ผ่อนคลายอีกสักวันนะครับ ท่านคิดว่ากระจกรถของท่านกันรังสียูวีได้ไหม มีการศึกษาโดยคุณหมอ Brian s. Wachler จักษุแพทย์ประเทศอเมริกา ทำการศึกษาเรื่องนี้ที่ LA. แคลิฟอร์เนีย ตีพิมพ์ใน JAMA ophthalmology เมื่อ 12 พค.ที่ผ่านมา หมอเมดขอไปยุ่งกับเขาหน่อยนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า คุณหมอจักษุท่านนี้ เขาสงสัยมานานแล้วว่าผู้ป่วยต้อกระจกด้านซ้ายมากกว่าด้านขวา สาเหตุหนึ่งก็เพราะการขับรถ มีการศึกษาว่าต้อกระจกซ้าย มะเร็งผิวหนังด้านซ้าย เกิดมากกว่าด้านขวาก็เพราะขับรถและโดนรังสี UV-A นี่แหละ...
**แวบหนึ่งก่อน ที่อเมริกาขับรถพวงมาลัยซ้าย ตาซ้ายอยู่ติดกับกระจกมากกว่าตาขวา ก็เลยสัมพันธ์กับการเกิดต้อมากกว่า**
... คุณหมอเขาก็สงสัยว่าจริงหรือเปล่า แล้วแสงที่เข้ามาจากทางด้านหน้าล่ะ ไม่มีผลหรือไง ยี่ห้อรถ มีผลไหม คุณหมอเลยลุยศึกษาครับ
คุณหมอเลือกไปวัดแสง UV-A ในรถที่ขับจริง ถนนจริง ในแต่ละยี่ห้อ ยังไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสง เอารถสดๆจากโชว์รูมนี่แหละ มาวัดทั้งเช้าและบ่ายในวันที่ 4 พค. 2557 ที่สภาพอากาศมีเมฆปานกลาง ฟังอย่างนี้การศึกษานี้เอามาประยุกต์ใช้ในบ้านเราไม่ได้แล้วนะครับ เพราะ แดดแอลเอ กับแดดบ้านเรา กระดูกคนละเบอร์เลย รถบ้านเราพวงมาลัยซ้ายถ้าจะมาใช้บ้านเราจริงก็ต้องกลับข้าง และรถบ้านเราก็ติดฟิล์มซะทึบมากเลย คุณหมอทำในรถหลายยี่ห้อ หรือรถยี่ห้อเดียวกัน คนละรุ่น หรือรุ่นเดียวกันแต่ต่างปีกับ วัดว่ากระจกมันกรองได้ดีไหม บานหน้าบานข้างต่างกันจริงไหม แต่ละยี่ห้อต่างกันมากหรือไม่ มาอธิบายเรื่องต้อกระจกข้างซ้ายได้จริงหรือเปล่า ผลออกมาดังนี้ครับ
อย่างแรก ส่วนมากแล้วกระจกหน้าสามารถกัน UV-A ได้มากกว่ากระจกข้างครับ มีบางยี่ห้อที่กระจกหน้าและกระจกข้างกันได้ดีพอๆกัน เพราะว่ากระจกหน้าส่วนมากเป็นกระจกนิรภัยสองชั้น มีการหักเหและสะท้อนมาก ส่วนกระจกข้างเป็นกระจกชั้นเดียว ความจริงอีกประการ กระจกที่เคลือบปรอท ไม่ได้กันแสงยูวี กันแต่แสงที่มองเห็นเท่านั้นไม่ได้กันแสงยูวีแต่อย่างใด พบมากในยี่ห้อ BMW ครับ ที่บอกยี่ห้อได้เพราะมีการศึกษาอ้างอิง ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นใดนะครับ
เคยมีการศึกษาในเม็กซิโกและออสเตรเลียเช่นกัน บอกว่าแสงยูวีที่เข้ามาทางกระจกข้างนั้นมากกว่ากระจกบานหน้าและส่งผลกระทบต่อดวงตามากกว่ากระจกหน้าเช่นกัน ผมไม่สามารถไปดูการศึกษานั้นได้ คาดว่าคงเข้าได้กับประเทศไทยมากกว่า เพราะตึกรามบ้านช่อง เส้นรุ้ง ภาวะเศรษฐกิจ น่าจะสูสีกับเมืองไทย
ผลของการวัดแสงในรถคันอื่นๆก็พบว่าสำหรับกระจกบานหน้านั้น สามารถกรองและป้องกันรังสียูวีได้ 92-98% ในทุกๆรุ่นทุกแบรนด์ ไม่ค่อยแปรปรวนนัก แต่กระจกข้างนั้นมีความแปรปรวนมาก บางยี่ห้อกรองได้ดีมากแต่บางยี่ห้อกรองได้ 60% เท่านั้น การวัดแสงของคุณหมอก็น่าจะพอสนับสนุนสมมติฐานเรื่องแสงยูวีที่เข้ากระจกข้างมากกว่า แล้วเกิดต้อกระจกด้านชิดคนขับมากกว่านั้นเองครับ
ในรถ 29 รุ่นที่คุณหมอเขาไปทดสอบนั้น สองรุ่นนี้มีการป้องกันแสงยูวีทั้งกระจกหน้าและข้างพอๆกันที่ 96% คือ เลกซัส Rx350 ปี 2011, และ เมอร์ซีเดสเบนซ์ S 550 ปี 2013 ในขณะที่เมอร์ซีเดสเบนซ์ E 550 ปี 2009 กรองแสงกระจกหน้าได้ร้อยละ 96 แต่กรองแสงกระจกข้างได้เพียงร้อยละ 44 ส่วนกระบะฟอร์ดปี 2004 กันด้านหน้าได้ร้อยละ 97 กันด้านข้างได้ร้อยละ 76 มากกว่าเบนซ์ E 550 อีกนะครับ
รถที่ผลิตปีเก่าๆหรือปีที่ใหม่กว่า ก็ไม่ได้แตกต่างกัน รถรุ่นเดียวกันปีใกล้กันแต่สั่งกระจกจากคนละโรงงาน ผลการป้องกันยูวีก็ไม่เท่ากัน (QC ฝรั่งก็มีอย่างนี้เหมือนกันแฮะ) มาดูรถที่ใกล้เคียงบ้านเราบ้าง ผมทำตัวเลขออกมาสองชุด ตัวหน้าที่ความสามารถการกรองยูวีกระจกหน้าเป็นเปอร์เซ็นต์ ตัวหลังเป็นของกระจกด้านข้าง
โตโยต้า โคโรล่า 2014 : 96/67
ฮอนด้า ซีวิค 2008 : 97/68
ฮอนด้า แอคคอร์ด2012 : 98/71
เชฟโรเลต ครูซ 2013 : 97/71
บีเอ็นดับเบิ้ลยู 320i 2013 : 97/55
การศึกษานี้เอามาประยุกต์ใช้ในประเทศเรายังไม่ได้เลยนะครับ แดดเอย ฟิล์มเอย เวลาในการขับรถเอย ความสามารถของดวงตาคนไทยต่อการปกป้องยูวีของเราก็ต่างจากฝรั่ง แต่สิ่งหนึ่งที่อาจเอามาประยุกต์ใช้ได้คือ ฟิล์มทึบหรือฉาบปรอท มันกรองแสงที่มองเห็นได้เท่านั้น ส่วนรังสียูวีมันมองไม่เห็นนะครับ คุณหมอที่ทำการศึกษาใช้ portable UV measurement สำหรับบ้านเราคงต้องเลือกฟิล์มที่กันแสงยูวีด้วยนะครับ และอาจต้องรอการศึกษาขนาดใหญ่มากๆจึงจะเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ได้
ความรู้เรื่องรถยนต์ของผมน้อยมาก สำหรับผมมันคือกล่องสี่เหลี่ยมติดล้อ กันฝน ขับพาไปซื้อหนังสือและไปห้องสมุดได้ และต้องเสียตังค์เติมน้ำมันบ่อยๆ แต่อ่านการศึกษานี้ก็เข้าใจว่าทำไม อาจารย์1412, อาจารย์ Rapp Kunjara, Dr. Dark ถึงขับเบนซ์แพงๆ อือม มันปกป้องดวงตาได้นี่เอง (แอบแซวแฟนเพจเล่นน่ะครับ..555)
เรื่อง ครีมกันแดด กับ ยูวี ผมเคยเขียนไว้แล้ว ทำลิงค์มาให้แล้วกันครับ
https://www.facebook.com/medicine4layman/posts/1490751591240869:0
ไม่มีข้อมูลของเจ้านิสสันมาร์ชคันน้อยของผม ก็เลยติดฟิล์มยูวี ใส่แว่นดำ ขับปุเลงๆต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น