31 มกราคม 2562

เรื่องน่ารู้ก่อนนอน รู้จัก NVAF

เรื่องน่ารู้ก่อนนอน
N ... ตัวอักษรลำดับที่สิบสี่ของภาษาอังกฤษ เมื่อเขียนเป็นภาษาไทยว่า "เอ็น" คนจะคิดสองแง่สองง่ามทันที
V ... สัญลักษณ์แทนชัยชนะ victory หรือชูนิ้วสองนิ้ว ห้ามชูนิ้วกลางสองนิ้วเด็ดขาด มันอาจก่อสงครามได้
A ... เกรดที่นักศึกษาทุกคนอยากได้ แต่ถ้าเอาตัว V เมื้อกี้มาเขียนต่อกันเป็น AV จะมีแต่นักศึกษาชายอยากได้
F ... เกรดที่นักศึกษาไม่อยากได้ ปฏิเสธมัน เช่นเมื่อเราเห็น FCUK สมองเราจะสลับอักษรโดยอัตโนมัติ ปฏิเสธทันที
NVAF ย่อมาจาก non-valvular atrial fibrillation หมายถึงภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพลิ้ว แต่ละจุดแย่งกันเต้นเต็มไปหมด จนไม่มีจังหวะที่ชัดเจน ส่งผลให้การส่งกระแสประสาทไปห้องล่างให้บีบตัวตามกัน มันไม่สม่ำเสมอไปด้วย
NVAF คือ ภาวะข้างบน ที่ไม่ได้มีลิ้นหัวใจไมตรัล (กั้นห้องบนซ้ายและล่างซ้าย) ตีบแคบในระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือไม่มีลิ้นหัวใจเทียม ร่วมด้วย
NVAF พบบ่อยมาก สามารถแก้ไขจนจังหวะมาเต้นปรกติได้น้อย แต่จะควบคุมอัตราการเต้นได้ดีกว่า ความสำคัญอยู่ที่ใครมีภาวะนี้ หมอจะคุยและประเมินกินยากันเลือดแข็ง Oral Anti Coagulant เพื่อลดโอกาสการเกิดลิ่มเลือดหลุดไปอุดตันที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะที่สมอง
ถ้าหายช้ำอกช้ำใจ จากการเสมอเลสเตอร์จึงเลื่อนการคว้าแชมป์ไปสักนิด จะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แล้วรอไปคว้าแชมป์นัดถล่มแมนยูแล้วกันเนอะ

การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์การเลิกบุหรี่ เทียบกับ สารชดเชยนิโคตินมาตรฐาน

กับวารสารที่เฝ้ารอมานาน การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์การเลิกบุหรี่ เทียบกับ สารชดเชยนิโคตินมาตรฐาน ลงใน New England Journal of Medicine 31 มกราคม 2562
การศึกษาที่เป็นการทดลองแบบนี้มีน้อยมากสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ผมจะเล่าแบบบ้าน ๆ เลยนะ ไม่มีสถิติตัวเลขยาก ๆ ใครสนใจไปอ่านในวารสารเต็มได้ครับ
การวิจัยนี้ทำที่ประเทศอังกฤษ ต้องบอกประเทศนี้เขาสนับสนุนการใช้บุหรี่ไฟฟ้านะครับจึงทำงานวิจัยได้ เพราะเดิมทีไม่มีการวิจัยแบบทดลองที่ดีนัก ผลที่ออกมาในอดีตคือ ถ้าใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบปลอดนิโคติน ใช้เพื่อเลิกบุหรี่ไม่ดีแน่ แต่ว่ายังดีกว่าการใช้แผ่นแปะนิโคติน คราวนี้เรามาลองดูอันใหม่
ผู้วิจัยใช้วิธีโฆษณาหาผู้เข้าร่วมและรับผู้เข้าร่วมที่ต้องการเลิกบุหรี่มาทำวิจัย ตอนแรก ๆ ได้ผู้สนใจมา 2000 กว่าคนแต่ต้องมาคัดก่อนว่าเข้าเกณฑ์ไหม เมื่อเข้าเกณฑ์คือไม่ใช่คนท้อง ติดบุหรี่พอควร ช่วงนี้ไม่ได้ใช้ตัวเลิกตัวอื่น สามารถติดตามการทดลองได้ เมื่อได้มาแล้วก็มาอบรมอีกคัดมาจนได้ 886 คนตามที่คำนวณในการประมาณกลุ่มตัวอย่างเลย เมื่อได้แล้วก็กำหนดวันเลิก แล้วจึงเริ่มให้การทดลองตั้งแต่วันเลิก
กลุ่มควบคุม ใช้สารทดแทนนิโคติน ตามแต่ใจคนเลิกและคนให้ ไม่ว่าจะเป็นหมากฝรั่ง แผ่นแปะ ยาอม ยาพ่น ใช้คู่กันก็ได้ แต่ต้องเข้ารับการเรียนการใช้ให้ถูกและควบคุมการใช้เป็นระยะ ๆ ..แหมตรงนี้จะเกิดความแปรปรวนได้นะ เพราะมันไม่เหมือนกันซะทีเดียว ไม่ทราบขนาด ไม่ทราบชนิดที่แน่นอน
กลุ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มนี้จะต้องใช้อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบเดียวกันหมด เพื่อลดความแปรปรวนตรงนี้ อะตอมไมเซอร์ขนาด 1.8 โอห์ม แบต 650 มิลลิแอมป์ชั่วโมง น้ำยาเป็นรสชาติบุหรี่ เข้มข้น 18 มิลลิกรัมนิโคตินต่อซีซี ขนาด 30 ซีซี และสามารถซื้อเพิ่มเองได้แต่ต้องสเปคแบบนี้ ปัญหาคือตอนเริ่มใช้ One Kit ของบริษัทหนึ่ง กลางทางเกิดต้องเปลี่ยนเป็นอีกบริษัท (อะตอมไมเซอร์ 2.1โอห์มและ แบต 1000 mAH จากอะตอมไมเซอร์ขนาดเดิม) มีคนต้องเปลี่ยน 42 คน สองผลิตภัณฑ์นี้ราคาต่างกันเท่าตัวเลย 26 ดอลล่าร์สหรัฐกับ 40 ดอลล่าร์สหรัฐ
ผู้วิจัยเขาก็ติดตามพฤติกรรมการสูบ การซื้อเพิ่ม จำนวนสารทดแทนนิโคตินหรือบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้ มีอาการลงแดงมากไหม มีอาการข้างเคียงจากการใช้อุปกรณ์เลิกบุหรี่หรือไม่ และสุดท้ายเป้าประสงค์คือ สามารถหยุดสูบบุหรี่ได้ยาวนานเพียงใดเมื่อสิ้นสุดการศึกษาที่ 52 สัปดาห์ (คำว่าหยุดได้คือใช้น้อยกว่าสองมวนในสองสัปดาห์) โดยมีการยืนยันด้วยค่าการตรวจคาร์บอนไดออกไซด์ในลมหายใจออก (exhaled CO) ซึ่งเป็นการตรวจมาตรฐานเพื่อวัดว่าไปสูบบุหรี่มาไหม เขาตัดที่เลข 8 ppm (ใข้ตัวเลขสูงไปหน่อยนะ ทั่วไปแค่ 3-5 ppm เท่านั้น)
ทุกกลุ่มมีการติดตามการใช้โดยโทรสอบถาม และใช้พฤติกรรมบำบัดคุยตาต่อตาด้วย การใช้วิธีนี้ร่วมด้วยเป็นสิ่งที่ต่างจากการศึกษาอื่น ๆ ที่ชัดเจนดีและสำคัญมาก และวัด exhale CO แต่ผมว่าเขาทำห่างไปนิด ส่วนตัวถ้าจะเลิกควรติดตามทุกอาทิตย์ นี่เขาติดตามแต่ละครั้งหลายสัปดาห์และวัด CO ไม่กี่รอบ
เป็นไง มองภาพรวมแล้วเป็นการศึกษาที่ออกแบบดีพอใช้ แม้การควบคุมจะเป็นการควบคุมและสุ่มในแต่ละศูนย์ทดลอง ไม่ได้ควบคุมจาก protocol ส่วนกลาง มีการใช้ตามใจด้วย เพราะเป็นการเลียนแบบการปฏิบัติจริงที่เรียกว่า pragmatic trial แต่ก็พอไหวนะ ดีกว่าที่ผ่านมาและมีโอกาสพัฒนาอีกมาก
เรามาดูผลกัน
ผู้เข้าร่วมการศึกษาส่วนมากอายุ 41 ปี ผู้ชาย 68% เฉลี่ยสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน คะแนนการติดบุหรี่ Fagerstrom ประมาณ 4.6
***ตรงนี้ถือว่าติดปานกลางเท่านั้น สำคัญนะ พวกที่ติดหนัก ๆ อาจใช้วิธีนี้ไม่ได้**
เคยใช้สารทดแทนนิโคตินมาแล้วถึง 75% เรียกว่าเคยเลิกและมีความต้องการเลิกแน่ ๆ เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้ามาแล้ว 41% ไม่รู้ว่าใช้ก่อนติดบุหรี่หรือใช้เพื่อเลิก
..ความสำคัญคือเขาคัดเอาคนที่ไม่ได้ติดบุหรี่หนัก มีความต้องการเลิกสูง และอายุน้อย เพราะมีการศึกษาว่าการเลิกบุหรี่ในคนอายุน้อยประสบความสำเร็จมากกว่า....
เมื่อติดตามผลไปพบว่า อัตราการไม่สูบบุหรี่มวนเมื่อสิ้นสุดการศึกษาหนึ่งปี กลุ่มบุหรี่ไฟฟ้าคือ 18% กลุ่มใช้สารทดแทนนิโคตินคือ 9.9% กลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าประสบความสำเร็จมากกว่าชัดเจนและมีนัยสำคัญทางสถิติด้วย (RR 1.82 ,95% CI 1.30-2.58) เกือบเท่าตัว ใช้บุหรี่ไฟฟ้า 12 คนประสบความสำเร็จในการเลิกบุหรี่มวน 1 คน เป็นอัตราที่สูงมาก ๆ (แค่ 25-50 ต่อหนึ่งก็หรูแล้ว)
เมื่อไปดูการคิดแยกกลุ่มย่อย เรื่องอัตราเลิกครึ่งปี อัตราการกลับมาสูบบุหรี่ใหม่ พบว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยให้เลิกบุหรี่มวนได้มากกว่าสารชดเชยนิโคติน ไปในทางเดียวกันและมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งสิ้น
ผู้ใช้พึงพอใจบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า ตอบสนองและลดอาการลงแดงได้ดีกว่า เมื่อสิ้นสุดการศึกษาพบว่าคนที่เลิกสำเร็จจนครบปีนั้นยังใช้บุหรี่ไฟฟ้าถึง 80% แต่คนใช้สารชดเชยนิโคตินเหลือไม่ถึง 9%
กลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีอาการระคายเคืองช่องปากและไอ มากกว่ากลุ่มใช้สารชดเชยนิโคตินอย่างชัดเจน
*** ตรงนี้ตีความได้ว่า สารชดเชยนิโคตินมันใช้ยากและไม่ดึงดูดการใช้เลย บุหรี่ไฟฟ้าดึงดูดกว่า แต่ที่น่ากังวลคือมันดึงดูดเสียจนอาจจะมาติดบุหรี่ไฟฟ้าแทนบุหรี่จริง และเลิกบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ ***
สำหรับคนที่เลิกไม่ได้ คือล้มเหลวด้วยทั้งสองวิธี ไปวัดคาร์บอนมอนอกไซด์ก็พบว่าในกลุ่มบุหรี่ไฟฟ้ามีค่า CO ที่น้อยกว่า ระยะเวลาที่ล้มเหลวจนกลับไปสูบก็ไม่ต่างกัน หลังจากการศึกษาจบไปก็ติดตามไปพบว่ากลุ่มที่ล้มเหลวจากบุหรี่ไฟฟ้าหันไปใช้สารชดเชยนิโคตินไม่มากนักและเลิกไม่ค่อยได้ ส่วนกลุ่มที่ล้มเหลวจากสารชดเชยนิโคตินชอบที่จะไปใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า และเลิกไม่ค่อยได้พอ ๆ กัน คือคนที่จะเลิกไม่ได้ มันก็เลิกไม่ได้ด้วยสองวิธีนี้ด้วย
ผมจะสรุปนะ
1. บุหรี่ไฟฟ้า ช่วยในการเลิกบุหรี่มวน ได้มากกว่าสารชดเชยนิโคตินที่หนึ่งปี
2. แต่การศึกษานี้ อัตราการเลิกบุหรี่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งคือ การใช้สารชดเชยนิโคตินไม่ได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำให้อัตราต่ำ หรือแม้แต่อัตราการเลิกในกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังต่ำ ทำให้การศึกษาอาจส่งผลหรูหรากว่าความจริงก็ได้
3. ความชอบ ความพึงพอใจ ความง่ายของผู้ใช้เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการใช้อุปกรณ์ช่วยเลิกบุหรี่
4. การศึกษานี้ ยังไม่ถือว่าดีที่สุด เพราะมีการสุ่มที่ไม่สม่ำเสมอและสามารถปรับแต่งการใช้สารชดเชยนิโคตินกับบุหรี่ไฟฟ้าได้ ขึ้นกับศูนย์ที่วิจัย และวัดผลค่อนข้างห่าง ยังไม่เป็นการควบคุมที่เคร่งครัดนัก (เพราะเป็น pragmatic design)
5. ที่สำคัญคือ ตัวเปรียบเทียบมาตรฐานยังไม่ใช่การเลิกบุหรี่มาตรฐาน คือ การเข้าคลินิกเลิกบุหรี่ ใช้พฤติกรรมและจิตบำบัด ร่วมกับสารชดเชยนิโคตินและยาอดบุหรี่ (bupropion SR และ varenicline) ในการศึกษานี้มี bias นิดนึงคือไปเทียบกับ สารชดเชยนิโคตินที่ใช้ยาก การใช้ต่อเนื่องน้อย อันนี้บุหรี่ไฟฟ้าจะได้เปรียบนิดนึง
6. สรุปว่าใช้เลิกบุหรี่ได้หรือยัง ... ยังครับ อย่าลืมว่าการศึกษานี้แม้จะเป็นการทดลองที่หาได้ยากยิ่ง แต่ยังมีจุดให้ท้วงติงอีกมาก โดยเฉพาะอัตราการเลิกบุหรี่ที่น้อยกว่าปรกติและการติดตามใช้สารชดเชยที่น้อยมากด้วย
7. ข้อระวังคือ การเปลี่ยนโหมดการติดจากบุหรี่เผาไหม้เป็นบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้ามีอัตราการใช้ต่อเนื่องสูงมากจนจบการศึกษาวิจัยไปแล้วก็ตาม แม้จะปลอดภัยกว่าบุหรี่เผาไหม้ แต่ก็ยังอันตรายกว่าเลิกเบ็ดเสร็จทุกอย่างครับ
ที่มา..อ้อ การศึกษานี้ทำโดยหน่วยงานวิจัยสุขภาพแห่งขาติของอังกฤษ ไม่มีประโยชน์ทับซ้อนครับ
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa1808779

น้ำในเยื่อหุ้มปอดอันเกิดจากมะเร็ง ATS 2018

น้ำในเยื่อหุ้มปอดอันเกิดจากมะเร็ง (Malignat Pleural Effusion) หมอจะทำอะไรให้เราบ้าง จากคำแนะนำของ American Thoracic Society 2018
ต้องเจาะไหม
การเจาะน้ำไปตรวจทำเพื่อการวินิจฉัยโรคน้ำในเยื่อหุ้มปอดจากมะเร็ง หรือแยกน้ำในเยื่อหุ้มปอดว่ามาจากโรคอื่นหรือไม่ หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อหรือไม่
ปลอดภัยไหม
เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำแนะนำคือให้ใช้เครื่องอัลตร้าซาวนด์ช่วยเป็นดูตำแหน่งและทิศทาง จะช่วยลดผลแทรกซ้อนจากการเจาะได้มาก ซึ่งปัจจุบันเราใช้เกือบทุกรายอยู่แล้ว
แล้วมีการเจาะเพื่อรักษาหรือเปล่า
มีการเจาะเพื่อรักษาแต่จะใช้ในกรณีมีอาการทางน้ำในเยื่อหุ้มปอดเท่านั้น เช่นเหนื่อยมาก หรือน้ำไปกดเบียดหัวใจและหลอดเลือด ในกรณีไม่มีอาการจากน้ำในเยื่อหุ้มปอดนั้น คำแนะนำไม่แนะนำให้เจาะเพื่อรักษาครับ
แล้วถ้ามีอาการดังกล่าวเจาะแล้วหายหรือไม่
การระบายน้ำออกจะช่วยได้มากและยังแยกโรคได้ด้วยว่าอาการที่มีนั้นเกิดจากน้ำหรือเปล่า เพราะถ้าเอาออกแล้วไม่ดีขึ้นก็ควรหาสาเหตุอื่น อีกประการคือเมื่อเราระบายน้ำออกแล้วเราก็จะดูว่าปอดที่ถูกน้ำกดเบียดอยู่นั้นมันขยายออกได้ไหม หากขยายออกได้เราจะพิจารณาเชื่อมปอดเพื่อลดโอกาสจะเกิดน้ำแบบนี้อีก
เชื่อมปอดหรือ ทำได้ด้วยหรือ
ความจริงคือการเชื่อมเยื่อหุ้มปอดโดยทำให้เยื่อหุ้มปอดอักเสบแล้วเกิดพังผืดมาติดกัน ลดโอกาสที่น้ำจะแทรกเข้ามาจนเกิดน้ำในเยื่อหุ้มปอด สามารถทำได้โดยการใส่กล้องเข้าไปทำการผ่าตัด หรือใส่กล้องไปพ่นสาร talcum (poudrage pluerodesis) หรือใส่ talcum เข้าไปทางสายระบายน้ำที่ใส่ตอนเจาะระบายน้ำ (slurry pluerodesis) แล้วแต่ความถนัดของแพทย์ผู้รักษา
แล้วถ้าปอดไม่ขยายจนติดกันจะเชื่อมอย่างไร
ก็เชื่อมไม่ได้ หากปอดไม่ขยายออกจนเนื้อปอดมาชิดผนังทรวงอกก็คงเชื่อมติดไม่ได้ หรือในอีกกรณีคือน้ำในเยื่อหุ้มปอดไหลออกมาตลอดอย่างน้อย 300 ซีซีต่อวัน แบบนี้ใส่สารไปเชื่อมก็คงไหลออกมาหมด และกรณีสุดท้ายคือทำการเชื่อมปอดแล้วเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก สามกรณีนี้คงเชื่อมติดปอดไม่ได้เราจะเลือกใส่สายคาเอาไว้เพื่อระบายน้ำออกแทน (อย่าลืมว่าเรารักษาเฉพาะกรณีมีอาการเท่านั้น การใส่สายคาเอาไว้คือการลดอาการ)
ใส่สาย สายอะไร ใช่สายที่เจาะระบายตอนแรกไหม
ไม่ใช่ครับ เป็นสายที่ออกแบบมาเพื่อใส่คาได้เป็นระยะเวลานาน ๆ วัสดุที่ระคายเคืองและมีปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อของเราน้อย ๆ การใส่ต้องมีการสอดลอดผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเป็นอุโมงค์เพื่อวางสายโดยตรง ทำเพื่อให้คงทนไม่เลื่อนหลุดและลดโอกาสการติดเชื้อ เรียกว่า Indwelling Plueral Catheter (IPCs) และจะมีถุงหรือขวดติดเอาไว้เพื่อรองรับน้ำในเยื่อหุ้มปอดที่ไหลออกมาคล้าย ๆ สายสวนปัสสาวะ
เอาออกได้ไหม
เนื่องจากเป็นการรักษาอาการเป็นหลักไม่ได้รักษาตัวโรค หากใส่แล้วเกิดปัญหาเช่นติดเชื้อหรือเลือดออก คงต้องถอดออก แต่หากถอดออกก็มีโอกาสจะเกิดน้ำในเยื่อหุ้มปอดกลับมาใหม่ได้อีก จึงต้องรักษาตัวโรคมะเร็งหลักไปพร้อม ๆ กันด้วย
จบไหม
จบดีกว่า ใครสนใจไปหาอ่านได้จากแนวทางใน ATS 2019 เรื่อง MPE นะครับ
Management of Malignant Pleural Effusions. An Official ATS/STS/STR Clinical Practice Guideline

30 มกราคม 2562

น้ำท่วมปอด หัวใจวาย

นี่คือ น้ำท่วมปอด (pulmonary edema)
ภาพเอกซเรย์ของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดตีบ มีผลข้างเคียงแทรกซ้อนคือ การบีบตัวแย่ลง การขยายตัวแย่ลง เป็นการแย่ลงแบบทันที ระบบร่างกายยังไม่มีการปรับตัว จึงเกิดภาวะน้ำท่วมปอดจากหัวใจวาย
น้ำท่วมปอดมีสาเหตุได้ทั้งจากหัวใจวายหรือจากสาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากหัวใจ (แต่ส่วนมากก็หัวใจวาย) เมื่อเกิดภาวะสารน้ำคั่งในหลอดเลือดที่ปอดจนแรงดันสูงมากพอที่จะดันสารน้ำจากหลอดเลือดออกไปอยู่ที่ถุงลม หรือเกิดจากผนังหลอดเลือดเกิดผิดปกติเก็บสารน้ำไม่อยู่ สารน้ำก็ออกไปอยู่ในถุงลม
สาเหตุจากหัวใจวายจะเกิดจากแรงดันของหลอดเลือดในปอดสูงมาก ดังนั้นเราจะเห็นเส้นสายของหลอดเลือดในปอดชัดขึ้น จากเดิมที่จะไม่เห็น เป็นเส้นสีขาวเป็นริ้วพุ่งออกจากหลอดเลือดแดงที่ขั้วปอด บางครั้งเห็นฉาบอยู่ที่เยื่อหุ้มปอดอีกด้วย
ปอดที่เคยดำ ๆ ใส ๆ ...ปอดนี่เป็นอวัยวะที่จะไม่ขาวใสเลยนะครับ...จะเห็นเงาของสารน้ำที่ออกมาจากหลอดเลือดมาอยู่ในเนื้อปอด เป็นฝ้าขาว ๆ ในภาพนี้จะเห็นชัดทางปอดด้านซ้าย คือขวามือของท่าน
หัวใจที่บีบตัวก็ไม่ได้ ให้คลายต่อไปก็ไปไม่ถึง ก็ขยายออกเพราะเลือดมาคั่ง เราจึงเห็นหัวใจโตขึ้น ปกติหัวใจจะกว้างประมาณครึ่งนึงของความกว้างทรวงอก แต่นี่บวมมาก เรียกว่า congestion (มีเลือดมาคั่ง) เรียกหัวใจวายนี้ว่า congestive heart failure (มีทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง นี่คือเฉียบพลัน)
เจ้าสารน้ำที่ออกมาในหลอดลมถุงลมนี่แหละ ไปขวางพื้นที่แลกเปลี่ยนแก๊สคนไข้จึงเหนื่อยมาก บางคนหายใจไม่ไหวต้องช่วยหายใจโดยใช้เครื่อง และต้องรีบแก้ไขปั๊มคือหัวใจให้รีบกลับมาบีบตัวโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การใส่อุปกรณ์ช่วยปั๊ม หรือการแก้ไขหลอดเลือดที่ตีบให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานโดยเร็ว
เราจึงเรียก น้ำท่วมปอด นั่นเอง จะต่างจากน้ำท่วมปากสักหน่อยนะครับ
"หัวใจวายน้ำท่วมปอด ให้คาร์ดิโอดูแล
หัวใจช้ำต้องการใครเทคแคร์ มาหาแอดมิน"

29 มกราคม 2562

สี ลาย และการป้องกันแมลง



เออเนอะ ช่างคิดจริง ๆ
เรื่องราวนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับทางการแพทย์ตรง ๆ แต่น่าจะพอมาคิดต่อได้ สนุกดีแก้ง่วง หายเหนื่อย
คือว่ามีนักวิทยาศาสตร์ชาวฮังการีกลุ่มนึง เขาสนใจเรื่องของการเพ้นท์สีวาดลวดลายบนตัวคน แต่ไม่ใช่แบบรอยสัก หรือยันต์ห้าแถวหกแถวนะครับ เป็นการวาดและระบายสีตามตัวอย่างชนเผ่าต่าง ๆ ในแอฟริกา ออสเตรเลีย ว่าการเพ้นท์สีเนี่ย มันมีประโยชน์อีกแง่ไหมนอกจากสวยงาม ดึงดูด หรือพรางตัว
สาเหตุนั้นคือ ป้องกันแมลงมากัด โดยเฉพาะตัวเหลือบดูดเลือด โดยพวกเขาสังเกตว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีลาย โดยเฉพาะม้าลาย โดนกัดน้อยกว่าพวกที่ไม่มีลาย หรือการเพ้นท์สีจะช่วยป้องกันแมลงด้วย
เขาเลยทำการศึกษาใช้หุ่นจำลองเหมือนคนจริง ๆ มีทั้งผิวขาว ผิวเข้ม วาดลายแบบม้าลาย ลายทางขวาง ลายทางดิ่ง ทั้งยืนและนอน แล้วทิ้งไว้ดูว่าเหลือบจะสนใจตัวไหนมากกว่ากัน แถมทากาวดักเหลือบเอาไว้ด้วย เรียกว่ามาเกาะก็ติดหนึบ โดยเขาวัดแสงแบบการมองเห็นของเหลือบด้วย
ผลปรากฏว่า หุ่นที่ทาลายพรางเหลือบเกาะน้อยมาก ในขณะที่หุ่นทาสีเข้มเหลือบเกาะมากที่สุด รองมาด้วยหุ่นทาสีอ่อน แต่ก็ยังห่างไกลกว่าลายพรางแบบม้าลายหลายขุม ยิ่งเป็นการทาสีในแนวขวางลำตัว ยิ่งหลบเหลือบได้มาก ซึ่งมุมมองแสงสะท้อนแบบต่าง ๆ ที่แตกต่างกันน่าจะเป็นเหตุผลที่มาอธิบายได้
ไม่แน่นะ อนาคตอาจจะมีเสื้อเดินป่าลายม้าลาย หรือมุ้งสีม้าลาย ช่วยกันแมลง และอาจต่อยอดไปนอกจากเหลือบริ้น ไปวิจัยในยุง ในแมลงก่อโรคต่าง ๆ ด้วย หรือบางทีที่ชาวเผ่าต่าง ๆ ทาตัวไม่ใช่เพื่อสวยงาม แต่เพื่อพรางตัวจากแมลงก่อโรคพวกนี้ด้วย
เดี๋ยวจะไปตัดเสื้อลายม้าลายสักตัว ...เอาไว้ใส่ไปเลือกตั้ง จะได้ไม่มีเหลือบ
อ่านฉบับเต็มได้ฟรีที่นี่
https://royalsocietypublishing.org/doi/10.1098/rsos.181325

เส้นเอ็นบาดเจ็บ มีอะไรต้องรู้บ้าง

⚀⚀ เส้นเอ็นบาดเจ็บ มีอะไรต้องรู้บ้าง
การบาดเจ็บที่พบบ่อยในชีวิตประจำวันมีตั้งแต่ฟกช้ำ ฉีกขาด หัก หลุด ทั้งจากการเล่นกีฬา อุบัติเหตุ ลื่นล้ม เรามาทำความเข้าใจง่าย ๆ กัน
⚁⚁ sprain กับ strain ต่างกับอย่างไร
sprain คือการบาดเจ็บบริเวณกระดูกและข้อ จุดที่บาดเจ็บคือเอ็นที่ยึดกระดูกเข้าหากันจะเป็นเอ็นแข็งแรง จะบาดเจ็บได้ต้องมีความรุนแรงพอควร และมุมกับองศาที่เกิดความตึงจนไม่สามารถยึดได้ เราแบ่ง sprain เป็นสามระดับ
ระดับหนึ่ง คือ มีการตึงยืดรุนแรง มีการบาดเจ็บ แต่ไม่ฉีกขาด จะปวดและบวมเล็กน้อย
ระดับสอง คือ มีการปริแตก หรือฉีกบางส่วน แต่ไม่ขาด จะมีอาการบวมมาก ลงน้ำหนักแล้วเจ็บ
ระดับสาม คือ ขาดออกจากกัน อันนี้จะบวมมาก เจ็บมาก ถ้าเป็นจุดยึดต่อสำคัญจะมีความไม่มั่นคงของข้อต่อ โยกคลอน (dislocation)
⚂⚂ ส่วน strain จะหมายถึงการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเอ็นยึดกล้ามเนื้อกับกระดูกที่เรียกว่า tendon มักจะมีอาการปวดเมื่อต้องออกแรงกล้ามเนื้อมัดนั้น ไม่ค่อยส่งผลต่อความคงตัวมั่นคงของข้อต่อนัก
⚃⚃ ตรวจแยกอย่างไร
ใช้การตรวจร่างกายพื้นฐาน ดูการทำงานของข้อต่อและกล้ามเนื้อ โยกดูความมั่นคงแข็งแรง หากสงสัยจะมีกระดูกแตกหักร้าว อาจส่งตรวจทางรังสีเพิ่มเติ่ม หรือกรณีที่สงสัยฉีกขาดหมดและต้องผ่าตัดซ่อมแซมอาจส่งตรวจ MRI หรือ CT scan
ข้อสำคัญคือ ต้องตรวจดูการบาดเจ็บอื่น ๆ ร่วมด้วยทั้งหลอดเลือด เส้นประสาท และกระดูก เพราะอาการที่มาแสดงคือ ปวด บวม เหมือนกัน
⚄⚄ ต้องผ่าตัดไหม
การผ่าตัดจะทำเมื่อมีการฉีกขาดสมบูรณ์อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เอ้ย ของข้อต่อ ทั้งตอนนี้หรือในวันข้างหน้า หรือเมื่อมีการบาดเจ็บอื่น ๆ ที่ต้องผ่าตัดด้วย เช่นกระดูกหักแตก หรือแผลเปิดจากด้านนอก อาจต้องยึดตรึงด้วยเหล็ก หรือเย็บซ่อมแซม
ส่วนมากจึงไม่ต้องผ่าตัด ให้การรักษาแบบประคับประคองก็หายเองได้
⚅⚅ ประคับประคองอย่างไร
ในช่วงแรกของการบาดเจ็บเราจะให้การรักษาด้วยวิธี RICE
R : rest หยุดการทำงาน งดลงน้ำหนัก จะได้ไม่ไปเพิ่มการบาดเจ็บ และห้ามนวดเฟ้นนะครับ
I : ice ใช้ความเย็นประคบ ก็น้ำแข็งนี่แหละครับ ห่อผ้าแล้วประคบเลย ใน 24-30 ชั่วโมงแรกยังเกิดประโยชน์ ลดปวด ลดเจ็บ ลดบวม
C : compress ยึดตรึงโดยการพันด้วยผ้ายืด การดามกับเฝือก เพื่อลดการเคลื่อนที่ ลดการบาดเจ็บต่อเนื่อง
E : elevate ยกจุดที่บาดเจ็บสูงขึ้น เพื่อลดการบวมคั่งของเลือดและสารน้ำ
⚅⚀ ในกรณีบาดเจ็บรุนแรงแต่ยังไม่ต้องผ่าตัด คุณหมออาจจะใส่เฝือกหรืออุปกรณ์ดามยึดตรึงไว้สักสามสัปดาห์ การใช้ยาเพื่อลดอาการปวดและอักเสบจะช่วยได้มาก ยาที่แนะนำคือยาต้านการอักเสบ (นี่แหละข้อบ่งชี้การใช้ยาต้านการอักเสบ และเป็นยาแก้อักเสบของจริง ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ) ชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ใช้บ่อย ๆ เช่น ibuprofen, diclofenac, naproxen, celecoxib, etoricoxib หรือถ้าไม่รุนแรงอาจใช้พาราเซตามอลก็เพียงพอ
และในวันหลัง ๆ ใช้ความร้อนประคบจะช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้ดี โดยเฉพาะลูกประคบต่าง ๆ แต่ต้องระวังในผู้ป่วยที่การรับสัมผัสผิดปกติเช่นอัมพาต กระดูกทับเส้นประสาท หรือเบาหวาน เพราะการรับสัมผัสบกพร่อง บอกไม่ได้ว่าร้อนเกินไปจนอาจจะเป็นแผลไหม้ได้
⚅⚁ การลดการใช้งานและลดการลงน้ำหนักเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าหรือกึ่งกลางเท้า (midfoot injuries, Lisfranc's injuriy) ควรใข้อุปกรณ์ช่วยเดิน เพื่อแบ่งรับน้ำหนักไปลงที่อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ ที่สำคัญต้องใช้ให้ถูกวิธีด้วยนะครับ ถ้าลงน้ำหนักผิด เดินผิดท่า นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังเกะกะอีกด้วย ปรึกษาน้อง ๆ นักกายภาพบำบัดเสมอนะครับ ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ช่วยเดินด้วยวิธีใดก็ตาม
⚅⚂ โดยทั่วไปใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ก็กลับมาเป็นปรกติ แต่หากมีการฉีกขาดของเอ็นอาจต้องระวังว่าเมื่อการเชื่อมต่อไม่เป็นแบบสมบูรณ์ ซึ่งมันก็ไม่สมบูรณ์แน่ ๆ เพราะมันจะเกิดแผลเป็น เนื้อเยื่อแผลเป็นมันไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม เพิ่มโอกาสที่ข้อจะไม่แข็งแรง การรับน้ำหนักผิดปกติหรือข้อเสื่อมก่อนเวลาอันควรได้
ผมอ่านและสรุปง่าย ๆ มาจาก American Academy of Orthopedics Surgeons ถ้าศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ท่านใดมีความเห็นเพิ่มเติม หรือแฟนเพจท่านใดมีความเห็นและประสบการณ์เพิ่มเติม มาช่วยให้ความเห็นได้เลยครับ

28 มกราคม 2562

การอ่านและแปลผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์

"กรุณาฟังฟัง ฉันให้จบจบจบ แล้วจะบวกจะลบก็ตามใจ"
อยากบอกว่าเวลาอ่านข่าวก็ให้ทำแบบนี้เช่นกัน
พาดหัวจาก Medscape news
"certain dental floss raise body levels of toxic chemicals"
เรียกว่าอ่านแล้วสะดุ้ง วิ่งไปดูไหมขัดฟันในบ้านเลยใช่ไหม ตามเนื้อข่าวบอกว่ามีการศึกษาทำในชาวอเมริกันพบว่าการใช้ไหมขัดฟันทำให้ระดับสาร per- and polyfluoroalkyl substances เพิ่มขึ้นในร่างกายซึ่งสารตัวนี้พบว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งอัณฑะและมะเร็งที่ไต
เอาแล้วล่ะสิ คิดไปเรื่อยเลย เราใช้หรือเปล่าหว่า ใช้ยี่ห้ออะไร มันจะมีสารนี้ไหม เจ็บ ๆ หว่างขาบ่อยนี่ใช่ไหม ไหน ๆ คลำซิ หนูพริตตี้มาคลำซิ ไม่ได้แล้วต้องเลิกใช้....หยุดคิดบัดเดี๋ยวนี้ !!
เอาล่ะเมื่อเราไปอ่านจนหมดรวมทั้งที่มาที่ไปของข่าว (ข่าวสารทางวิทยาศาสตร์อาจจะต้องทำแบบนี้นะครับ มันต้องแปลภาษาวิทย์มาเป็นภาษามนุษย์ ทำให้อาจแปลพลาด) เราจะพบว่าเขาเก็บกลุ่มตัวอย่างสุภาพสตรีประมาณ 180 คนที่แข็งแรงดีมาเจาะเลือดหาเจ้าสารนี้ แล้วนำคนที่ระดับสารนี้สูงในเลือด (ซึ่งไม่ได้มีข้อมูลชัดว่าสูงเท่าไรจึงอันตรายหรือสูงแค่ไหนจึงน่ากังวลว่าจะเป็นมะเร็ง) เอามาสอบถามว่า เอ..ในบ้านคุณมีเฟอร์นิเจอร์หรือใช้สิ่งต่าง ๆเหล่านี้หรือเปล่า เพราะสิ่งต่าง ๆเหล่านี้เราพบว่ามี PFAS สูงนะ ตู้ไม้ พรม ไมโครเวฟ ไหมขัดฟัน กระทะแบบอาหารไม่ติดกระทะ แล้วเอาการคำนวณทางสถิติมาเทียบค่าความสัมพันธ์แล้วก็พบว่าคนที่มีการใช้ไหมขัดฟัน มีความสัมพันธ์ชัดเจนกับการพบสาร PFAS สูงขึ้นในเลือด
ข้อมูลจากการศึกษามันก็บอกแค่นี้เองครับ บอกว่าเออ..พบสารนี้จริงนะ มันไม่ควรมาอยู่ในคนสูงขนาดนี้ และคนที่พบสูง ๆ มีการใช้ไหมขัดฟัน ดังนั้นสารนี้น่าจะมาจากสิ่งที่ใช้กับตัวเราแบบนี้ ไม่ได้มาจากการสูดดม การกิน (ซึ่งก็ไม่แน่ เพราะไม่ได้ถาม ไปถามอาจจะเจอก็ได้)
และมีการศึกษาที่ยกมาอีกว่า เราเอาไหมขัดฟันยี่ห้อนี้นั้นไปตรวจด้วยวิธีที่เจ๋งมาก แม่นมาก แล้วก็พบว่าเจ้าไหมขัดฟันที่เอามาศึกษาพบว่ามี PFAS สูงทั้งสิ้น อะฮ้า...เจ้านี่แหละตัวการสำคัญ และบอกว่าหนึ่งในสาเหตุที่พบ PFAS ในเลือดสูงจากการศึกษาก็คือเจ้าไหมขัดฟันนี่แหละ
แต่...แต่... ไม่ได้บอกแต่อย่างใดว่าเจ้าไหมขัดฟันมันจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับการเกิดมะเร็งไต มะเร็งอัณฑะ หรือปริมาณสเปิร์มที่ลดลง โอกาสเกิดโรคแพ้ภูมิตัวเอง ไม่มีข้อมูลตรง ๆ แบบนี้แต่อย่างใด แถมการศึกษาก็เป็นภาคตัดขวางเท่านั้น ไม่รู้ว่าเขาสัมผัสมานานแค่ไหน มีสารอื่นสัมผัสด้วยหรือไม่ ดังนั้นการจะไปแปลความมากไปกว่าคำถามการศึกษานั้นเป็นสิ่งไม่ควรทำ เขาทำแค่เจาะเลือดมาตรวจว่าสูงและพบว่ามีการใช้สารเหล่านี้ สรุปว่าสัมพันธ์กันจริง แต่ไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
และไม่สามารถโยงว่าสาร PFAS ที่เกี่ยวข้อง (แค่เกี่ยวข้องนะ) กับการเกิดมะเร็ง จะแปลผลว่าไหมขัดฟันจะเกิดมะเร็งไปด้วย แค่พบว่าไหมขัดฟันมีสารนี้และสามารถส่งสาร PFAS มาที่ตัวคนได้ (และก็ไม่รู้ว่าอยู่นานแค่ไหน สะสมหรือไม่ด้วย)
ถ้าผมเป็นเจ้าของธุรกิจไหมขัดฟันนี่ อาจจะสะเทือนเลยนะ ถ้าไปแปลผลแบบแมว ๆ แบบนั้นแล้วกระทบกับยอดจำหน่าย การแปลผลการศึกษาวิจัยจะแปลได้แค่คำถามวิจัยเท่านั้นที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนการประยุกธ์ไปใช้...เดี๋ยว ๆ ประยุกต์ไปใช้ เป็นเรื่องของข้อคิดเห็นที่ต้องพิสูจน์ในลำดับต่อไป เราในฐานะผู้เสพข่าว ต้องมีทักษะในการอ่านมากขึ้นในยุคข้อมูลข่าวสารมากมายแบบนี้
อ้อ..24 มีนาคม 2562 อย่าลืมไปเลือกตั้งนะครับ เข้าคูหา กาเบอร์ตอง

นำรูปเอกซเรย์มาให้ดูกันบ้าง มะเร็งหลอดอาหาร

นำรูปเอกซเรย์มาให้ดูกันบ้าง มะเร็งหลอดอาหาร
ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพชุดเอกซเรย์ที่เรียกว่า upper GI study โดยการกลืนสารทึบรังสีเข้าไปเพื่อตรวจดูรูปร่างของทางเดินอาหารส่วนบนว่ามีจุดผิดปกติตรงไหนบ้างหรือไม่ การทำงานเบื้องต้นดีหรือไม่ เพราะถ้าไม่กลืนสารทึบรังสีเราก็จะมองเห็นยากมาก เรามาไล่ดูสีขาว ๆ ทึบ ๆ นะครับ
ถ้ามองภาพรวมคือบริเวณหลอดอาหาร เราเห็นกระดูกสันหลังเป็นฉากหลัง ปอดและลมจะเห็นเป็นสีดำ ในส่วนบนของภาพจะเห็นเงาขาวทึบเป็นท่อตรงลงมาตามรูปแบบของหลอดอาหารที่เป็นท่อ แต่จะไม่เรียบตรงเหมือนท่อประปา เพราะมีรอยหยักของพื้นผิวและมีการบีบตัวตลอด แต่โดยรวมก็เป็นท่อทรงกระบอกลงมา
แล้วอยู่ดี ๆ เงาขาวทึบก็ตีบแคบลงเหมือนเราขับรถถนนหกช่องทางแล้วถูกบีบซ้ายขวามาเหลือช่องทางเดียว จุดที่ตีบแคบถูกบีบเห็นเป็นเส้น จุดก่อนจะเข้าสู่การตีบแคบขยายออกเปรียบเหมือนการจราจรที่คับคั่ง ส่วนที่พ้นจุดตีบจะไม่เป็นท่อชัดนักเพราะหลุดออกจากจุดตีบเหมือนรถผ่านจุดตีบ มันกระจายออกมันฟุ้งออกเหมือนรถที่แล่นด้วยความเร็วหลังผ่านจุดตีบ
แสดงว่ามีอะไรไปกีดขวางทางจราจรของสารทึบรังสีในหลอดอาหาร เราเห็นเป็นภาพฉายสองมิติแต่จริง ๆ แล้วการอุดตันท่อกลวงทรงระบอกจะต้องอุดตันเกือบทั้งแท่งโดยรอบเลยนะ เรียกว่าถ้าเห็นภาพนี้ระดับการอุดตันก็เรียกว่าปิดเกือบมิด (circumferential obstruction, circumferential mass) บางครั้งเราจะเห็นรูปแบบนี้คล้ายผลแอปเปิ้ลที่ถูกกัดโดยรอบเหลือแต่แกนกลางที่เรียกว่า apple core appearance
มันก็อธิบายอาการว่ากินอาหารเข้าไปจะติด เพราะลงไปไม่ได้ ยิ่งกินมากยิ่งติดยิ่งท้นจนอาเจียนออก อาเจียนออกมาเป็นอาหารที่กินเข้าไปที่ยังไม่ย่อยนั่นแหละ ส่วนอาหารที่ผ่านจุดตีบไปแล้วมันก็ไม่ออกมาง่าย ๆ จริงไหม ในช่วงแรก ๆ ที่ก้อนมะเร็งยังไม่โตมากก็จะกลืนติดแต่อาหารแข็ง ๆ ก้อนใหญ่ ๆ เมื่อมะเร็งโตมากขึ้นเรื่อย ๆ จะเริ่มกลืนติดมากขึ้นอาหารนุ่ม อาหารเหลว สุดท้ายก็น้ำ (progressive dysphagia)
เวลาผู้ป่วยกินอาหารจึงจะกินทีละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ ขนาดกินแบบนี้ยังไม่ค่อยได้อะไรเพราะอาเจียนมาก นาน ๆ ไปกินได้น้อยลงและอาหารที่กินก็เหลวมากขึ้น พลังงานที่ได้รับก็ลดลงมาก อาการที่จะตามมาคือผอมมาก ทั้งที่หิวมากและอยากกินอาหาร
ผู้ป่วยรายนี้ก็มีอาการแบบนั้นเช่นกันครับ มาหาคุณหมอจึงได้รับการตรวจร่างกายและตรวจเอกซเรย์ พบความผิดปกติที่เห็น ข่าวร้ายคือเมื่อผ่าตัดลงไปแล้วพบว่าก้อนมะเร็งมันลุกลามมากมาถึงส่วนบนของกระเพาะอาหาร ต้องทำการผ่าตัดและตัดต่ออีกมากมายและต้องให้อาหารทางสายเข้าสู่กระเพาะอาหารอีกหลายสัปดาห์
ปัจจัยที่สำคัญของการเกิดมะเร็งหลอดอาหารที่การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ แม้จะไม่ได้อธิบายกลไกการเกิดได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่เราเลือกจะ "ลด" ความเสี่ยงนี้ได้นะครับ คุณล่ะ เลือกหรือยัง

27 มกราคม 2562

วันที่ 27 มกราคม วันที่ระลึกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

วันที่ 27 มกราคม วันที่ระลึกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
วันนี้เป็นวันที่กองทัพบกแห่งสหภาพโซเวียตเข้าบุกถึงค่ายกักกันเอ๊าชวิตช์ และ เบียคาเนา ค่ายกักกันที่เป็นค่ายสังหารที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพนาซี ปลดปล่อยนักโทษทั้งหมดเป็นอิสระ และเปิดเผยให้โลกได้เห็นความเศร้าของสงคราม
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และค่ายกักกัน ปรากฏมีมาตั้งแต่สมัยสงครามบัวร์ระหว่างกองทัพอังกฤษกับชนพื้นเมืองในแอฟริกาใต้ แต่มาเป็นที่รู้จักชัดเจนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
พูดในฐานะคนที่อ่านเรื่องนี้มามากพอควร และไปเยี่ยมเยือนสถานที่ของการกังขัง การฆ่า มาแล้วทั้งแอฟริกาใต้และค่ายมรณะเอ๊าชวิตช์
เราอาจจะเคยอ่าน เคยรับรู้ เคยดูสารคดี เคยฟังคนนั้นคนนี้พูด เราจะพอนึกภาพออกว่าการสังหารโดยไม่มีความผิด สังหารโดยเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่มีค่า มันเป็นอย่างไร แต่เชื่อเถอะ เมื่อคุณไปยืนอยู่ตรงนั้น ตรงที่ผู้บริสุทธิ์ถูกจัดแถวให้ลงสู่ห้องรมแก๊ส ตรงที่คนบริสุทธิ์ถูกจับมาเรียงยิงเป้า ตรงที่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถูกจับมาอัดรวมกันในห้องแคบ ๆ จนตาย ตรงที่แก๊สไซคลอนบีออกมาสังหาร ตรงที่เป็นจุดเผาร่าง
ผู้ทำหน้าที่ก็จำต้องทำ หากไม่ทำก็ตายเช่นกัน
หลับตา คิดถึงเรื่องราวในอดีตแล้วลืมตาเห็นภาพคราบแก๊สที่ยังติดตรึงในห้องนั้น รอยเล็บจิกกำแพง และเตาเผาของจริง
คุณจะรู้เลยว่าสงครามเป็นสิ่งที่เลวร้าย แม้หลายคนจะมีมุมมองว่าพรรคนาซีและบรรดาผู้นำ ทำเพื่อความยิ่งใหญ่ของประเทศตัวเอง จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ไม่มีการสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการกดขี่ ทำร้าย สังหารใด ๆ จะอยู่ได้ถาวร
สงคราม การเมือง มันเรื่องหนึ่ง แต่การปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์มันก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมดีใจที่บรรดาผู้รอดชีวิตจากค่ายกักกัน กลับมาทำค่ายให้เป็นอนุสรณ์เตือนคนรุ่นหลังว่า อย่าทำผิดพลาดแบบนี้อีก
ผมยังจำคำของหลานผู้เสียชีวิตที่ห้องรมแก๊สนั้นได้ ...ผมพาคุณมาที่นี่ เพื่อให้คุณได้ไปบอกต่อกับทุกคนในที่ต่าง ๆ ว่าครั้งหนึ่งมนุษย์เคยทำกับมนุษย์ด้วยกันด้วยความเลวร้าย หดหู่เพียงใด เราหวังว่า พลังของคนทุกคนจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
สำหรับผม ไม่มีดราม่าเรื่อง ยิว นาซี ผมไปที่นั่นและน้ำตาไหลออกมาโดยห้ามไม่อยู่จริง ๆ

เรื่องเล่าของตัวเอง "ลุงหมอ the biker"

เรื่องเล่าของตัวเอง "ลุงหมอ the biker"
วันอาทิตย์นะครับ ผมอยากมาเล่าเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับการแพทย์เลย ชื่อเรื่อง The Biker
เมื่อหลายสิบปีก่อน สมัยที่ผมจบมาใหม่ ๆ ยอมรับเลยนะว่ามันแปลก ๆ จากชีวิตนักเรียนแพทย์โดยเฉพาะนักเรียนแพทย์ปีหกที่ทำงานทุกวัน มาอยู่ดี ๆ วันนี้เรียนจบแล้วนะ มันว่างแบบคิดอะไรไม่ออกเลยนะครับ ผมสอบไล่ comprehensive test ได้ตั้งแต่จบชั้นปีที่ห้า ตอนนี้จึงว่างมาก เป็นจุดเริ่มความคิดการเที่ยวแบบค่ำไหนนอนนั่น ดูไปเรื่อย ๆ เที่ยวไปวัน ๆ วางแผนเป็นวัน ๆ
และภาพในฝันของคนสามคนก็แว่บขึ้นมา หลิวเต๋อหัวจากผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ และทอมครูซจากท็อปส์กัน และสุดท้ายคือสุดยอดฮีโร่ เออร์เนสโต เช กูวาร่า ภาพชายที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปเรื่อย ๆ ท้าแดดท้าลมตลอดเทือกเขาแอนดีสแห่งละตินอเมริกา แวะกินกาแฟข้างทาง โคตรเท่..ครับ
หลังจากนั้นก็เริ่มศึกษาเรื่องรถจักรยานยนต์ อ่านหนังสือ ไปแอบดู และใจใหญ่เลยนะครับเล่นบิ๊กไบค์เลย ไม่มีภาพนักซิ่งวิ่งเร็วแต่อย่างใด แต่เห็นภาพรถจักรยานยนต์ครุยเซอร์ หรือที่หลายคนเรียกช็อปเปอร์ รถต่ำ ๆ แฮนด์กว้างพอดีไหล่ ไม่ต้องก้ม ใส่เสื้อหนัง ผ้าโพกหัว ขับเรื่อย ๆ กินลมชิว ๆ แมน ๆ แบบนั้นเลย
...
...แต่ ไม่มีตังค์ เด็กจบใหม่จะไปมีตังค์อะไร ทำงานสิครับ อยู่เวรบ้าง รับเวรบ้าง สะสม ๆ จนได้เงินแสนแรกในชีวิต ปีกว่า ๆ เลยนะครับ เก็บได้แล้วไม่มีหรอกครับวางแผนอนาคต ลงทุน เก็บออม จัดเลยบิ๊กไบค์คันแรก มือสอง เล็งมาสักพักแล้ว เทียวเข้าออกร้านจนรู้จักช่าง พอซ่อมอาการง่าย ๆ ได้ ใจมาเงินพอมี ...เอาละเว้ย จัดไป
พอได้รถมาสักพัก ขับจนคุ้นเคย ลองทำการบำรุงรักษาแก้ไขเบื้องต้นได้ เก็บเงินซื้ออุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัย จัดหาวันลา แลกเวร เล็งแผนที่ เตรียมโซโล่ทริป
สมัยนั้นจีพีเอสแพงมาก กูเกิ้บแม็พไม่มี โรงแรมอะไรต่าง ๆ มีแต่เบอร์โทรครับ จดเบอร์ไว้ติดต่อ แล้วผมทำไง กางแผนที่ครับ มาวางแผนว่าจะไปทางไหน ถนนทางหลวงหมายเลขอะไร ปั๊มเปิ้มไปหาเอาข้างหน้า โรงแรมก็ดาบหน้า กระเป๋าใบเล็ก ๆ เสื้อสองตัว กางเกงสองตัว เงินติดกระเป๋าเล็กน้อย สมุดบันทึกและหนังสือสักเล่ม โทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปไม่ได้ มีแต่วิทยุที่ต้องเสียบหูฟังเป็นเสารับสัญญาณ มีแค่นั้น
แต่ที่ผมลงทุนมากหน่อยคือ อุปกรณ์เซฟตี้ หมวกกันน็อก ถุงมือ เสื้อ กางเกง รองเท้า แม้จะไม่ใช่อย่างดีที่สุดแต่ก็คิดว่าช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้หากเกิดอุบัติเหตุ
จัดกระเป๋า มัดติดเบาะซ้อน ..ครับ ไม่มีคนซ้อน...มีแต่กระเป๋าเก่า ๆ กับเครื่องมือติดรถ (อนาถโคตร) แต่งตัว สวมหมวก ใส่ถุงมือ เสียบกุญแจ สตาร์ท..เสืยงเครื่องยนต์ดังบรึม ๆ ๆ ๆ ผมไม่ชอบแต่งท่อ ผมชอบเครื่องเดิมเสียงเดินเบา หนักแน่น และมีพลัง บีบคลัชท์ ตบเกียร์หนึ่ง ไปกันเลย
แหม..ลมที่ปะทะตัว ไหลผ่านแขนมาปะทะหน้าอกผ่านซอกคอ มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริง บางจังหวะเปิดบังลมหน้ารับลม มันสดชื่นมาก คือผมขี่มอไซค์ตามชนบทนะ สองข้างทางคือ ไร่อ้อย นาข้าว ลิบ ๆ นั่นคือภูเขา ไม่มีฝุ่นควันพิษใด ๆ นี่ถ้าได้เพลง take me home, country road ของจอห์น เดนเวอร์ มาเปิดคลอเบา ๆ คือ สวรรค์ดี ๆ นี่เอง
ได้เห็นท้องไร่ท้องนา หมู่บ้านเล็ก ๆ บางหมู่บ้านบางตำบลมีร้านโจ๊ก ร้านกาแฟ แวะสิครับ ได้บรรยากาศท้องถิ่น ราคาไม่แพง บางที่แม่ค้าสวยด้วย อาหารแต่ละมื้อก็สตรีทฟู้ด ก๋วยเตี๋ยว ลาบก้อย ส่วนอาหารเย็นจะหรูหน่อย เพราะเข้าตลาดนัด
นอนโรงแรมเล็ก ๆ ครับราคาถูกมาก แต่ก็ดูความปลอดภัยก่อนนะครับ มีแค่เตียง ห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวแค่นี้ก็พอ หลาย ๆ ครั้งก็นอนห้องพัดลม มีทีวีแต่ไม่มีสัญญาณ ไม่เป็นไรเพราะเราแค่นอนและอ่านหนังสือ เคยเจอผีไหม ... กลัวมากนะครับแต่ไม่เคยเจอ เคารพสถานที่ไหว้เจ้าที่ตลอด ที่สำคัญหลับเป็นตาย ... เคยเข้าม่านรูดด้วยนะครับ ตอนนั้นไปดูบั้งไฟพญานาค ที่พักแน่นมาก เราก็เหนื่อยโคตร เอาวะ..นอนม่านรูดก็ได้ เพิ่งรู้ตอนนั้นว่าห้องในม่านรูดมีกระจกเยอะมาก
เช้า ๆ ส่วนมากจะเข้าตลาด กินไข่ลวก กาแฟ ปาท่องโก๋ เมนูนี้มีทุกตลาดครับในชนบท ห้องคูหาเล็ก ๆ สองสามโต๊ะก็ทำได้แล้ว บางโรงแรมมีข้าวต้ม กาแฟให้ แต่อาหารเช้าที่ผมชอบที่สุดคือ ข้าวเหนียวหมูย่าง กินไปเดินชมตลาดไป
สาย ๆ ก็วางแผนจะไปที่ไหน เสร็จก็ตะบึงต่อไป อยากพักปั๊มไหน ร้านกาแฟข้างทางร้านไหน แวะเลย ตอนไปเขาค้อนี่สุด ๆ เลยครับ แอบอันตรายแต่วิวหลักสิบล้านจริง ๆ แวะตลอดทาง
เสื้อผ้าก็ใส่ซ้ำนั่นแหละครับ ชายโสดเดินเดี่ยว หลายวันก็ส่งซักที่โรงแรมนั่นแหละ ซึ่งเขาก็ไปจ้างร้านอื่นอีกที สมัยนั้นเครื่องหยอดเหรียญไม่มีหรอก ส่วนเวลานอนสบายหน่อย ไม่ต้องมีชุดนอนให้รำคาญกาย หุหุ
เหล้ายาปลาปิ้งล่ะ มีไหม .. ส่วนตัวผมไม่ค่อยนิยมแอลกอฮอล์อยู่แล้ว ดื่มเบียร์ครึ่งกระป๋องก็เมาหัวทิ่ม บางทีก็ครึ้มใจซื้อมาดื่ม สามสี่อึกก็มึน
ไม่มีเรื่องราวทะเลาะ เคยมีเด็กวัยรุ่นแถวบรบือ มหาสารคาม มาเบิ้ลรถแบบในหนังเลย ตอนติดไฟแดง แบบเฮีย ๆ เมิงมาวัดกับตรูไหม มองดูรถมันแล้วนึกในใจ ไอ้น้องเอ๊ย รถเมิงน่ะ เมท 100 ต่อให้แต่งมาก็เหอะ รถพี่ 750 นะน้อง เคยดมฝุ่นไหม แต่ไม่เคยแข่งครับ ยิ้มให้และโบกมือให้ไปก่อน เรามาเที่ยว ไม่ได้มาแข่งกับใคร
เจอปราสาทหิน น้ำตก แวะได้เลยเพราะค่าเข้าชมไม่แพงอยู่แล้ว แอบฝากรถกับพี่รปภ.ด้วยเครื่องดื่มบำรุงกำลังสักขวด มักได้คำแนะนำด้วยว่า ร้านไหนกับข้าวอร่อย .. เคยมีบอกด้วยนะ น้อง ๆ ร้านนั้นน่ะนวดเจ๋งมาก น้องแวะไปสิ ... ฮ่า ๆ ไม่ไปหรอกครับ หมดวันแต่ละวันก็สลบเมื่อหัวถึงหมอน จะไปรบเพลงดาบกับใครได้
บางทีวิวสวยข้างทางก็แวะ มองซ้ายขวานิดนึงว่าปลอดภัย แวะเลย ตอนนั้นไม่มีกล้องดิจิตอลนะครับ ผมมีกล้องธรรมดาใช้ฟิล์มอยู่ตัวนึงเท่านั้นเอง จะถ่ายทีนึง ปราณีตมาก เพราะกลัวเปลืองฟิล์ม โทรศัพท์ถ่ายรูปได้ตอนนั้นแพงสุด ๆ แถมภาพก็ไม่ได้ดีอะไรเลย
เวลาจอดแวะจะดื่มน้ำตลอด ใช้น้ำเปล่านี่แหละ เทคนิคการเดินทางชั้นยอด บางทีมีเติมพลังด้วย
ผมมีถุงเติมพลัง..อ่านเจอจากที่ไหนไม่รู้ เอาผลไม้อบแห้ง ถั่วชนิดต่าง ๆ ช็อกโกแลตเอ็มแอนด์เอ็ม ผสมกันในถุงซิปกันชื้น หยิบใส่ปากเวลาเหนื่อย ๆ ช่วยได้เยอะ น้ำที่พกไปจะพยายามเติมให้เต็มตลอดครับเมื่อมีโอกาส ขวดน้ำสมัยก่อนแข็งแรงกว่านี้ ใช้ได้หลายรอบมาก
อยากบอกว่าเห็นอะไรเยอะมาก ในมุมที่เราไม่เคยเห็น ก่อนจะเข้ามาเรียนต่อผู้เชี่ยวชาญนี่ขับมอไซค์ไปกว่า 50 จังหวัด ขยับเปลี่ยนรถไปบ้างออกทริปกับเพื่อนบ้าง แต่จะไม่ไปกลุ่มใหญ่ จะเป็นคนที่ชอบศิลปวัฒนธรรมด้วยกัน ชอบประวัติศาสตร์ จำได้แม่นเลย เส้นทางอีสานใต้ แวะทุกปราสาทหิน เหนื่อยสุดตอนขับขึ้นพนมรุ้งนี่แหละ รู้จักหมด ปรางค์ประธาน อโรคยาศาล ปราสาทบายน ท่องประวัติศาสตร์ขอมมาพ่นใส่กัน ได้บรรยากาศมาก
หากใครจะลอง ให้ศึกษาเรื่องรถ เรื่องความปลอดภัย การเดินทาง เส้นทาง โรงแรม จุดอำนวยความสะดวก อุปกรณ์สื่อสาร และที่สำคัญเตรียมร่างกายให้ดีมาก ๆ นะครับ เหนื่อยมาก บางทีถึงที่หมายแล้วบิดตัวไม่ได้เลย ล้ามาก
ถึงวันนี้ให้มีเวลาอีก คงทำแบบนั้นไม่ได้เแล้ว สังขารไม่อำนวย แต่ไม่เสียดายเพราะเมื่อวันที่เราทำได้ เราทำไปแล้ว
"ชีวิตของเรา ใช้ซะ"

26 มกราคม 2562

มนุษย์ต้นไม้ Tree Man Syndrome

มนุษย์ต้นไม้ Tree Man Syndrome
สองสามวันมานี้มีข่าวว่าชายชาวบังคลาเทศคนหนึ่ง ต้องมาเข้ารับการรักษาผ่าตัดซ้ำ เหตุเพราะโรคเดิมของเขา Tree man Syndrome กลับมาเกิดอีกหลังจากที่ผ่าตัดรักษาจนดีขึ้นไปแล้ว
ภาวะมนุษย์กลายเป็นต้นไม้ หรือ Tree Man Syndrome มีชื่อทางการแพทย์เพราะ ๆ ว่า Epidermodysplasia verruciformis หรือมีชื่อเดิมที่ตั้งโดยแพทย์ผิวหนังชาวเยอรมันที่บรรยายโรคนี้เอาไว้คนแรกว่า Lewandowsky–Lutz dysplasia
โรคนี้เกิดจากการแบ่งตัวที่ผิดปกติแบบควบคุมไม่ได้ของเซลล์เยื่อบุผิว ทำให้งอกออกมาเรื่อย ๆ รวมทั้งมีการสร้างเคราตินที่ผิดปกติ แทนที่จะออกมานุ่ม ๆ ก็กลายเป็นแข็งเป็นเปลือกไม้ มักจะเกิดที่มือ เท้า ใบหน้า แผ่นหลังและหนังศีรษะ แน่นอนว่าเมื่อเกิดจะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่สวยงาม สร้างความทุกข์กับผู้ป่วยมากมาย และบริเวณที่มีเปลือกไม้งอกออกมานี้จะทำหน้าที่เดิมไม่ได้ อย่างชายชาวบังคลาเทศผู้นี้ คงจะใช้มือได้ยากลำบากมาก หรือในอดีตก็มีสาวชาวบังคลาเทศคนหนึ่งเป็นโรคต้นไม้นี่เช่นกัน แต่เป็นที่ใบหน้า คางและหู เธอต้องเข้าผ่าตัดเพื่อความสวยงาม
พยาธิกำเนิดของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด เพราะโรคมันพบน้อยระดับโรคหายาก ดังนั้นข้อมูลของโรคจึงน้อยมากด้วยเช่นกัน ปัจจุบันเรามีทฤษฎีที่ใกล้เคียงที่สุด คือ โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม ตำแหน่งของยีนที่เชื่อว่าก่อเกิดความผิดปกติคือ EVER1 และ EVER2 ที่อยู่บนโครโมโซมคู่ที่ 17 และเมื่อไม่นานมานี้ก็พบอีกตำแหน่งคือการกลายพันธุ์ที่ยีน ANKRD26
เมื่อมีความผิดปกติ มีการกลายพันธุ์ของยีนนี้ ทำให้ร่างกายมีการตอบสนองที่ผิดปกติต่อการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ไวรัสฮิวแมนปาปิลโลม่า (Human Papilloma Virus) ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหูด และโรคมะเร็งปากมดลูกนั่นเอง แต่เป็นสายพันธุ์ที่ 5 และ 8 ต่างจากมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นหลัก
การรักษาจึงยังไม่สามารถหายขาดเพราะยังแก้ไขต้นกำเนิดไม่ได้ การรักษาคือการผ่าตัดออก เพื่อความสวยงามและสามารถกลับมาใช้งานอวัยวะต่าง ๆ ได้ตามเดิม มีโอกาสเกิดซ้ำได้อีก ไม่ว่าจะตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งใหม่ ไม่ว่าจะผ่าตัดปรกติ การใช้ความร้อนสูง การใช้ความเย็นจัด หรือสารละลายเคราติน หรือเหมารวมทุกกรรมวิธี
แล้วมันเป็นมะเร็งไหม...แม้จะเติบโตแบบคุมไม่อยู่ แต่ลักษณะโดยรวมของมันไม่รุกราน และควบคุมได้ดี จึงยังไม่จัดเป็นมะเร็ง ถึงแม้จะมีรายงานว่าเกิดมะเร็งผิวหนังจากโรคต้นไม้ในคนไข้ไม่กี่คน และเป็นเฉพาะบางจุดบางตำแหน่งในตัวเท่านั้นไม่ได้เป็นทุกตำแหน่ง
อนาคตข้างหน้าอาจจะมีการรักษาเมื่อเรามีข้อมูลมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการตัดต่อสารพันธุกรรม การตัดต่อซ่อมแซมยีน ที่ไม่ใช่กางเกงยีน เราคงต้องติดตามกันต่อไป
ปล. โรคต้นไม้ ต่างจาก โรคแข็งเป็นท่อนไม้ นะครับ
ภาพจาก wikipedia

ข่าวสั้น บุหรี่ไฟฟ้า

ข่าวสั้น ทันสมัย ง่ายนิดเดียว (อันนี้ไม่สั้น) "บุหรี่ไฟฟ้า"
เรื่องราวของบุหรี่ไฟฟ้ายังไม่มีข้อยุติว่าจะทำอย่างไร แต่ตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้ากำลังเกิดผลกระทบในอเมริกา
บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจริง ๆ ในความเห็นผมไม่น่าจะเรียกบุหรี่เลยเพราะนอกจากสับสนกับบุหรี่จริงแล้ว ยังไม่มีใบยาสูบที่เผาไหม้อีกด้วย ในต่างประเทศในชื่อทางการว่า electronic nicotine delivery decvices หรือ ENDs และเรียกสั้น ๆ ชื่อเล่นว่า vape, vaping ที่มาจาก vaporize หรือทำให้เป็นไอจากของเหลว
ณ ตอนนี้ข้อมูลของ vape นั้นออกมาชัดเจนว่า มีสารพิษที่พบในบุหรี่น้อยกว่าบุหรี่เผาไหม้จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี สารพิษที่พบก็ระดับน้อยกว่าบุหรี่เผาไหม้ แต่ยังมีสารพิษอื่นและสารเผาไหม้ที่ไม่ได้พบในบุหรี่เผาไหม้อีกด้วย สารต่าง ๆ เหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดผลต่อหัวใจ ปอด หรือการเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์ มีหลักฐานในเชิงการทดลองในเนื้อเยื่อหรือสารเคมี ส่วนหลักฐานการเกิดอันตรายในคนนั้นไม่ชัดเจนนัก (ยกเว้นอุปกรณ์ระเบิดเพราะไม่ได้มาตรฐาน)
หากเทียบกับการใช้บุหรี่มวนเผาไหม้ ก็ต้องบอกว่าน่าจะปลอดภัยกว่า แต่ถ้าเทียบกับไม่ใช้อะไรเลยหรือเลิกหมดทุกอย่าง การใช้ vape คงจะอันตรายกว่าแน่ เพราะมีสารไม่พึงประสงค์และนิโคตินอยู่ดี การใช้ vape จึงควรใช้อย่างควบคุม เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากบุหรี่มวนเผาไหม้ แต่ยังไม่สามารถเลิกเด็ดขาดได้หรือยังไม่พร้อมจะเลิก
ปัญหาตอนนี้คือ มีนักสูบหน้าใหม่ที่เริ่มต้นด้วยการ vape และใช้การ vape ต่อไปเรื่อย ๆ กำลังมีปัญหามาก ๆ ในอเมริกาและหลาย ๆ ประเทศเป็นประเด็นที่ต้องขบคิดต่อไป จากรายงานข่าวนี้
เมื่อไม่นานมานี้ทางองค์การอาหารและยาสหรัฐ ได้เปิดทำประชาพิจารณ์โดยขอความเห็นจากหลายภาคส่วนรวมทั้งผู้ใช้ผู้ผลิตและจำหน่าย ว่าจะออกมาตรการควบคุมอย่างไรจึงจะปลอดภัย และทางองค์การก็ได้คำตอบมาประการหนึ่งว่า ปัจจุบันการใช้เวปในหมู่วัยรุ่นสูงขึ้นมาก ในอเมริกาเรียกว่าเป็นการระบาดของเวปเลย การใช้ในเด็กไฮสกูลเพิ่มจากปี 2017 ที่มีการใช้เวป 48% ซึ่งนับว่าสูงแล้วพอมาสำรวจในปี 2018 พบสูงถึง 78% เพราะไม่มีการควบคุมที่ดี เด็กและเยาวชนสามารถซื้อหาได้ง่าย แม้กระทั่งจากออนไลน์ที่ไม่มีระบบคัดกรองอายุหรือข้อกำหนดผู้ซื้อ (การพบว่าใช้ ไม่ได้หมายถึงต้องใช้ต่อเนื่องนะครับ อาจจะแค่ลองแล้วเลิกก็ได้ ข้อมูลบอกได้แค่นั้น)
รวมทั้งตัวเวปเองก็ได้พัฒนารูปแบบให้น่าใช้ หรูหรา พกพาและใช้ง่าย (เวปมีหลายชนิดนะครับ ในแบบเดิมถือว่ายุ่งยากและราคาสูง) ราคาลดลง ทำให้เข้าถึงได้ง่ายมาก อย่างเช่นการใช้เวปแบบเป็นแท่งสำเร็จพร้อมใช้มีไส้เปลี่ยนน้ำยาแบบง่าย ๆ ที่เรียกว่า JUUL
อีกประการคือรสชาติและกลิ่น ก่อนหน้านี้มีการศึกษาแล้วว่า เวปที่มีหลากรสและกลิ่นโดยเฉพาะกลิ่นเมนทอลนั้นดึงดูดผู้ใช้มาก ถึงขั้นจะแบนเวปที่มีกลิ่นเมนทอลเลย ส่วนกลิ่นอื่น ๆ เช่นกลิ่นผลไม้ กลิ่นช็อกโกแลต และอื่น ๆ จะดึงดูดผู้ใช้รายใหม่มากขึ้น หลาย ๆ คนคิดว่าปลอดภัยด้วยซ้ำเพราะมันไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนบุหรี่
และเมื่อมีการสัมผัสนิโคติน โอกาสจะใช้เวปต่อไปหรือไปใช้บุหรี่มวนจะเพิ่มขึ้น หลาย ๆ ยี่ห้อก็ไม่ได้ใช้สีผสมหรือกลิ่นผสมที่ได้มาตรฐานอีกด้วย ทำให้ทางองค์การอาหารและยาสหรัฐคิดหนักในเรื่องการออกมาตรการควบคุมและอาจมีแนวโน้มแบนในบางรุ่นบางที่ด้วย
นอกเหนือจากนี้การเลิกเวปจะใช้วิธีใด ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเหมือนการเลิกบุหรี่เผาไหม้ ที่มีมาตรการและการศึกษาออกมาชัดเจน
หนึ่งในแนวทางที่แถลงโดย Scott Gottleib ผอ. อย. สหรัฐคือ หากมาตรการการควบคุมในตอนนี้ยังใช้ไม่ได้ผล และมีแนวโน้มผู้สูบหน้าใหม่โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนมากขึ้น อาจจะต้องงดการจำหน่ายไปก่อน จนกว่าจะมีมาตรการการควบคุมที่ดีกว่านี้
ด้วยตัวเลขอัตราการใช้พุ่งมากขึ้น จนเกิดความกังวลของยักษ์ใหญ่หลายประเทศ อีกไม่นานเราคงได้ข้อมูลเรื่องของการควบคุม การออกมาตรการทางกฎหมาย ทางภาษี หรือผลจากการใช้เวปในระยะกลางและระยะยาว โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นซึ่งปัจจุบันนี้มีน้อยมาก และเป็นกลุ่มที่น่ากังวลอีกด้วย
คงต้องติดตามต่อไปครับ
อ่านที่มาได้ที่นี่
https://www.medscape.com/viewarticle/908151

25 มกราคม 2562

NDEA ในยา ARB

NDEA ในยา ARB
จากเดิมที่องค์การอาหารและยาสหรัฐ ได้เรียกคืนยา angiotensin receptor blocker บางชนิดและบางล็อตการผลิต จากบางบริษัท ตอนนี้ได้เรียกคืนยากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอีกชนิดคือ losartan
irbesartan ที่มาจาก Westminster pharmaceuticals และ Golden State Medical Supplies
valsartan จาก Teva และ Prinston Phamaceutical
ตอนนี้มีบางล็อตการผลิตของยา losartan ทั้งยาเดี่ยวและยาที่มียาขับปัสสาวะ Hydrochlorothiazide ร่วมด้วย จาก Torrent Pharmaceuticals และ Sandoz Inc. ตามที่แนบมาในรูป
ย้ำว่า ไม่ใช่ทุกชนิดและไม่ใช่ทุกล็อตการผลิตนะครับ หากสงสัยให้ตรวจสอบกับโรงพยาบาลที่จ่ายยาให้ก็ได้ครับ หากไม่ใช่ล็อตการผลิตดังกล่าวก็รับประทานต่อได้ครับ คิดว่าล็อตเหล่านี้คงมีน้อยมากในเมืองไทย
และที่สำคัญ NDEA พบว่ามีหลักฐานการก่อมะเร็งในสัตว์ทดลองเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานการก่อมะเร็งในคนนะครับ แต่เนื่องจากหลักฐานเพัยงเท่านี้ก็พอที่จะบอกว่าน่าจะมีโอกาสการก่อมะเร็งในมนุษย์ เมื่อพบการปนเปื้อนจึงหลีกเลี่ยงดีกว่า ก่อนจะเกิดปัญหาครับ

carrying angle of forearm

carrying angle of forearm
ธรรมชาติช่างสรรสร้างความพอเหมาะพอดี คุณลองคิดหรือลองทำดูก็ได้ ถ้าคุณยืนตรงแขนทิ้งดิ่งข้างลำตัว ศอกเหยียดตึง หันผ่ามือไปด้านหน้า นิ้วหัวแม่มือออกนอกลำตัว นิ้วก้อยชิดลำตัว ที่เราเรียกว่า ท่า anatomical position แล้วเดินไปข้างหน้าแกว่งแขนแบบหุ่นยนต์ทื่อ ๆ เลยนะ สิ่งที่คุณจะพบคือท่อนแขนส่วนล่างจะแกว่งไม่ได้หรือได้ไม่ถนัดเพราะ... ติดสะโพก
ธรรมชาติได้ทำการแก้ไขปัญหานี้ โดยสร้างมุมระหว่างแขนท่อนบนและท่อนล่าง ไม่ให้ต่อกันศูนย์องศาเป๊ะ คุณลองยืนตรงท่าเดิมแล้วเอาแขนท่อนบนแนบสีข้างไว้ ไม่ต้องเกร็งศอก คุณจะพบว่าแขนท่อนล่างกางออก นี่แหละมุมที่เรียกว่า carrying angle สร้างมาเพื่อเวลาเดินจะได้หลบสะโพกได้ มนุษย์เราจึงเดินตรงได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ใช่ สง่า มยุระ เพราะนั่นคือพู่กัน
ยังไม่พอ ผู้ชายนั้นหัวไหล่และหน้าอกจะกว้างกว่าผู้หญิง ส่วนสะโพกก็ไม่ขยายออกเท่าผู้หญิง มุม carrying angle จึงไม่ต้องเบี่ยงออกมากนัก มุมจะแคบและแขนตรงมากกว่า ยิ่งหน้าอกผายไหล่ผึ่งสูงชะลูดตูดปอดล่ะก็...ตรงเชียวแหละ (ท่อนแขนเป็นมุมตรงนะ)
ส่วนผู้หญิงจะมีความโค้งเว้าตามธรรมชาติ ต่อให้คุณเป็นเสาโรมันแค่ไหนคุณก็โค้ง หัวไหล่และหน้าอกแคบกว่าผู้ชาย สะโพกก็ผายออกเพื่อรองรับการตั้งครรภ์ ดังนั้นมุม carrying angle จึงกางออกมากกว่าชาย ดังภาพที่เอามาให้ดู มุมกว้างทีเดียวแสดงว่าต้องหลบหลีกส่วนโค้งที่แสนสะดุดตานั่น...โอววว (กรุณามองเป็นภาพเรขาคณิตดังที่ผมวาดมาให้ดู)
จริง ๆ ดูสารคดีเรื่องดนตรีคลาสสิกแล้วเห็นว่าหญิงและชายจับไวโอลินต่างกัน ลองสังเกตดูนะครับ เป็นที่มาของเรื่องนี้ หาใช่ท่อนแขนมุมตรง และส่วนโค้งสะดุดตา หาได้ไม่

บทความที่ได้รับความนิยม