ข้อระวังอันหนึ่งของการใช้ยาหรือวัคซีนที่ออกมาใหม่คือ การเฝ้าระวังผลข้างเคียง
ในการศึกษาทดลองก่อนการอนุมัติใช้ยา จะมีหัวข้อติดตามผลข้างเคียงแทรกซ้อนอยู่เสมอ (Safety outcomes) แต่เนื่องจากการศึกษาทดลองทางคลินิก เป็นการศึกษาแบบกลุ่มปิด มีข้อกำหนดของผู้เข้าร่วมที่ตายตัว ระยะเวลาในการติดตามก็ไม่ยาวนาน (เพราะระยะเวลาถูกคำนวณจาก ระยะเวลาที่จะเกิดประโยชน์) ดังนั้น ผลข้างเคียงแทรกซ้อนที่แท้จริงจะต้องมีระบบการติดตามและเก็บข้อมูลที่ดีต่อไป วัคซีนโควิดก็เช่นกัน
วัคซีนโควิดทุกตัว ผ่านการศึกษาที่พอจะบอกประโยชน์ได้และได้รับการอนุมัติใช้แบบฉุกเฉินทุกตัว นั่นหมายความว่า เรายังไม่เห็นผลสุดท้ายของการศึกษาว่าประโยชน์และผลข้างเคียงจะเป็นเท่าไรกันแน่ แต่เมื่อมีการใช้แล้ว ระบบเก็บข้อมูลก็เริ่มทำงาน เริ่มรายงาน แน่นอนว่าเราจะพบผลข้างเคียงมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะต้องมาตรวจสอบว่าเกิดจากวัคซีนหรือไม่
หนึ่งตัวอย่างของผลแทรกซ้อนของวัคซีน ศึกษาเก็บข้อมูลในฮ่องกง ลงตีพิมพ์ใน Lancet Infectious disease เมื่อ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยนักวิจัยจากฮ่องกง (งานนี้ทำโดยหน่วยงานของรัฐ) ได้เก็บรวบรวมผู้ที่ป่วยเป็นโรคเส้นประสาทสมองคู่ที่เจ็ดอักเสบและเสียการทำงาน ที่เรารู้จักกันว่า Bell’s palsy ที่เกิดหลังจากได้วัคซีนเข็มแรก วัคซีนที่สนใจคือ CoronaVac (หรือที่เรารู้จักกันดีว่า SinoVac) และ BNT162b2 (ที่ฮ่องกงคือ Fosun-BioNTech) โดยเก็บข้อมูลประมาณ 3 เดือนหลังจากฉีดเข็มแรก
ข้อมูลหลังจากที่ปรับความแปรปรวนของอายุผู้ฉีดแล้ว พบว่า
- วัคซีน CoronaVac พบ 66.9 ต่อแสนราย (ฉีดประมาณ 450,000)
- วัคซีน BNT162b2 พบ 42.8 ต่อแสนราย (ฉีดประมาณ 530,000)
- เมื่อนำมาคิดสถิติแบบ case-control คือเทียบฉีดและไม่ฉีดวัคซีน จะพบเกิด Bell’s Palsy 298 ราย เทียบกับไม่ฉีดวัคซีน 1181 ราย หรือ CoronaVac เกิดมากกว่าไม่ฉีด 2.38 เท่าส่วน BNT162b2 เกิดมากกว่าไม่ฉีด 1.75 เท่า
- อุบัติการณ์ของ Bell’s palsy โดยทั่วไปในจีน ก่อนมีการใช้วัคซีนคือ 20-30 ต่อแสนประชากร
ก็บอกได้ว่าการฉีดวัคซีนทั้งสองชนิด เพิ่มโอกาสการเกิด Bell’s palsy มากกว่าไม่ฉีด แต่นี่เป็นเพียงหนึ่งชุดข้อมูล จะต้องติดตามและเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์มากกว่านี้ และที่สำคัญโรค Bell’s palsy เกือบทั้งหมดหายได้และมีวิธีการรักษาที่ทรงประสิทธิภาพ เทียบกันแล้ว การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดยังมีประโยชน์มากกว่าผลข้างเคียงแบบเทียบไม่ได้เลยทีเดียวครับ
ใครสนใจความก้าวหน้าทางการแพทย์คงต้องติดตามข่าวสารกันต่อไป ข้อมูลเปลี่ยนไปมาได้ตลอดครับ ปีที่แล้วแมนซิตี้ได้แชมป์ ปีนี้ยังเปลี่ยนเป็นลิเวอร์พูลได้เลย
ภาพ : The Minaret of Jam มรดกโลกของอัฟกานิสถาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น