ไข้หวัด โรคยอดฮิตตอนนี้ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจส่วนบน อาการไม่รุนแรง หายเองได้ ไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ
อาการของไข้หวัด ก็จะมีไข้สูงเป็นอยู่ 2-3 วัน มีอาการแสบจมูก คัดจมูก น้ำมูกใส เจ็บคอ ยังพอกลืนน้ำลายได้ กินอาหารได้ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว ซึ่งอาการพวกนี้ก็คล้ายกับโรคติดเชื้อทั่ว ๆ ไปในระยะแรก ๆ ดังนั้นการเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่บางครั้งเราก็ทำไม่ได้ ห่างไกล ไม่มีรถ มีภาระ เราก็มีวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาฝากแต่หาก 2-3 วันไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงต้องไปโรงพยาบาลนะครับ หรือไปพบแพทย์มาแล้วได้รับการวินิจฉัยเป็นไข้หวัด ถึงท่านไม่แพ้ท่านก็ต้องดูแลตัวเอง
ไข้...คืออุณหภูมิกายสูง เป็นสิ่งที่ไม่อันตราย เป็นการปรับอุณหภูมิสู้เชื้อโรคของมนุษย์ เพียงแต่มันทำให้ไม่สบายตัว วิธีลดไข้มีทั้งใช้ยาและไม่ใช้ยา ควรทำทั้งคู่ ยาที่ปลอดภัยในการลดไข้คือ ยาเม็ดพาราเซตามอล เพราะในระยะที่เรายังแยกไข้จากสาเหตุใด ๆ ได้ไม่ชัดเจนยังไม่ควรให้ยา NSAIDs เพราะอาจมีปัญหาเลือดออกง่ายและไตเสื่อมได้
ขนาดยาพาราเซตามอลคือขนาด 325 หรือ 500 มิลลิกรัมครั้งละหนึ่งเม็ดเท่านั้น มากสุดก็ไม่เกิน 650 มิลลิกรัมในกรณีตัวใหญ่มาก การกินยาครั้งละสองเม็ดจะเกินขนาด และเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของตับอักเสบจากยาครับ
ส่วนการไม่ใช้ยาก็คือ อาบน้ำ หรือเช็ดตัวลดไข้ ดื่มน้ำมาก ๆ (อันนี้ช่วยหลายอย่างเลย) ไข้จะขึ้นสูงจะลงใกล้ปรกติ หากสูงลอยไม่ลงเลยสักสองวันสามวัน ให้คิดถึงโรคอื่นไว้ด้วย
น้ำมูก...เป็นปฏิกิริยาของร่างกายอีกเช่นกัน สีของน้ำมูกจะใส จะขุ่นจะเหลืองเขียว ไม่สามารถบอกว่าติดเชื้ออะไรหรือควรได้ยาฆ่าเชื้อ ตรงนี้เข้าใจผิดกันมาก การจัดการน้ำมูก ถ้าไม่รำคาญมากให้สั่งออกใส่กระดาษ ทิ้งในภาชนะปิดฝา อย่าสั่งเรี่ยราดหรือป้ายปาดทั่วไป มันจะแพร่เชื้อไปได้
การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ แม้จะไม่ได้เป็นการรักษาตรงโรคเหมือนกับภูมิแพ้จมูก แต่ก็ช่วยลดปริมาณน้ำมูกและสารคัดหลั่งได้ เพียงแต่ต้องล้างบ่อย ๆ ครับ
การใช้ยาลดน้ำมูก เรามักใช้ยาต้านฮีสตามีน หรือที่เรียกกันว่ายาแก้แพ้ สามารถเพิ่มความหนืดและลดสารคัดหลั่งในจมูกได้พอสมควร แต่อย่าลืมว่าร่างกายต้องการสารคัดหลั่งนะ การไปลดมันเลยทำให้คอแห้ง เสมหะเหนียวขึ้น ต้องดื่มน้ำมาก ๆ และข้อสำคัญคืออาการง่วงซึมที่อาจเกิดอันตรายเวลาต้องขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร การใช้ยาต้านฮิสตามีนรุ่นใหม่ ๆ (แพงขึ้น) ก็อาจช่วยลดผลข้างเคียงนี้ได้แต่ประสิทธิภาพการรักษาพอ ๆ กับของเดิม ๆ นะครับ
คัดจมูก... และอาการที่ตามมาเข่นเสียงอู้อี้ ขึ้นจมูก เสียงเซ็กซี่ หูอื้อ และหากมีผลข้างเคียงที่อันตรายคือ ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ เหตุทั้งหมดเกิดจากการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก คอหอย อันเป็นปฏิกิริยาของการติดเชื้ออีกเช่นเคย และทำให้รำคาญเหมือนเดิม ดังนั้นถ้าทนได้ไม่รำคาญสามารถรอให้ร่างกายปรับสภาพได้
การใช้ยาลดบวมจมูก เป็นยากลุ่มบีบหลอดเลือดส่วนปลาย ได้ผลบ้าง ไม่ได้ชัดเจนนัก ในอดีตมีการใช้ยากลุ่มนี้ผิดแบบมาเป็นสารเสพติดและมีผลข้างเคียงของหลอดเลือดสมอง จึงมีการควบคุมการใช้พอสมควร
ปัจจุบันใช้ยา pseudoephridine ที่ใช้เป็นยาเดี่ยว หรือยาเม็ดรวมกับยาลดน้ำมูกก็ได้ บางยี่ห้อที่โฆษณาว่าเป็นยารวมสามชนิด ก็คือ ยาลดไข้พาราเซตามอล ยาลดน้ำมูก ยาลดบวมจมูก มารวมกันนั่นเอง
ในเรื่องการใช้ยา หากท่านเข้ารับการรักษาหรือซื้อยา ควรรับคำแนะนำจากเภสัชกรทุกครั้งครับ (เภสัชกรยุคนี้ นอกจากให้ความรู้ได้เก่งแล้วยังน่าเข้าไปฟังบ่อย ๆ อีกด้วย กายก็หาย ใจก็ชุ่มฉ่ำ) เพื่อกินได้ถูกต้องและรู้ข้อควรระวัง ในกรณีลืมให้อ่านฉลากยาด้วยทุกครั้ง
ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว ส่วนใหญ่เป็นพิษไข้ เมื่อเราลดไข้ลงได้ หรือใช้ยาเม็ดพาราเซตามอล อาการเหล่านี้จะดีขึ้น ยาคลายกล้ามเนื้อจะไม่มีข้อมูลการใช้ในกรณีนี้ครับ
สมุนไพรที่ได้รับคำรับรอง เช่น ฟ้าทะลายโจร, น้ำขิงต้ม สามารถช่วยได้ดี หัวหอมทุบใช้น้ำมันหอมระเหย น้ำมันยูคาลิปตัส สามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการได้เช่นกัน
ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ ยังไม่มีข้อพิสูจน์ใช้ว่าเกิดประโยชน์ครับ ดื่มน้ำอุ่น หรือต้มน้ำขิงจิบ ได้ประโยชน์มากกว่า และสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือ การใช้ยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาไวรัสหวัด ไม่มีข้อบ่งชี้ ไม่มีประโยชน์ เพิ่มโอกาสการเกิดเชื้อดื้อยา เพิ่มโอกาสเกิดแพ้ยาและผลข้างเคียงของยา
อย่าลืมถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลงเร็ว ก็รีบไปหาหมอนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น