ผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาล หมอจะให้เขากินอะไร ?
มาดูลำดับการคิดตัดสินใจกันนะครับ ที่ผมเขียนมานี้คือประสบการณ์จริงบวกกับที่ฟังอบรม อ่านเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ความคิดรวบยอดเท่านั้น ของจริงอาจแตกต่างบ้างก็แล้วแต่สถานการณ์นะครับ
ลำดับแรก...ทางเดินอาหารยังใช้ได้ไหม หมายถึงทางเดินอาหารยังย่อยอาหารได้ ไม่อุดตัน จะให้คนไข้ใช้ทางเดินอาหารก่อนครับ เพราะได้ประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงต่ำ ช่วยให้ลำไส้ปรกติ ลดอัตราการเสียชีวิตในหลาย ๆ โรค
ถ้ากินอาหารทางปากได้ ให้กินอาหารปรกตินี่แหละครับ กินยากหรือไม่มีฟันก็กินอาหารนุ่ม ๆ หรืออาหารเหลว ๆ ได้ หรือเสริมอาหารทางการแพทย์แบบชงดื่ม
ถ้ากินทางปากไม่ได้ พิจารณาใส่สายให้อาหารผ่านทางปากหรือจมูก หรือใส่สายผ่านหน้าท้องเข้าทางกระเพาะหรือลำไส้ ให้อาหารเหลวทางสาย
แต่ถ้าทางเดินอาหารใช้ไม่ได้ เช่นอุดตัน รั่ว หรือให้ผ่านทางเดินอาหารแล้วไม่พอจึงให้ทางหลอดเลือดดำ
ลำดับที่สอง ...พลังงานที่ได้รับ อาหารปกติหรือ (regular diet) จะให้พลังงานสูงเท่าปกติ อาหารอ่อน (soft diet) จะให้พลังงานประมาณครึ่งหนึ่ง ส่วนอาหารเหลวข้นอย่างโจ๊ก ให้พลังงานน้อยลงมา ตามด้วยอาหารเหลวข้นเช่นนม ตามด้วยอาหารเหลวใสเช่นน้ำหวาน พลังงานจะลดลงตามลำดับตามสภาพอาหารครับ
ถ้าคนไข้ไม่สามารถกินอาหารได้ตามต้องการ จึงจะเสริมอาหารนะครับ และบางครั้งเราก็ให้อาหารมากกว่าสามมื้อ เนื่องด้วยสภาพร่างกายคนไข้ที่ต่างกัน ลักษณะทางกายภาพของอาหารที่ต่างกัน
อาหารปรกติทางปาก เราจะคำนวณได้แค่ค่าพลังงานคร่าว ๆ ทั้งอาหารหลักและอาหารเสริม แต่ถ้าเป็นอาหารทางการแพทย์ที่ใส่สายให้ จะคำนวณพลังงานได้แม่นยำกว่ามาก หรืออาหารทางหลอดเลือดดำก็แม่นยำกว่ามาก
ลำดับที่สาม ... สัดส่วนพลังงาน โปรตีน คาร์บ ไขมัน เรียกว่าพลังงานหลัก (macronutrients) ถ้าไม่มีข้อจำกัดเช่น จำกัดโปรตีนเท่านั้นเท่านี้ จำกัดแป้งน้ำตาล คนไข้จะได้สัดส่วนอาหารเหมือนปกตินี่แหละครับ
และอาหารที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ หากกินหมดจะได้วิตามินและเกลือแร่เพียงพอ (ถ้าไม่มีการจำกัดนะ เช่นโรคไตที่กำจัดเกลือแบบนี้เป็นต้น)
หากกินได้ไม่ครบ หรือใช้อาหารทางหลอดเลือดดำจะต้องเสริมวิตามินและเกลือแร่ครับ
การให้น้ำเกลือที่มีน้ำตาลผสมนั้น เราจะถือว่าพลังงานได้น้อยและสารอาหารไม่ครบนะครับ คนไข้ที่ได้แต่สารละลายน้ำตาลอย่างเดียว รับรองว่าพลังงานไม่พอแน่ ๆ สารอาหารก็ไม่ครบ เพียงแค่มีพลังงานมาเลี้ยงไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำไป แต่รับรองว่าไม่พอ
ดังนั้น การกินอาหารจึงเป็นการบำบัดอย่างหนึ่งในโรงพยาบาล ช่วยในการรักษาให้ดีขึ้นครับ
ปล. น่าจะมีตอนต่อไปเนอะ ฝากภาพอาหารให้ Infectious ง่ายนิดเดียว ด้วย เห็นว่ากินอยู่อย่างเดียว จะขาด somtam factor นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น