10 กันยายน 2559

ปฏิกิริยาของยาคุมกำเนิด

หมอขา..หนูท้อง..อีกแล้ว

  แต่คราวนี้ไม่ได้ตั้งใจตั้งครรภ์ครับ ปัญหานี้พบอยู่บ่อยๆดังนี้ครับ คือ เป็นโรคทางอายุรกรรมอยู่แล้ว กินยาอยู่แล้ว เกิดกลัวว่าตั้งครรภ์แล้วจะมีปัญหาเลยตัดสินใจใช้ยาคุมกำเนิด..และยาคุมก็ล้มเหลว  หรืออีกอย่างหนึ่งคือ กินยาคุมกำเนิดอยู่แล้วสม่ำเสมอดี วันดีคืนร้าย ป่วยเป็นโรคใดๆที่ต้องได้ยา ก็เป็นคนไข้ที่ดี กินยาสม่ำเสมอเลย ผลออกมาคือ ยาคุมที่เคยได้ดี..ล้มเหลว
   หลายๆคนคิดว่า ทำไมหมอจ่ายยาแล้วมันเกิดปฏิกิริยาล่ะ  อันนี้ซับซ้อนนะครับ เกิดจากหมอไม่ได้ถามว่ากินยาคุมไหม หรือ ไม่ได้แนะนำว่าคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นไปก่อน  อาจเกิดจากตัวคนไข้ การซื้อยากินเอง อาจเกิดจากระบบการบล็อกยาที่มีปฏิกิริยาระหว่างกันไม่ดีพอ

     ปัจจุบันมีระบบการป้องกันดีมากนะครับ แต่อย่างไรความผิดพลาดก็ยังเกิดอยู่ ถ้าเรากระตุ้นบ่อยๆ น่าจะลดลงได้ครับ เลยยกประเด็นนี้มาเขียนครับ ผมแนะนำในแง่การใช้ยาคุมในการคุมกำเนิดนะครับ ถ้าจะใครยาเม็ดคุมกำเนิดเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ก็ให้ปรึกษาหมอและพิจารณาเป็นรายๆไปครับ

ยาที่มีปัญหามากที่สุด ที่ข้อมูลการยืนยันมากที่สุด คือยาต้านวัณโรค Rifampicin ครับ ต้องระมัดระวังมากๆ มันอาจทำให้ผลการคุมกำเนิดหายไปเลยครับ

  ยาที่มีปัญหาอีก และยากลุ่มนี้บางทีหาซื้อได้ตามร้านขายยาด้วย คือกลุ่มยาปฏิชีวนะ amoxicillin, ampilcillin, metronidazole, tetracycline ที่จะลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดได้ครับ  ถ้าต้องใช้ยากลุ่มนี้จริงๆ อาจจะเพิ่มการคุมกำเนิดวิธีอื่นในช่วงสั้นๆครับ เช่น ใช้ถุงยางอนามัยครับ
ยาอีกกลุ่มที่เน้น คือ ยากันชักครับ phenytoin, phenobarbital, carbamazepine, primidone พวกนี้ก็จะลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิดครับ ถ้าจะใช้ยากันชัก น่าจะใช้ valproic หรือ lamotrigine ดีกว่าครับ
  ที่เขียนมาไม่ได้หมายความว่าการใช้ยาคุมจะล้มเหลวทุกคนนะครับ แค่ว่าโอกาสการตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้นครับ ต้องระมัดระวังครับ

อีกประเด็นที่กล่าวถึงมากคือ ยาต้านไวรัสเอชไอวีครับ ยาต้านไวรัสตามกลไกน่าจะเพิ่มฤทธิ์ฮอร์โมนนะครับ แต่ผลออกมาส่วนมากจะลดฤทธิ์มากกว่าครับ ดังนั้นจะเกิดความล้มเหลวในการใช้ฮอร์โมนและการคุมกำเนิดได้ โดยเฉพาะยากลุ่ม boosted Protease Inhibitor (ยาที่มี ritonavir ช่วยเสริมการออกฤทธิ์) และ NNRTI ที่ใช้บ่อยคือ nevirapine, efavirenz ส่วน etravirine จะปลอดภัยกว่านิดนึง
  แต่ว่าส่วนตัวแล้วนะครับ ไม่ว่าจะทราบแล้วว่าเป็นเอชไอวีแล้วจะคุมกำเนิด หรือ คุมกำเนิดอยู่แล้วรู้ว่าเป็นเอชไอวี  วีธีที่ดีกว่าคือการสวมถุงยางครับ ลดการติดและเพิ่มเชื้อในคู่เอชไอวีด้วยครับ  แต่อาจจะต้องคำนึงถ้าใช้ยาคุมเพื่อหวังผลฮอร์โมนครับ

    สรุปคือ ทุกครั้งที่จะรับประทานยาใดๆมากกว่าหนึ่งชนิด ต้องคำนึงถึงปฏิกิริยาระหว่างยาเสมอครับ นั่นรวมถึง..ยา..ทุกชนิด ไม่ว่าหมอจ่ายหรือซื้อเองครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม