ปม นาซีซัส เป็นปัญหาเชิงบุคลิกภาพอันหนึ่งที่บุคคลที่เป็นแบบนี้ จะลุ่มหลงตัวเองไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง ความสามารถ ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะดีหรือไม่ดี(แต่ก็หลง) โดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ต้องการให้คนอื่นชื่นชมสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี ถ้าไม่มีใครชมเชยจะหงุดหงิด และอิจฉาถ้าคนอื่นดีกว่า ไม่สนคำท้วงติงจากคนอื่นๆจนเกิดผลกระทบต่อตัวเองและคนรอบข้าง ทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากพันธุกรรมร่วมกับสิ่งแวดล้อม สภาพการเลี้ยงดูตอนเด็ก แบบว่าเด็กทำดีก็อวยกันเกินไป เด็กทำผิดก็ด่าเสียไม่มีชิ้นดี ไม่ให้เด็กได้ยอบรับสภาพจริง ไม่รู้แพ้รู้ชนะ ก็จะทำให้เกิด ภาวะ NPD (Narcissistic personality disorder)
เคยมีงานวิจัยครับว่าโรคนี้เกิดจากความผิดปกติในสมองหรือไม่ ก็ปรากฏว่าเราไม่พบสารสื่อประสาทใดๆที่ผิดปกติ และมีการศึกษารวบรวมผู้ป่วยขนาดการศึกษาไม่ใหญ่มาก ดูภาพเอ็กซเรย์สมองก็พบว่าสองส่วนที่เป็นเซลประสาทที่เรียกว่า Gray Matter (สมองมีสองส่วนครับ ส่วนที่เป็นเซลประสาทคือ gray matter และเส้นใยนำกระแสประสาทหรือ white matter) สมองส่วน gray matter ของสมองกลีบในสุดด้านซ้ายจะฝ่อลีบเล็กว่าคนปกติ (anterior part of left insular lobe) แต่ก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นจุดที่ก่อโรคจริง ต้องรอการศึกษาเพิ่มเติมนะครับ
โรคนี่ไม่มียารักษานะครับ ต้องใช้การทำจิตบำบัดและสังคมบำบัดกับจิตแพทย์ และหายยากมาก จนเริ่มมีอาการโรคอื่นๆมาบดบังเช่น โรคเครียด อารมณ์แปรปรวน สุดท้ายก็อาจเป็นโรคซึมเศร้าได้ถึงตอนนี้ก็ต้องใช้ยาเพื่อรักษาอาการแทรกซ้อน ดังนั้นการสังเกตพฤติกรรมและแก้ไขตั้งแต่เด็กจะดีกว่า รวมทั้งการเลี้ยงดูที่ไม่เป็น overprotection
ขึ้นรูปมาอย่างนี้ มาดูที่มาว่าทำไมบุคลิกภาพแบบนี้จึงเรียกว่า บุคลิกภาพแบบนาร์ซีซัส ผมเล่าในสไตล์ของผมนะครับ ใครอยากอ่านของจริงก็ไปหาใน Greek mythology
นาร์ซีซัส เป็นเทพบุตรกรีกที่หล่อมาก รูปงาม กล้ามสวย ตาชวนฝัน --น่าจะเป็นที่มาของหล่อขั้นเทพ-- และก็รู้ว่าตัวเองหล่อมาก รู้ด้วยว่าเป็นที่หมายปองของสาวๆ นาร์ซีซัส..วันๆไม่ทำอะไรนะครับ ตื่นมาก็ส่องกระจก ล้างหน้า โกนหนวด ทาเดย์ครีม มอยส์เจอไรเซอร์ แต่งตัวสุดฮิป แต่งผมด้วยช่างจากชลาชลทุกวัน ส่องกระจกแต่งตัวทีเป็นชั่วโมง พอแต่งตัวเสร็จก็ไปเดินกรีดกราย แถวพารากอน เอ็มควอเทียร์ ให้สาวๆมอง ขอเบอร์แลกไลน์กันตามเรื่อง นาร์ซีซัสฟาดเรียบครับ แต่ไม่จริงใจกับใครสักคน --คงเป็นที่มาของหล่อเลือกได้-- เดินไปเดินมาก็ไปเจอสาวเนิร์ดนางนึง คือ นางสาวเอคโค่
นางสาวเอคโค่เป็นเทพอัปสร เฝ้าสวนของเทวีเฮรา เมียหลวงของซูส บังเอิญว่าวันหนึ่งซูสติดสินบนเธอให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ อย่าไปบอกใครตอนที่ซูสพากิ๊กมาโซเดมาคอมกันในสวน แต่ความลับไม่มีในโลก กล้องวงจรปิดในสวนบันทึกคลิปไว้ได้ นางเฮรานี่แทนที่จะมาจัดการสามีตัวเอง ไม่เลยครับ ไปจัดการกิ๊ก และยังมาสาปเอคโค่ว่า ..แก แกไม่ยอมมาบอกชั้นใช่ไม๊..งั้นต่อไปนี้แกก็จะไม่ต้องพูด ทุกครั้งที่พูดจะเป็นการออกเสียงตามคนอื่นเรื่อยไป เป็นที่มาของเสียงสะท้อน เอคโค่ เวลาเราตะโกนในถ้ำ เป็นที่มาของ เอคโค่ลาเรีย(echolaria) ความผิดปกติของการพูดที่จะพูดซ้ำๆกัน นางสาวเอคโค่จึงไม่ค่อยออกเดท กลายเป็นสาวเนิร์ดตั้งแต่นั้น
พอเจอนาร์ซีซัสปุ๊บ รักปั๊บ เดินหน้าลุยทันที --อือมม เดินหน้าลุยนี่มีมาแต่ยุคกรีกเลยนะ-- แต่นางจีบเขาไม่สำเร็จเพราะเวลา นาร์ซีซัสถาม ..ไปกินข้าวที่ใบหยกไหม.? เธอก็พูดสะท้อนตามคำสาป ใบหยกไหมๆๆๆ พูดอะไรก็พูดตาม นาร์ซีซัสเธอรำคาญมาก อะไรเนี่ย..อย่ากระนั้นเลย หนีดีกว่า เท่านั่นแหละ เอคโค่ตรอมใจตายทันที --เวอร์ไปนิดเนอะ จริงค่อยตรอมใจ-- ร่างกายซูบโซจนตายไป เหลือแต่จิตวิญญาณและเสียงเอคโค่ มาจนถึงตอนนี้
ความรู้ไปถึงเทพีแห่งความงามและความรัก เทพี อโฟรไดท์ เดือดร้อนแค้นมาก เหมือนคุณปวีณาเลยครับ ไปสาปส่งว่าต่อไปเธอก็จะรักคนที่เขาไม่มีทางรักเธอได้ ซึ่งนาร์ซีซัสก็ไม่ได้แคร์นะครับ ยังเดินหน้าสืบสวนสอบสวนสาวๆต่อไป จนมาวันหนึ่ง นาร์ซีซัสเกิดไปเล่นที่สระน้ำ เห็นเงาตัวเองในสระแล้วเกิดลุ่มหลงรักตัวเองขึ้นมาซะงั้น (อ้าวว..แล้วทีส่องกระจกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันไม่เป็นหยังเลยนิ) ตรงนี้บางตำนานบอกว่า เทพนิมิซีส (nemesis) เทพแห่งการล้างแค้น เป็นคนสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้น
เป็นเรื่องเลยครับ ไม่กินไม่นอน เฝ้าอยู่นั่นแหละ หลงล่มลุ่มหลงมาก พอจะสัมผัสเงานั่นก็เลือนไป ปล่อยทิ้งไว้ก็กลับมา นาร์ซีซัสทุกข์มาก รักคนที่เขาจะรักเราไม่ได้ นานวันก็เริ่มเป็นโรคซึมเศร้า ภาพเงาก็โทรมลงเพราะไม่กินไม่นอน ไม่ได้เข้าฟืตเนส สุดท้านนาร์ซีซัสก็ระทมตรมใจ ตายอยู่ตรงนั้นเอง บางตำนานบอกนาร์ซีซัสฆ่าตัวตายเลยเพราะเกรงว่าเงาตัวเองจะโทรมลง เสียดายนะครับยุคนั้นไม่มี ยันฮี วุฒิศักดิ์ ไม่งั้นไม่ตายหรอก เทพีอโฟรไดท์เกิดสงสาร จึงบันดาลให้วิญญาณไปรอที่ทางช้างเผือก..เอ่อ ไม่ใช่นะครับ ให้เกิดเป็นดอกไม้ออกดอกบานสวย และเราก็จะพบดอกไม้ชนิดนี้ที่ข้างๆบึงน้ำทั่วไป คือ ดอกแดฟโฟดิล หรือ ดอกนาร์ซีซัส นั่นเอง
ความลุ่มหลงหรือ โมหจริต ทำให้เกิดผลร้ายต่างๆมากมายนะครับ เราต้องเจริญสติรู้ทันความลุ่มหลงตลอดเพื่อไม่ให้ทุกข์และพบจุดจบแบบนาร์ซีซัส เป็นคติในวันวิสาขบูชานี้
เอ..เล่ามาจนหมดมีใครจำเรื่อง personality disorders ได้บ้างไม๊เนี่ย
ชดเชยที่เมื่อสองวันก่อนโมโหครับ วันนี้เลยหาสิ่งสนุกๆมาเล่ากัน ผ่อนคลายๆกันอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น