25 กรกฎาคม 2560

ยาละลายลิ่มเลือด

ยาละลายลิ่มเลือด..ละลายยังไง ทะลวงท่อเหมือนโซดาไฟเลยหรื

เรามักสับสนนะครับ ยาต้านเกล็ดเลือด คือ aspirin, clopidogrel .... ยาต้านการแข็งตัวของเลือด .. warfarin, heparin ,enoxaparin, dabigatran, rivaroxaban.ฯลฯ ..และยาละลายลิ่มเลือด วันนี้เรามาเข้าใจยาละลายลิ่มเลือดที่ใช้ใน หลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน หลอดเลือดแดงสมองตีบเฉียบพลัน ลิ่มเลือดดำอุดตันในปอดเฉียบพลัน

ร่างกายมนุษย์เรามีเหตุที่เกิดกระกระตุ้นลิ่มเลือดตลอดเวลาในขณะเดียวกันก็จะมีกลไกทำลายลิ่มเลือดตลอดเวลา ให้เกิดความสมดุลเป็นหยินหยางแห่งธรรมชาติ เมื่อมีลิ่มเลือด สารที่ชื่อว่าพลาสมิโนเจนที่ล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดจะถูกกระตุ้นทันที กลไกรวดเร็วปานทรานสฟอร์มเมอร์ กลายเป็นสารพลาสมิน ไปย่อยสลายลิ่มเลือดได้
เวลาเราใส่ยาที่ไปละลายลิ่มเลือด เราก็ใช้ยาที่ไปกระตุ้นพลาสมิโนเจนที่หลับไหลนี่แหละครับ ให้ลุกชูชันแข็งขันกลายเป็น..พลาสมิน
ยิ่งเราปล่อยเวลาไว้นาน นอกเหนือจากอวัยวะส่วนปลายหลอดเลือดจะขาดเลือดนาน ประสิทธิภาพของพลาสมินก็ด้อยลงด้วย เพราะเจ้าลิ่มเลือดมันก็จะแข็งแกร่งขึ้น ยากที่พระเอกดั่งเช่นพลาสมินจะหักหาญกระทำการสำเร็จ

ยาที่เราใช้บ่อยๆ streptokinase จะไปกระตุ้นพลาสมิโนเจนทั้งที่ล่องลอยอยู่เฉยของมัน และที่มันไปจับอยู่ที่ลิ่มเลือด เรียกว่ามันเฉพาะเจาะจงต่อลิ่มเลือด "น้อยกว่า" นั่นเอง คือใส่ไป 100 ไปออกฤทธิ์ตรงจุดที่ต้องการครึ่งนึง อีกครึ่งไปทำงานอย่างอื่น ก็อาจละลายลิ่มเลือดได้ไม่ดีเท่าและอาจเกิดเลือดออกได้มากกว่า เพราะดันไปกระตุ้นพลาสมิโนเจนตรงอื่นๆด้วยน่ะสิ
ส่วนยาที่เฉพาะเจาะจงกว่าที่เรียกว่า tissue plasminogen activator ทั้ง alteplase และ tenecteplase ใส่เข้าไปก็จะไปทำงานตรงที่หลอดเลือดถูกอุดด้วยลิ่มเลือดอยู่ ยามันออกฤทธิ์ไม่นาน ก็จะไปทำลายลิ่มเลือดที่เกิดตอนนั้นทันที ลิ่มเลือดใหม่ๆคือเป้าหมายของมัน

อ้าว..อย่างนี้ถ้าเกิดลิ่มเลือดที่อื่น มันมิวิ่งไปที่อื่นรึ..ใจเย็นๆครับ ร่างกายเราตรงไปตรงมา มีอาการหลอดเลือดอุดตันตรงไหน ก็มีลิ่มเลือดตรงนั้น มันไม่หลอกและโอกาสเกิดเรื่องพร้อมกันสองที่น้อยมาก ไม่เหมือนนิยายการแพทย์ของหมอบางคน หลอกแล้วหลอกอีก หักมุมมันเข้าไป หักจนกลมมนไร้เหลี่ยมไร้มุมเลย

จึงนิยมใช้ tPA มากกว่า tenecteplase มีความเฉพาะเจาะจงต่อลิ่มเลือดสูงและออกฤทธิ์ยาวนานกว่าตัวอื่น ใช้ฉีดเข้าไปเลยไม่ต้องหยด ส่วน alteplase และ retaplase ออกฤทธิ์สั้น จึงต้องฉีดและหยดยาต่อเนื่องตามมา โดย alteplase มีข้อบ่งใช้มากที่สุด (เพราะศึกษาวิจัยมากที่สุด)
ส่วน streptokinase ไม่ได้มาจากพันธุวิศวกรรมเหมือนข้างบน แต่มาจากแบคทีเรีย streptococcus จึงมีโอกาสแพ้สารเคมี ไม่ค่อยเฉพาะเจาะจง และอาจด้อยประสิทธิภาพถ้าเคยได้รับมาก่อน แต่ราคาถูกกว่ามาก มากๆๆ
การศึกษายาทั้งสองตัวประสิทธิภาพการรักษาและการเลือดออกพอๆกัน แต่ streptokinase มีปฏิกิริยาแพ้มากกว่า tPA

ความเห็นส่วนตัว 1 .. ใช้ตัวไหนก็ได้ ขอให้ใช้เป็นและรู้จักมันดี
ความเห็นส่วนตัว 2 .. อย่าลังเลที่จะใช้เมื่อจำเป็นและคุยกับญาติกับคนไข้ดีแล้ว
ความเห็นส่วนตัว 3 .. ปรึกษาผู้รู้ทันที ที่ไม่ชำนาญ
ความเห็นส่วนตัวสุดท้าย .. ทำไมเดี๋ยวนี้การดูหนังมันช่างยุ่งยากมาก ซื้อตั๋วก็ซับซ้อน เดินไปซื้อแล้วเลือกที่นั่งเลยไม่ได้หรือไง น้ำก็แพง และหนังตัวอย่างเกือบ สามสิบนาที แถมคนนั่งข้างๆก็เท้าเหม็นอีก..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม