่ห์ ใต้เสื้อคลุมยาวนั้น ปรากฎเห็นเสื้อยืดสีขาวลายสกรีนสีน้ำเงินเข้มที่อกเสื้อว่า
"อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว"
..
จบบริบูรณ์

22 ธันวาคม 2561

มันสำปะหลังไม่มีกลูเตน

เรื่องน่ารู้ก่อนนอน
วันนี้ไปเที่ยวงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยี Northeast Tech 18 ไปดูเทคโนโลยีการผลิตต่าง ๆ ตื่นตาตื่นใจมาก การใช้เลเซอร์ การใช้หุ่นยนต์ การใข้พลังงานแสงอาทิตย์ การสร้างบ้านน๊อคดาวน์ การใช้โดรนในการเกษตร แต่มีอันหนึ่งติดใจในฐานะลุงหมอ
มีเทคโนโลยีการนำหัวมันสำปะหลัง พืชที่ไทยเราปลูกได้มากมาย นำมาทำเป็นแป้งและผลิตต่อไปเป็นคุ๊กกี้ และเบเกอรี่ ทำไมต้องใข้แป้งมันสำปะหลัง ไม่ใช้แป้งปรกติในการทำขนม
เพราะมันสำปะหลังไม่มี gluten จึงผลิตวัตถุดิบออกมาเป็น gluten-free ได้ เหมาะกับผู้ที่แพ้ gluten ในโรคกลูเตนกระตุ้นลำไส้อักเสบ แต่โรคนี้มักพบในชาวตะวันตกครับ
รสชาติอร่อยไม่แพ้คุ๊กกี้และเบเกอรี่ทั่วไปเลย

health tips nomophobia

อีกเก้าวันจะถึงปีใหม่ เรามาเตรียมตัวรับปีใหม่กัน
nomophobia โรคกลัวการขาดสมาร์ทโฟน มาจาก no..mobile phone..phobia หมายถึงคนที่ติดการใช้โทรศัพท์ตลอดเวลา ตื่นมาก็กด ขึ้นรถก็กด เข้าส้วมก็กด ว่างจากงานก็กด กินข้าวก็กด แม้แต่จะนอน กลัวจะพลาดเม้นท์สำคัญ จนทำให้สุขภาพหรือหน้าที่การงานเริ่มบกพร่อง
แม้ว่าเทคโนโลยีการสื่อสารและสมาร์ทโฟนจะช่วยให้เราสะดวกหลาย ๆ อย่าง แต่หากเราใช้มากไปเราจะขาดหลายอย่างนะครับ ขาดปฏิสัมพันธ์แบบสบตา ขาดการออกกำลังกาย บางทีเล่นไปกินไปก็อ้วน กดมากนิ้วล็อก ปวดข้อ ปวดกระดูกต้นคอเพราะก้มตลอดเวลา ปวดตาเพราะจ้องตลอด
ปีหน้าเราลองมาตั้งเป้าใหม่ ใช้เฉพาะที่จำเป็น ติดต่อสื่อสาร ส่งรับจดหมาย ตอบลูกค้า ธุรกรรมออนไลน์ หาข้อมูล ฟังเพลง ฟังพ็อดคาสต์ความรู้ หรือกำหนดเวลาเล่นให้ชัดเจน จะแชทจะดูจะส่อง สัก 1-2 ชั่วโมงแล้วหยุด ไม่เล่นก่อนนอน
นำเวลาที่ได้คืนมา มาดื่มด่ำการกิน มาออกกำลังกาย มาคุยจีบสาวจีบหนุ่ม มาอ่านหนังสือ เขาว่าแค่คุณอ่านหนังสือคุณจะหน้าตาดีขึ้นทันที (ซึ่งใช้กับผมไม่ได้ อ่านมาตั้งเยอะ แต่ดูจะเสื่อมลง)
"ของดีมีประโยชน์ แต่จะเป็นโทษถ้าใช้ไม่เป็น"

คำเตือนการใช้ quinolones ทำให้หลอดเลือดผิดปกติ

เมื่อไม่กี่วันมานี้ องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาได้ประกาศเตือนการใช้ยาฆ่าเชื้อ Fluoroquinolones ในบางเงื่อนไข CNN ก็เอาไปเป็น breaking news เรามาทำความเข้าใจกัน จะได้ตระหนักและไม่ตื่นกลัว
ยาฆ่าเชื้อ fluoroquinolones เป็นยาฆ่าเชื้อที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ เพราะยาปฏิชีวนะต้องสังเคราะห์จากสิ่งมีชีวิตไปสังหารสิ่งมีชีวิตด้วยกัน แต่ยานี้มาจากการสังเคราะห์ทางเคมีล้วน ๆ ผลข้างเคียงที่เราเคยนำเสนอคือการมีเส้นเอ็นอักเสบจนถึงขาดได้ โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น (ติดตามอ่านได้จากอาร์คิลิส) และปัจจุบันอัตราการดื้อยาสูงขึ้นมากโดยเฉพาะกับยา ciprofloxacin
ทาง US FDA ได้ออกมาเตือนถึงผลข้างเคียงการเกิดหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด (aortic dissection) หรือหลอดเลือดใหญ่โป่งพองและแตกออก (ruptured aortic aneurysm) สองภาวะนี้ฉุกเฉินมากและอันตรายถึงตาย เพราะหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า ท่อเท่าผลกล้วยหากแตกหรือฉีกขาดจะมีผลต่อเลือดปริมาณมหาศาล
แต่ว่าไม่ได้เกิดกับทุกคน ทาง US FDA เตือนเฉพาะคนที่เสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดแดงนี้เท่านั้น อันได้แก่คนที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็ง (peripheral atherosclrotic vascular disease) เช่นโรคความดันโลหิตสูงที่มีผลต่อหลอดเลือดแดงแล้ว หรือโรคทางพันธุกรรมที่เกิดความอ่อนแอของผนังหลอดเลือด เช่น Marfan Syndrome (ติดตามได้ในเรื่องนางแบบผู้ปกปิดลำคอที่เพจเราเคยแต่งนิยายให้อ่าน) และ Ehlers-Darlos syndrome โรคที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันคอลลาเจนอ่อนแอและยืดขยายได้ ส่วนอีกกลุ่มคือ ผู้สูงวัย
ผู้ป่วยกลุ่มต่าง ๆ ข้างต้นควรหลีกเลี่ยงการใช้ fluoroquinolone ให้ใช้ยาอื่นก่อน ถ้าไม่มีจริง ๆ ค่อยใช้ยานี้และต้องแจ้งความเสี่ยงพร้อมติดตามอย่างระมัดระวังด้วยครับ
ยา fluoroquinolones ได้แก่ ofloxacin, norfloxacin, levofloxacin, ciprofloxacin, moxifloxacin, sitafloxacin, prulifloxacin ไม่แน่ใจว่า delafloxacin เข้ามาจำหน่ายหรือยังนะครับ
ยาทุกชนิดต้องระวังก่อนใช้เสมอ โทษกับประโยชน์จะมาพร้อมกันขึ้นกับอันใดมากกว่าเท่านั้น

บทความที่ได้รับความนิยม