ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล มันมีมากกว่าที่คุณคิด
เอ็ดเวิร์ดและเบลล่า ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สี่ปี่ ประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด พอมีกำไรเลี้ยงตัวเองและลูกน้อยได้ หลังจากซื้อรถกระบะมือสองเพื่อใช้ทำงาน ทำให้ฐานะเริ่มดีขึ้น สองสามีภรรยาช่วยกันทำงาน มีเงินกำไรประมาณวันละ 1500 บาท กำไรต่อเดือน 45,000 บาท ไม่มีภาระหนี้สิน ออมเงินได้พอควร
แต่เอ็ดเวิร์ดป่วยเป็นโรคหอบหืด ควบคุมได้ไม่ดี ละเลยการปฏิบัติตัว ลืมใช้ยาสูดเป็นประจำ แถมยังสูบบุหรี่วันละครึ่งซอง วันหนึ่งเอ็ดเวิร์ดป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพราะหืดกำเริบ เรามาดูว่าเกิดอะไรบ้าง
เอาค่าใช้จ่ายตรงๆก่อนเลย ค่ารักษาค่ายา ตกวันละ 5000 บาท นอนโรงพยาบาล 5 วัน ก็สองหมื่นห้า เรียกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ต่อเดือนเลย แต่ทว่า มันยังมีมากกว่านั้น การที่เอ็ดเวิร์ดคุมอาการไม่ดีนั่นคือต้องใช้ยามากขึ้น จากเดิมที่ต้องเสียค่ายาสูดคุมอาการ เดือนละ 500-600 บาท ก็จะต้องสูดยามากขึ้น ตกเดือนละ 2000 บาท เพิ่มจากเดิม 4 เท่า
ค่าใช้จ่ายทางอ้อม หยุดขายของ 5 วัน เงินหายไป 7500 บาท โดยที่เบลล่าก็ต้องมาเฝ้าและเลี้ยงลูกตลอด ไม่สามารถทำงานแทนได้ ค่ากินค่าอยู่ใน รพ. ของใช้ต่างๆ เสียอีกวันละ 300 บาท ก็ 1500 บาท
นับเงินที่หายไป จากการจ่ายออก 25000 + 1500 +2000 = 28500 บาท
นับเงินที่เสียโอกาส 7500 , 28500+7500 = 36,000 บาท
ถ้ากำเริบบ่อย ก็สูญเสียมาก ไม่นับค่าบุหรี่ซองละ 80 บาท เท่ากับ 1200 บาทต่อเดือน ที่เป็นการสูญเสียทบต้นทบดอกต่อเนื่องไปอีก ลูกต้องขาดเรียน เบลล่าก็เครียด เอ็ดเวิร์ดก็ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ไม่ว่าต้นทุนทางการเงิน ทางสังคม ทางจิตใจ ทางสุขภาพ มันสูญเสียไปหมด
ถ้าครอบครัวนี้ไม่ต้องจ่ายเอง ค่ารักษา 27000 ทางรัฐจ่ายให้ ถามว่าถ้าคุณเป็นคนจ่ายเงิน จะหงุดหงิดไหมกับเงินที่ต้องจ่ายโดยไม่จำเป็น สามารถป้องกันลดการสูญเสียได้ เอาเงินส่วนนี้ไปทำอย่างอื่น ไปพัฒนาอย่างอื่น
ถ้าครอบครัวนี้จ่ายเอง เอาเงิน 36,000 ไปลงทุนเช่าบูธหน้าห้างเพิ่มอีกวันละ 2-3 ชั่วโมง อาจได้กำไรมากกว่านี้ พาลูกไปเที่ยวสวนสนุกได้ หรือออมเพิ่มเผื่อเดือดร้อนวันหน้าได้
ถ้าเอ็ดเวิร์ด กลับมาปฏิบัติตัวดีขึ้น ใช้ยาสูดต่อเนื่อง เลิกบุหรี่ ได้เงินคืน 1200 บาทต่อเดือน 14400 ต่อปี (เอาค่าบุหรี่ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก็ฉีดได้ 20เข็ม 20 ปีเชียวนะ) เสียค่ายาสูดวันละครั้งตก 500 บาทต่อเดือนแทนที่จะเป็น 2000บาทต่อเดือน ประหยัดรวม 2700 บาทต่อเดือน คิดเป็น 32,000 บาทต่อปี เท่ากับป่วยครั้งนึงเลยนะครับ เงินตรงนี้ให้เบลล่าไปลงทุนตลาดรองเท้าออนไลน์ได้ ได้เงินเพิ่มอีก เอาไปฝากเพื่ออนาคตการศึกษาลูกได้
จากตัวอย่างของเอ็ดเวิร์ดและเบลล่า กับโรคที่ไม่ซับซ้อนและสามารถลดความรุนแรงได้ถ้าเราตั้งใจรักษา ก็สามารถประหยัดเงินตัวเอง หรือถ้าเป็นระบบที่รัฐสวัสดิการก็สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากแล้ว
ถ้าเราทำทุกคน ในทุกๆโรคที่สามารถลดได้ เราจะประหยัดเงิน และนำไปพัฒนาได้มากแค่ไหน
แนวโน้มการรักษาแบบนี้จะต้องเกิด ไม่อย่างนั้นเราตั้งรับอย่างเดียว เราล้มละลาย ชาติล่มสลาย ความก้าวหน้าไม่เกิด เพียงแค่ปรับและขยับ เราก็จะเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนโรค ได้อย่างแน่นอนครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยม
-
Acute pancreatitis จากที่ตอนที่แล้ว เราได้กล่าวถึงตับอ่อนอักเสบในภาพรวม สำหรับโพสต์วันนี้ขอเล่าถึงในภาพลึกในเชิงปฏิบัติบ้างนะครับ ตามสัญญา...
-
ปฏิบัติการ I/O สะท้านโลก I/O ทางการแพทย์เราคือ intake -- output ปริมาณสารน้ำเข้าออกในร่างกาย ไม่ได้เกี่ยวกับปฏิบัติการข่าวสารอันเลื่องลื...
-
Onycholysis แผ่นเล็บหลุดลอกจากผิวใต้เล็บ โดยลักษณะลอกจากปลายเล็บเข้าหาโคนเล็บ สภาพเล็บเปราะบาง ไม่สมบูรณ์ พอเล็บไม่สมบูรณ์ การตรวจออกซิเจน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น