เรื่องเล่าของตัวเอง "ลุงหมอ the biker"
วันอาทิตย์นะครับ ผมอยากมาเล่าเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับการแพทย์เลย ชื่อเรื่อง The Biker
เมื่อหลายสิบปีก่อน สมัยที่ผมจบมาใหม่ ๆ ยอมรับเลยนะว่ามันแปลก ๆ จากชีวิตนักเรียนแพทย์โดยเฉพาะนักเรียนแพทย์ปีหกที่ทำงานทุกวัน มาอยู่ดี ๆ วันนี้เรียนจบแล้วนะ มันว่างแบบคิดอะไรไม่ออกเลยนะครับ ผมสอบไล่ comprehensive test ได้ตั้งแต่จบชั้นปีที่ห้า ตอนนี้จึงว่างมาก เป็นจุดเริ่มความคิดการเที่ยวแบบค่ำไหนนอนนั่น ดูไปเรื่อย ๆ เที่ยวไปวัน ๆ วางแผนเป็นวัน ๆ
และภาพในฝันของคนสามคนก็แว่บขึ้นมา หลิวเต๋อหัวจากผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ และทอมครูซจากท็อปส์กัน และสุดท้ายคือสุดยอดฮีโร่ เออร์เนสโต เช กูวาร่า ภาพชายที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปเรื่อย ๆ ท้าแดดท้าลมตลอดเทือกเขาแอนดีสแห่งละตินอเมริกา แวะกินกาแฟข้างทาง โคตรเท่..ครับ
หลังจากนั้นก็เริ่มศึกษาเรื่องรถจักรยานยนต์ อ่านหนังสือ ไปแอบดู และใจใหญ่เลยนะครับเล่นบิ๊กไบค์เลย ไม่มีภาพนักซิ่งวิ่งเร็วแต่อย่างใด แต่เห็นภาพรถจักรยานยนต์ครุยเซอร์ หรือที่หลายคนเรียกช็อปเปอร์ รถต่ำ ๆ แฮนด์กว้างพอดีไหล่ ไม่ต้องก้ม ใส่เสื้อหนัง ผ้าโพกหัว ขับเรื่อย ๆ กินลมชิว ๆ แมน ๆ แบบนั้นเลย
...
...แต่ ไม่มีตังค์ เด็กจบใหม่จะไปมีตังค์อะไร ทำงานสิครับ อยู่เวรบ้าง รับเวรบ้าง สะสม ๆ จนได้เงินแสนแรกในชีวิต ปีกว่า ๆ เลยนะครับ เก็บได้แล้วไม่มีหรอกครับวางแผนอนาคต ลงทุน เก็บออม จัดเลยบิ๊กไบค์คันแรก มือสอง เล็งมาสักพักแล้ว เทียวเข้าออกร้านจนรู้จักช่าง พอซ่อมอาการง่าย ๆ ได้ ใจมาเงินพอมี ...เอาละเว้ย จัดไป
พอได้รถมาสักพัก ขับจนคุ้นเคย ลองทำการบำรุงรักษาแก้ไขเบื้องต้นได้ เก็บเงินซื้ออุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัย จัดหาวันลา แลกเวร เล็งแผนที่ เตรียมโซโล่ทริป
สมัยนั้นจีพีเอสแพงมาก กูเกิ้บแม็พไม่มี โรงแรมอะไรต่าง ๆ มีแต่เบอร์โทรครับ จดเบอร์ไว้ติดต่อ แล้วผมทำไง กางแผนที่ครับ มาวางแผนว่าจะไปทางไหน ถนนทางหลวงหมายเลขอะไร ปั๊มเปิ้มไปหาเอาข้างหน้า โรงแรมก็ดาบหน้า กระเป๋าใบเล็ก ๆ เสื้อสองตัว กางเกงสองตัว เงินติดกระเป๋าเล็กน้อย สมุดบันทึกและหนังสือสักเล่ม โทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปไม่ได้ มีแต่วิทยุที่ต้องเสียบหูฟังเป็นเสารับสัญญาณ มีแค่นั้น
แต่ที่ผมลงทุนมากหน่อยคือ อุปกรณ์เซฟตี้ หมวกกันน็อก ถุงมือ เสื้อ กางเกง รองเท้า แม้จะไม่ใช่อย่างดีที่สุดแต่ก็คิดว่าช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้หากเกิดอุบัติเหตุ
จัดกระเป๋า มัดติดเบาะซ้อน ..ครับ ไม่มีคนซ้อน...มีแต่กระเป๋าเก่า ๆ กับเครื่องมือติดรถ (อนาถโคตร) แต่งตัว สวมหมวก ใส่ถุงมือ เสียบกุญแจ สตาร์ท..เสืยงเครื่องยนต์ดังบรึม ๆ ๆ ๆ ผมไม่ชอบแต่งท่อ ผมชอบเครื่องเดิมเสียงเดินเบา หนักแน่น และมีพลัง บีบคลัชท์ ตบเกียร์หนึ่ง ไปกันเลย
แหม..ลมที่ปะทะตัว ไหลผ่านแขนมาปะทะหน้าอกผ่านซอกคอ มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริง บางจังหวะเปิดบังลมหน้ารับลม มันสดชื่นมาก คือผมขี่มอไซค์ตามชนบทนะ สองข้างทางคือ ไร่อ้อย นาข้าว ลิบ ๆ นั่นคือภูเขา ไม่มีฝุ่นควันพิษใด ๆ นี่ถ้าได้เพลง take me home, country road ของจอห์น เดนเวอร์ มาเปิดคลอเบา ๆ คือ สวรรค์ดี ๆ นี่เอง
ได้เห็นท้องไร่ท้องนา หมู่บ้านเล็ก ๆ บางหมู่บ้านบางตำบลมีร้านโจ๊ก ร้านกาแฟ แวะสิครับ ได้บรรยากาศท้องถิ่น ราคาไม่แพง บางที่แม่ค้าสวยด้วย อาหารแต่ละมื้อก็สตรีทฟู้ด ก๋วยเตี๋ยว ลาบก้อย ส่วนอาหารเย็นจะหรูหน่อย เพราะเข้าตลาดนัด
นอนโรงแรมเล็ก ๆ ครับราคาถูกมาก แต่ก็ดูความปลอดภัยก่อนนะครับ มีแค่เตียง ห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวแค่นี้ก็พอ หลาย ๆ ครั้งก็นอนห้องพัดลม มีทีวีแต่ไม่มีสัญญาณ ไม่เป็นไรเพราะเราแค่นอนและอ่านหนังสือ เคยเจอผีไหม ... กลัวมากนะครับแต่ไม่เคยเจอ เคารพสถานที่ไหว้เจ้าที่ตลอด ที่สำคัญหลับเป็นตาย ... เคยเข้าม่านรูดด้วยนะครับ ตอนนั้นไปดูบั้งไฟพญานาค ที่พักแน่นมาก เราก็เหนื่อยโคตร เอาวะ..นอนม่านรูดก็ได้ เพิ่งรู้ตอนนั้นว่าห้องในม่านรูดมีกระจกเยอะมาก
เช้า ๆ ส่วนมากจะเข้าตลาด กินไข่ลวก กาแฟ ปาท่องโก๋ เมนูนี้มีทุกตลาดครับในชนบท ห้องคูหาเล็ก ๆ สองสามโต๊ะก็ทำได้แล้ว บางโรงแรมมีข้าวต้ม กาแฟให้ แต่อาหารเช้าที่ผมชอบที่สุดคือ ข้าวเหนียวหมูย่าง กินไปเดินชมตลาดไป
สาย ๆ ก็วางแผนจะไปที่ไหน เสร็จก็ตะบึงต่อไป อยากพักปั๊มไหน ร้านกาแฟข้างทางร้านไหน แวะเลย ตอนไปเขาค้อนี่สุด ๆ เลยครับ แอบอันตรายแต่วิวหลักสิบล้านจริง ๆ แวะตลอดทาง
เสื้อผ้าก็ใส่ซ้ำนั่นแหละครับ ชายโสดเดินเดี่ยว หลายวันก็ส่งซักที่โรงแรมนั่นแหละ ซึ่งเขาก็ไปจ้างร้านอื่นอีกที สมัยนั้นเครื่องหยอดเหรียญไม่มีหรอก ส่วนเวลานอนสบายหน่อย ไม่ต้องมีชุดนอนให้รำคาญกาย หุหุ
เหล้ายาปลาปิ้งล่ะ มีไหม .. ส่วนตัวผมไม่ค่อยนิยมแอลกอฮอล์อยู่แล้ว ดื่มเบียร์ครึ่งกระป๋องก็เมาหัวทิ่ม บางทีก็ครึ้มใจซื้อมาดื่ม สามสี่อึกก็มึน
ไม่มีเรื่องราวทะเลาะ เคยมีเด็กวัยรุ่นแถวบรบือ มหาสารคาม มาเบิ้ลรถแบบในหนังเลย ตอนติดไฟแดง แบบเฮีย ๆ เมิงมาวัดกับตรูไหม มองดูรถมันแล้วนึกในใจ ไอ้น้องเอ๊ย รถเมิงน่ะ เมท 100 ต่อให้แต่งมาก็เหอะ รถพี่ 750 นะน้อง เคยดมฝุ่นไหม แต่ไม่เคยแข่งครับ ยิ้มให้และโบกมือให้ไปก่อน เรามาเที่ยว ไม่ได้มาแข่งกับใคร
เจอปราสาทหิน น้ำตก แวะได้เลยเพราะค่าเข้าชมไม่แพงอยู่แล้ว แอบฝากรถกับพี่รปภ.ด้วยเครื่องดื่มบำรุงกำลังสักขวด มักได้คำแนะนำด้วยว่า ร้านไหนกับข้าวอร่อย .. เคยมีบอกด้วยนะ น้อง ๆ ร้านนั้นน่ะนวดเจ๋งมาก น้องแวะไปสิ ... ฮ่า ๆ ไม่ไปหรอกครับ หมดวันแต่ละวันก็สลบเมื่อหัวถึงหมอน จะไปรบเพลงดาบกับใครได้
บางทีวิวสวยข้างทางก็แวะ มองซ้ายขวานิดนึงว่าปลอดภัย แวะเลย ตอนนั้นไม่มีกล้องดิจิตอลนะครับ ผมมีกล้องธรรมดาใช้ฟิล์มอยู่ตัวนึงเท่านั้นเอง จะถ่ายทีนึง ปราณีตมาก เพราะกลัวเปลืองฟิล์ม โทรศัพท์ถ่ายรูปได้ตอนนั้นแพงสุด ๆ แถมภาพก็ไม่ได้ดีอะไรเลย
เวลาจอดแวะจะดื่มน้ำตลอด ใช้น้ำเปล่านี่แหละ เทคนิคการเดินทางชั้นยอด บางทีมีเติมพลังด้วย
ผมมีถุงเติมพลัง..อ่านเจอจากที่ไหนไม่รู้ เอาผลไม้อบแห้ง ถั่วชนิดต่าง ๆ ช็อกโกแลตเอ็มแอนด์เอ็ม ผสมกันในถุงซิปกันชื้น หยิบใส่ปากเวลาเหนื่อย ๆ ช่วยได้เยอะ น้ำที่พกไปจะพยายามเติมให้เต็มตลอดครับเมื่อมีโอกาส ขวดน้ำสมัยก่อนแข็งแรงกว่านี้ ใช้ได้หลายรอบมาก
อยากบอกว่าเห็นอะไรเยอะมาก ในมุมที่เราไม่เคยเห็น ก่อนจะเข้ามาเรียนต่อผู้เชี่ยวชาญนี่ขับมอไซค์ไปกว่า 50 จังหวัด ขยับเปลี่ยนรถไปบ้างออกทริปกับเพื่อนบ้าง แต่จะไม่ไปกลุ่มใหญ่ จะเป็นคนที่ชอบศิลปวัฒนธรรมด้วยกัน ชอบประวัติศาสตร์ จำได้แม่นเลย เส้นทางอีสานใต้ แวะทุกปราสาทหิน เหนื่อยสุดตอนขับขึ้นพนมรุ้งนี่แหละ รู้จักหมด ปรางค์ประธาน อโรคยาศาล ปราสาทบายน ท่องประวัติศาสตร์ขอมมาพ่นใส่กัน ได้บรรยากาศมาก
หากใครจะลอง ให้ศึกษาเรื่องรถ เรื่องความปลอดภัย การเดินทาง เส้นทาง โรงแรม จุดอำนวยความสะดวก อุปกรณ์สื่อสาร และที่สำคัญเตรียมร่างกายให้ดีมาก ๆ นะครับ เหนื่อยมาก บางทีถึงที่หมายแล้วบิดตัวไม่ได้เลย ล้ามาก
ถึงวันนี้ให้มีเวลาอีก คงทำแบบนั้นไม่ได้เแล้ว สังขารไม่อำนวย แต่ไม่เสียดายเพราะเมื่อวันที่เราทำได้ เราทำไปแล้ว
"ชีวิตของเรา ใช้ซะ"