มะเร็งปอด สรุปแบบง่ายให้ทุกคนเข้าใจ
1.มะเร็งปอด ต้องมีผลการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อการวินิจฉัย จะเป็นชิ้นเนื้อจากปอดด้วยวิธีการต่าง ๆ หรือชิ้นเนื้อจากส่วนแพร่กระจายอื่นที่เชื่อว่ามาจากปอด
2.ผลชิ้นเนื้อสำคัญมาก เพราะจะบ่งชี้การรักษา การตรวจชิ้นเนื้อในปัจจุบันนอกจากดูด้วยตาเปล่าและย้อมสีทาง immunohistochemistry เพื่อแยก small cell กับ non-small cell ออกจากกัน เพราะการรักษาต่างกัน ยังจะส่งเพิ่มไปถึงระดับโมเลกุล เพื่อตรวจสอบโปรตีนและยีนที่กลายพันธุ์ ตรงนี้เอามาใช้เลือกยาพุ่งเป้าที่ทำงานเฉพาะโปรตีนตัวนั้น การกลายพันธุ์ตัวนั้น
3.หลังจากยุ่งกับชิ้นเนื้อมะเร็ง การออกแบบการรักษาจะต้องกำหนดระยะของโรค เช่นตำแหน่งใด มีต่อมน้ำเหลืองโตไหม การทำงานของปอดดีพอจะตัดออกได้ไหม อันนี้จะเป็นการตรวจขั้นรองลงมา เช่นการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ทรวงอก การวัดสมรรถภาพปอด
4.การรักษาหลักของ small cell คือ การฉายแสงและการให้ยาเคมีบำบัด อาจให้พร้อมกันหรือเรียงลำดับก็ได้ ยาเคมีบำบัดมีทั้งสูตรมาตรฐาน และยาพุ่งเป้าแห่งทศวรรษ anti-PD และอาจต้องฉายแสงที่ศีรษะเพื่อป้องกันการกระจายไปสมอง มะเร็งนี้ชอบสมอง
5.การรักษาหลักของ non small cell คือ การผ่าตัด ไม่ว่าจะผ่าแล้วหายเลยหรือผ่าแล้วให้ยาต่อฉายแสงต่อ คือให้ยาฉายแสงก่อนผ่าตัด ต้องพยายามตรวจสอบให้ดีว่าผ่าได้ไหม ถ้าผ่าได้ควรผ่า การผ่าได้ขึ้นกับตัวโรคและตัวคนไข้เอง
6.non small cellในกรณีที่ผ่าตัดไม่ได้ ไม่ว่าจะไม่เหมาะสมต่อการผ่าตัด หรือเป็นระยะที่ผ่าไม่ได้ หรือแพร่กระจาย ก็จะมีบทบาทของ ยาเคมีบำบัดและการฉายแสง ยังแนะนำใช้ยาเคมีบำบัดแบบมาตรฐานก่อนคือ platinum-based ส่วนการใช้ยาพุ่งเป้าสามารถใช้เสริมได้ในระยะนี้
7.สำหรับยาพุ่งเป้า จะมีบทบาทในกรณีระยะสามที่ต้องให้ยาต่อ หรือระยะแพร่กระจาย โดยเราจะใช้ยาตามการกลายพันธุ์ของยีน ในมะเร็งปอดจะมีการกลายพันธุ์ได้หลายยีน ก็จะเลือกตัวที่ส่งผลต่อการควบคุมโรคที่ดีที่สุด (driver mutation) เช่นตรวจหา EGFR mutation, ALK fusion, KRAS mutation เมื่อพบก็จะเลือกยาพุ่งเป้าตามยีนนั้น ๆ ยาที่ได้ยินบ่อย ๆ เช่น erloninib, gefitinib, crizotinib
8.การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ย่อ ๆ คือ เซลล์มะเร็งมันจะสร้างตัวหลอกระบบภูมิคุ้มกันของเรา ปกติเซลล์แปลกปลอมจะถูกระบบภูมิคุ้มกันกระตุ้นให้ตัวเองตาย (programmed cell death) แต่มะเร็งมันฉลาด มันสร้างตัวมาหลอกระบบภูมิคุ้มกันเรา ถ้าหากเราพบ เราก็เลยไปจัดการตัวหลอกของมะเร็ง ยาที่ใช้คือ pembrolizumab, atezolizumab, nivolumab, ipilimumab
9.การรักษาในข้อ 7 และ 8 บอกเลยว่าแพงมาก ไม่รู้จะตายจากมะเร็งหรือตายจากค่ายา แม้ประสิทธิภาพจากการศึกษาจะพบว่า "ในทางสถิติ" ดีกว่าให้ยาเคมีบำบัดอย่างเดียว แต่เมื่อมาพิจารณาในชีวิตจริงแล้ว progression-free survival คือ ระยะเวลาที่มีชีวิตต่อโดยโรคไม่กำเริบ อาจไม่ได้ต่างกันมากเท่าไร เมื่อคิดประโยชน์-โทษ-ความคุ้มค่า ก็ยังแนะนำเป็นทางเลือกเพิ่มจากยาเคมีบำบัดมาตรฐานและฉายแสง (ในอนาคตน่าจะเป็นทางเลือกแรก)
10.ปัจจัยเสี่ยงที่เราคุมได้ ก่อนที่จะมาคิดข้อ 1-9 คือการสูบบุหรี่ ดังนั้น เลิกบุหรี่เสียเถิดครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น