ลุงหมอทัวร์แอนด์ทราเวิลมาพาทัวร์อีกแล้วครับ ก่อนจะไปทัวร์กัน อย่าลืมชงชาร้อน ๆ และครัวซองต์อุ่น ๆ มานั่งจิบแล้วไปด้วยกันครับ
เราหมุนเวลากลับไปในยุคที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินทางไปพบทวีปอเมริกา ในปี 1493 ที่บริเวณหมู่เกาะแอนทีลีส พื้นที่ประเทศบาฮามาสในปัจจุบัน ยุคที่การเดินทางค้นหาดินแดนใหม่ ๆ และเส้นทางเดินเรือใหม่ โดยการเดินทางยุคนั้นจะได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองทางทหารจากรัฐบาลเพราะสมประโยชน์กันระหว่างรัฐบาลและเอกชนผู้ได้สัมปทาน (คุ้น ๆ เนอะ) เช่นกันครับราชอาณาจักรสเปนได้ว่าจ้างโคลัมบัส ให้เดินทางค้นหาเส้นทางเช่นกัน หลังจากนั้นเหล่าบรรดานักสำรวจ รัฐบาล ผู้แสวงโอกาสจากสเปนก็หลั่งไหลไปที่ดินแดนแห่งนี้
ในการเดินทางไปเยือนอเมริกาครั้งที่สองของโคลัมบัส มีทีมจากสเปนติดตามไปและได้สังเกตบางอย่าง
ที่นั่นมีการสูบยาแบบที่โคลัมบัสไม่เคยเห็น คือ การใช้ใบยาตากแห้ง นำมาบดให้ละเอียดโดยใช้ภาชนะไม้โรสวูด ความหอมของใบยาผสมกับกลิ่นหอมจากไม้โรสวูด ทำให้ใบยาสูบบดของชาวพื้นเมืองที่นี่กลิ่นกรุ่นไม่เหมือนใคร
ชาวเมืองนำใบยาสูบกลิ่นหอมนี้ บรรจุเข้าไปในขวดเล็ก ๆ และวิธีการบริโภคยาสูบของชาวเกาะที่นี่ต่างจากที่อื่น ที่อื่นอาจจะเคี้ยวใบยา จุดสูบใบยา แต่ด้วยกลิ่นหอมชวนหลงไหลของใบยาสูบผสมไม้โรสวูดนี้ ชาวเกาะที่นี่บริโภคยาสูบโดยการสูดกลิ่นและบางส่วนของใบยาเข้าทางจมูก เรียกการสูดแบบนี้ว่า snuff
หนึ่งในทีมของโคลัมบัสมีคณะนักบวชที่มีอิทธิพลในสเปน ประเทศผู้ว่าจ้างโคลัมบัส ที่ยังรุ่งเรืองเป็นมหาอำนาจโลกในยุคนั้นเคียงคู่กับโปรตุเกส สองประเทศผู้มั่งคั่งในเวลานั้น แบ่งโลกออกเป็นสองส่วนเพื่อแบ่งกันครอบครองอีกด้วย ด้วยสนธิสัญญา ทอร์เดสอียาส
ใบยาสูบกลิ่นไม้โรสวูดหรือ snuff ได้ถูกนำกลับไปราชสำนักสเปนโดยทีมนักบวช และสร้างโอกาสทางธุรกิจมหาศาลให้กับราชอาณาจักรสเปนที่ผูกขาดการผลิตยาสูบ snuff นี้ รวมไปถึงอุตสาหกรรมในผลิตขวดบรรจุ snuff ที่ศิลปินในยุคเรอเนซองต์ได้สร้างสรรค์ผลงานขวดเล็ก ๆ บรรจุยาสูบ snuff ให้สามารถสูดได้ง่าย ที่เรียกว่า snuff box
แต่ทำไมยาสูบหอมกรุ่นจากหมู่เกาะแอนทีลีส จึงมาโด่งดังที่ยุโรปและมีราคาสูงได้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ว่ามี 'เจ๊ดัน' และเจ้ดันที่ว่าคือ แคทเธอรีน เดอ เมดิซี แห่งตระกูลเมดิซีที่โด่งดังแห่งฟลอเรนซ์ อิตาลี ตระกูลที่กุมชะตาของยุโรปในช่วงฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ
แคทเธอรีน เดอ เมดิซี นางสิงห์เหล็ก ชายาของราชาอองรีที่สองแห่งฝรั่งเศสและเป็นแม่ของราชาฝรั่งเศสถึงสามพระองค์ คนในตระกูลเมดิซี เป็นนักธุรกิจใหญ่ นายทุนข้ามชาติ ส่งคนเข้าไปควบคุมกองทัพของหลายอาณาจักร หลายเมืองในยุโรป ส่งลูกหลานไปแต่งงานกับกษัตริย์หรือรัชทายาททั่วยุโรป เพื่อสร้างฐานอำนาจและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ควบคุมอำนาจทางศิลปะและวิชาการ ว่าจ้างและ "กวาดต้อน" นักวิชาการดัง ๆ ยุคนั้นให้มาอยู่ในสังกัดตัวเอง ผลิตผลงานและคิดค้นให้กับอาณาจักรแห่งตระกูลเมดิซี ตัวอย่างทุกคนน่าจะรู้จักกันดี คุณเลโอนาโด ดาวินชี
ศิลปินกับนักปราชญ์ยุคนั้น ไม่ใช่ศิลปินไส้แห้งนะครับ และไม่ได้ขายงานตามไอเดียตัวเองด้วย แต่ทุกคนมี 'ซุ้ม' มีสังกัดและส่วนมากจะทำงานศิลปะและงานวิชาการภายใต้คำสั่งของ 'นาย' เป็นหลัก อย่างดาวินชี ก็ทำงานโดยได้รับการดูแลจากตระกูลเมดิซี (ในช่วงแรกของชีวิต ช่วงเดบิวต์) โดยเฉพาะงานภาพวาดเกี่ยวกับศาสนา
ทำไมต้องวาดภาพศาสนา เพราะตอนนั้นเป็นยุคปลายและใกล้สิ้นสุดยุคกลาง ซึ่งในยุคกลางศาสนจักรมีอำนาจมาก พอสิ้นสุดยุคกลาง ศาสนจักรก็มีความร่วมมือกับอาณาจักร เพื่อสมประโยชน์ด้านอำนาจ การปกครอง เศรษฐกิจ เช่นเดียวกับตระกูลเมดิซี ที่มีพระสันตะปาปาถึงสี่พระองค์ที่มาจากตระกูลเมดิซี
แคทเธอรีน เดอ เมดิซี ก็เข้าสู่อำนาจแบบเดียวกัน และแคทเธอรีน เดอ เมดิซี ก็มีเงื่อนไขที่จะทำให้ snuff โด่งดัง เพราะพระนางแคทเธอรีนมีโรคเรื้อรังอันหนึ่งที่หมอในยุคนั้นรักษาไม่หาย แม้ว่าพระนางเมดีซีจะทรงอำนาจเพียงใด และตระกูลเมดิซีจะร่ำรวยและกว้างขวางทั่วแผ่นดินยุโรปเพียงใด คือ โรคปวดหัวเรื้อรัง
Jean Nicot de Villemain ราชฑูตฝรั่งเศสที่เดินทางไปหลายประเทศ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้ใบยาสูบ ซึ่งนับว่าเป็นสินค้าหายาก เป็นสินค้าสำหรับชนชั้นสูง คุณนิโค่นำใบยาสูบทั้งแบบปกติและแบบ snuff นำมาทำเป็นยา และคุณนิโค่ก็ได้นำ snuff มากระซิบบอกพระนางแคทเธอรีน เดอ เมดิซี และพระนางก็หายขาดเสียด้วย
พระนางจึงเป็นพรีเซนเตอร์ของ snuff และตระกูลเมดิซีก็ลงทุนร่วมเพื่อสร้างธุรกิจยาสูบให้ผูกขาดในไม่กี่ตระกูล ไม่กี่บริษัท ร่วมมือกับรัฐบาลเป็นการกินรวบผูกขาดธุรกิจยาสูบอีกด้วย ทำให้ธุรกิจยาสูบ snuff ได้รับความนิยมสูงและทำกำไรมหาศาลมาถึงปัจจุบัน และคำว่า nicotine ก็มาจากชื่อ ฌอง นิโค่ …นิโคติน
แต่การสูบ snuff ด้วยกล่องสุดหรู snuff box ก็ไม่ได้แพร่หลายกับทุกคน ในกลุ่มคนที่มีฐานะด้อยกว่า เขาก็มีโอกาสสูบ snuff เช่นกันแต่สูบอีกแบบหนึ่งที่น่าจะสะดวกกว่าและง่ายกว่าอีกด้วย เรียกว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านโดยแท้ วิธีดังกล่าวเป็นแบบนี้ พวกคุณทุกคนลองทำตามนะครับ
คว่ำมือแล้วเหยียดเกร็งนิ้ว ตรงโคนนิ้วโป้ง คุณจะเห็นหลุมรูปสามเหลี่ยม ลองดูในภาพประกอบ ถ้าไม่เห็นแสดงว่าเนื้อคุณเยอะ ต้องไปปรับปรุงน้ำหนักแล้ว แล้วยกมือขึ้นมา เอาโคนนิ้วโป้งปิดรูจมูกฝั่งตรงข้าม ปลายนิ้วโป้งจะอยู่แถวหางตา รูจมูกข้างที่ไม่ปิดจะอยู่ตรงหลุมสามเหลี่ยมนั้นพอดี
ครับ ยุคสมัยนั้นเขาเอา snuff มาหยอดไว้ตรงหลุมนั้น ที่ปริมาณก็จะพอดีกับการสูด แล้ว…ซื้ดดด อ่าห์ snuff ก็จะเข้าสู่จมูก เป็นการสูบคล้ายกับการ snuff ผ่าน snuff box อันหรูหราของพระราชินีแคทเธอรีน
หลุมสามเหลี่ยมตรงนั้น ประกอบด้วยเส้นเอ็นของกล้ามเนื้อสองมัด Abductor Policis Longus ทำหน้าที่กางนิ้งโป้งออกจากฝ่ามือ และ Extensor Policis Brevis ทำหน้าที่เหยียดนิ้วโป้งให้ตึงเปรี๊ยะ เป็นด้านหนึ่งของสามเหลี่ยม อีกด้านของสามเหลี่ยมคือเส้นเอ็นของ Extensor Policis Longus ทำหน้าที่เหยียดนิ้วโป้ง ส่วนฐานของสามเหลี่ยมคือส่วนปลายของกระดูกแขน radius
พื้นของหลุมเป็นกระดูกข้อมือ ชื่อกระดูก scaphoid และ trapezium เราเรียกหลุมนี้เป็นภาษาวิชาการว่า "anatomical snuff box" ความสำคัญของพื้นที่นี้คือ ออกข้อสอบบ่อยมาก ไม่ว่าจะสอบข้อเขียนหรือภาคปฏิบัติ ส่วนในทางคลินิก ก็ใช้ตรวจเวลาสงสัยการหักของกระดูกข้อมือ scaphoid และใช้การตรวจเส้นเอ็นนิ้วโป้งอักเสบ เวลาที่เราใช้โทรศัพท์มาก ๆ หรือพวกที่เล่นเกมโดยใช้จอยสติ๊ก
เวลาที่มีการโชว์ snuff หรือแข่ง snuff มีในประเทศกลุ่มยุโรปเหนือ เขาก็วางยาสูบ snuff ตรงพื้นที่ anatomical snuff box นี้เช่นกัน
ทั้งหมดนี้ก็เพราะอยากเล่าเรื่อง anatomical snuff box นี่แหละครับ แต่ไม่รู้จะเล่าตรง ๆ แบบไหน เลยต้องพาทุกคนอ้อมโลกแบบนี้แหละครับ ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่เลือกบริการทัวร์ของเรา แล้วโอกาสหน้า ลุงหมอทัวร์แอนด์ทราเวิล จะพาท่านไปที่ไหน อย่าลืมติดตามนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น