24 กุมภาพันธ์ 2562

วิธีการเรียนแบบยุคใหม่

บ่าย ๆ อาทิตย์แบบนี้ มาฟังวิธีการเรียนแบบยุคใหม่ ๆ กันบ้าง
บอกก่อนนะครับว่าที่เขียนนี้จากประสบการณ์จริง เพราะผมเองไม่ใช่คนเก่งคนไบรท์ แต่ลองใช้วิธีเหล่านี้แล้วรู้สึกมันใช้ได้ ทำให้เราพัฒนาขึ้นได้ ลองอ่านแล้วเอาไปประยุกต์ใช้นะครับ
การเรียนสมัยก่อนใช้การฟังบรรยายและอ่านตำราเป็นหลัก เพราะนักเรียนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากนัก ข้อมูลมีราคาแพง จะมีแต่ในสถาบันหลัก ๆ โดยเฉพาะการเรียนแพทย์ สิ่งที่เราได้เรียนจากการฟังบรรยายและการอ่านตำราคือ "ข้อมูลข้อเท็จจริง" เพื่อเก็บความรู้ตามประเด็น ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพราะอะไร เพื่ออะไร
ผู้เรียนจะตั้งใจค้นหาความจริงเช่น เนื้อหาโรค แนวทางปฏิบัติ เขาบอกให้ทำอย่างไร ผู้สอนจะตั้งใจนำเสนอเนื้อหา ใส่รายละเอียดเพราะผู้อ่านผู้ฟังไม่มีข้อมูลเหล่านี้ตลอด สิ่งที่จะได้คือ "content"
แต่ในยุคสมัยที่ข้อมูลหลั่งไหลมามหาศาล ทุกรูปแบบ ผมแนะนำแบบนี้
1. อ่านเนื้อหาหรือเค้าโครงเรื่องไปก่อน สามารถหาอ่านได้ง่ายจากออนไลน์ จากเพจ จากวิดีโอ เพราะยุคนี้ผู้สอน ไม่เน้นเนื้อหาแล้ว เนื้อหาสามารถหาอ่านได้เอง ไม่ต้องจดเนื้อหาที่เป็นข้อเท็จจริง พวกนี้หาเองดีกว่า
2. ฟังแนวคิด วิธีคิด และการประยุกต์ใช้ ผู้บรรยายจะใช้ประสบการณ์และความรู้ของตน อธิบายเรื่องเหล่านี้ให้ข้อเท็จจริงนั้นกระจ่าง ทราบที่มาและเหตุผลทำให้เข้าใจและประยุกต์ใช้ได้ หรือบางคนบอกแนวทางนำไปใช้ได้เลย ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้ถ้าคุณไม่ทราบข้อหนึ่งมาก่อน
3. หลายครั้งการสอนการบรรยายมีการถ่ายทอดเสียงหรือภาพ หรือบันทึก เราสามารถฟังย้อนหลัง ทบทวนได้บ่อยครั้ง โดยใช้ทั้งข้อหนึ่งและข้อสองไปด้วยกัน เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้เตรียมตัวไปก่อนหรือไม่มีโอกาสฟังบรรยายสด ในกรณีมีเวลาแบบนี้แนะนำอ่านข้อหนึ่งให้ละเอียดก่อนฟังข้อสอง
4. สรุปมาเป็นภาษาของเราเอง รวบรวมไว้เป็นของเรา อาจจะเขียนแผนภาพหรือเขียนสรุปแบบที่เราเข้าใจในสมุดบันทึก หรือ เซฟภาพแผนภาพ ตัดหน้าที่ต้องการเซฟเอาไว้ การทำข้อสี่นี้ถ้าไม่มาทำแล้วส่วนใหญ่การฟัง การอัดเสียง การถ่ายภาพ การบันทึกขณะที่ทำข้อสองและข้อสามจะถูกลืมเลือน หรือทิ้งไว้โดยไม่ได้ทบทวน
5. สำหรับคนที่ทำการบ้านมาก่อนการสอน สิ่งที่อยากให้ฟังคือ ข้อคิดเห็นและการวิเคราะห์ของครูอาจารย์ เป็นสิ่งที่ล้ำค่า หาอ่านเองไม่ได้ หรือวิธีการนำเสนอ ภาษาที่ใช้ พวกนี้เป็นความรู้ระหว่างบรรทัดของข้อหนึ่ง ที่มีค่ามากกว่าข้อหนึ่งที่อ่านเองหาเองได้เสียอีก ดังนั้นถ้าเราทำข้อหนึ่งสองสามอย่างดี เมื่อทำข้อสี่เราจะได้สิ่งที่ล้ำค่าเพิ่มไปด้วย เมื่อจบข้อห้านี้เราจะเป็นเสือติดปีกเลย
6. เวลาฟังบรรยาย หากเนื้อหานั้นอ้างอิงจากที่ใด ให้บันทึกที่มาข้อมูลนั้น ฟังผู้สอนหรือดูสไลด์ที่ผู้สอนทำมาให้เข้าใจแนวคิด แล้วไปอ่านละเอียดโดยมีความเข้าใจรวบยอดที่เราฟังมาแล้วช่วยนำทาง ค้นจากที่มาอ้างอิงที่ผู้สอนแจ้ง เพราะนี้คือสิ่งที่เพิ่มมาจากข้อหนึ่ง
7. ตั้งใจไว้เลยว่าจะอ่านสิ่งที่เราทำในข้อสี่ หรือสิ่งที่เราจะเพิ่มในข้อหก ภายในเวลาไม่เกินสามวัน เกินกว่านี้มันจะไม่สดใหม่ ทำให้เวลาที่จะใข้ทบทวนและจดจำมากขึ้นหรือต้องรื้อฟื้นข้อสามมากขึ้นมากขึ้น
8. ใครที่ไม่มีโอกาส ไม่มีเวลา การหาหนังสือที่ทำขั้นตอน 1-7 มาเรียบร้อยแล้วก็ดีนะครับ เดี๋ยวนี้มีหนังสือมากมายที่สรุปข้อมูลใหม่ ๆ แนวคิด การศึกษา แนวทางปฏิบัติที่รวบรวมข้อหนึ่งถึงเจ็ด และมีอ้างอิงให้ค้นต่อด้วย แต่...อย่าลืมว่าในเมื่อเราไม่ได้เป็นคนทำเอง เราอาจจะลืมหรือไม่เข้าใจถ่องแท้ จึงต้องทำข้อแปดแบบมากขึ้นคืออ่านซ้ำ ๆ หรืออ่านจากหลายแหล่ง
ผมเองใช้วิธีเหล่านี้มาห้าปี เปลี่ยนวิธีการเรียน การอ่านการดูวิดีโอถ่ายทอดสด การบรรยาย ไปอย่างชัดเจน ได้ผลมาก รู้สึกตัวเองเรียนได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น ใช้เวลาไม่มาก และนำไปใช้ได้จริง (ก็มาเขียนมาบรรยายให้พวกท่านฟังนี่แหละ) ขอกราบขอบพระคุณผู้ที่แนะนำวิธีเรียนแบบนี้นะครับ
professer Eric Topol, และ @1412 cardiology

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม