ความเหลื่อมล้ำในสังคม ที่ซ่อนอยู่ในหนังแอคชั่น
ทุกคนคงรู้จักซิลเวสเตอร์ สตอลโลน นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังที่โด่งดังจากบท จอห์น เจ แรมโบ ภาพลักษณ์ของชายกำยำ ผูกผ้าคาดหัวสีแดง ถือปืนกลมือ สะพายจรวดอาร์พีจี ทุกคนจำเรื่องราวการต่อสู้และทักษะการรบของเขาได้ดี แต่วันนี้ผมมาชวนคิดในอีกมุมหนึ่งของภาพยนตร์แรมโบภาคแรก ในชื่อ "First Blood"
หลังจากที่อเมริกาถอนทหารออกจากเวียดนามและยุติสงครามเวียดนาม หรือ แพ้สงครามเวียดนามนั่นเอง แพ้ทั้งในทางการรบและแพ้ทั้งในทางการเมือง เหล่าทหารนักรบได้รับการทยอยส่งกลับประเทศ ทั้งแบบสมบูรณ์และแบบไม่สมบูรณ์
จอห์น แรมโบกลับมาจากสงคราม เขาไม่มีใครให้กลับไปหา เขาจึงรอนแรมเดินทางไปตามที่อยู่ของสหายร่วมรบสมัยที่เคยรบกัน และฉากของหนังเริ่มต้นที่เมืองเล็ก ๆ สงบแห่งหนึ่ง แรมโบมาตามหาเพื่อนของเขาและได้คำตอบว่า เพื่อนของเขาเสียชีวิตแล้วจากผลข้างเคียงของสงครามเวียดนามอันหนึ่งที่อเมริกาพยายามปกปิด
Agent Orange หรือ ฝนเหลือง สารเคมีที่อเมริกาโปรยใส่พื้นที่การรบเวียดนาม เพื่อหวังผลทำลายป่าและต้นไม้ เผยให้เห็นพื้นดินและที่ซ่อนของเหล่าเวียดกง อีกทั้งใช้ความอันตรายของสารเคมีนี้บีบให้เหล่าทหารเวียดนามและครอบครัว ออกมาจำนน ออกมาจากที่ซ่อน แต่ฝนเหลืองนี้ตกค้างนานมากในสิ่งแวดล้อมและก่อมะเร็ง เพื่อนของแรมโบก็เสียชีวิตจากโรคนี้ โดยไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ ปล่อยให้ภรรยาและลูกน้อยต้องเผชิญความเลวร้ายหลังสงครามต่อไป
เมื่อแรมโบหมดที่ไป เพื่อนสนิทก็หมด เขาจึงเดินทางต่อไป ทหารคนหนึ่งกลับมาจากการรบ ไม่มีต้นทุนทางสังคม เพราะตอนที่ออกรบ อเมริกาโฆษณาชวนเชื่อให้หนุ่มในประเทศทำเพื่อชาติ แต่พอกลับมาบางคนก็ไร้ที่พึ่งไร้ที่อยู่ ระยะเวลาที่แรมโบไปรบคือ 7 ปี แถมยังถูกจับเป็นเชลยอีกด้วย การเดินทางของเขาเป็นไปอย่างสงบ ไม่รุกรานใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ยกเว้นคนอยู่คนเดียว
Sheriff หรือที่เราชอบเรียกในหนังว่า นายอำเภอ แต่น่าจะเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร หรือเทศมนตรีมากกว่า ผมขอเรียกว่านายอำเภอแล้วกัน ท่านนายอำเภอนี้มีความคิดเมืองของตัวเองต้องเป็นเมืองในฝัน ไม่มีคนเร่ร่อน ไม่มีคนจรจัด ใช่แล้วครับ ท่าทางการเดิน สภาพของจอห์น แรมโบ คือคนเร่ร่อน ไร้บ้าน ของนายอำเภอ นายอำเภอจึงจัดการขับไล่เขาออกไปจากเมือง แต่แรมโบรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร จึงย้อนกับมา
หลังจากนั้น นายอำเภอก็จัดการ จับกุม ตั้งข้อหา (ยัดข้อหา) ไม่ฟังเหตุผล ให้กรงเล็บของอำนาจรัฐกางจิกแรมโบจนบอบช้ำ โดยแรมโบไม่ได้มีโอกาสแก้ตัว เขายากไร้ ไม่มีโอกาส ไม่มีทนาย ไม่มีคนรู้จัก ทั้งนายอำเภอและลูกน้อง ดูหมิ่น ดูถูก เหยียดหยาม ทำให้แรมโบรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คน ทั้ง ๆ ที่นี่คือประเทศของเขาเอง มันกระตุ้นความรู้สึกตอนที่เขาเจอในสงคราม
ภาพที่ผุดมาในความทรงจำแรมโบ คือ การถูกทรมานทางร่างกายจากทหารเวียดนาม ความทรมานปางตาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า การฆ่าฟันเพื่อเอาตัวรอด ตลอด 7 ปีที่ผ่านมามันฝังลึกและทำร้ายเขาแม้แต่ในฝัน สิ่งนี้คือ Post Traumatic Stress Disorder (PTSD) ภาวะผิดปกติทางจิตใจหลังเหตุการณ์เลวร้าย ในที่นี้คือ สงคราม
ความเหลื่อมล้ำ การขาดโอกาส การถูกดูหมิ่นดูแคลน ทำให้แรมโบสติขาด เลือกหนทางตาต่อตา ฟันต่อฟัน เลือกจับอาวุธสู้กับตำรวจประจำเมือง แม้ถูกบีบให้เข้าไปในป่า แต่ทักษะการดำรงชีพ ทักษะการรบ ความแกร่งของแรมโบ สามารถทำให้เขาต่อกรกับตำรวจและทหารได้อย่างง่ายดาย เจ้าหน้าที่ที่ไม่เคยสัมผัสความลำบากอย่างเขามาก่อน คราวนี้คือการเอาคืนของคนที่ไร้ทางสู้ จึงเกิดเป็นเรื่องราวของการต่อสู้ใน 'First Blood'
ภาพยนตร์สร้างตั้งแต่ปี 1982 สถานที่สวย เรื่องราวเข้มข้น บาดใจ ฉากรบในเมืองเต็มไปด้วยความคับแค้น และให้แง่คิดกับเราในแง่ ความเท่าเทียมกันของมนุษย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น