วันนี้เราไปดูข้อมูลเปรียบเทียบประสิทธิภาพวัคซีนไฟเซอร์เทียบกับแอสตร้าซีเนก้ากันอีกชิ้นงาน เป็นการศึกษาเปรียบเทียบในประเทศสก็อตแลนด์
การศึกษานี้เป็นการวางแผนเก็บข้อมูลไปข้างหน้า คือ คิดไว้ก่อนแล้วว่าจะเก็บข้อมูลเปรียบเทียบ เตรียมการเก็บ เตรียมการทดสอบ เตรียมการคำนวณ ลดทอนตัวแปรต่าง ๆ ให้เปรียบเทียบได้ เมื่อวัคซีนมาถึงและฉีดจริง ก็เก็บข้อมูลเปรียบเทียบกันเลย ไม่ได้เทียบกับยาหลอก (ไม่ได้วัคซีน) แต่เปรียบเทียบกันโดยตรงในกลุ่มประชากรเดียวกัน เวลาเดียวกัน ความชุกการระบาดและตัวเชื้อแบบเดียวกัน เปรียบเทียบผลลัพธ์ คือ การเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรก ของทั้งสองยี่ห้อ
การศึกษานี้ยังไม่จบ แต่ตีพิมพ์ข้อมูลเบื้องต้นในวารสาร LANCET ฉบับเมื่อ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ท่านใดสนใจฉบับเต็มไปโหลดอ่านได้ฟรี Lancet 2021; 397: 1646–57 ที่สำคัญงานวิจัยนี้ทำโดยทุนของหน่วยงานวิจัยทางการของสหราชอาณาจักร ไม่ได้มีทุนจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีน
สาระสำคัญที่ผมอยากบอกจากวารสารนี้คือ
1. การศึกษาเก็บเริ่มเก็บข้อมูลปลายเดือนธันวาคมปี 2020 ถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ในเวลาที่ตีพิมพ์ ได้รับวัคซีนไปแล้ว 30% ของจำนวนประชากรที่เข้าศึกษา (ล้านสามจากสี่ล้านสี่) และการศึกษามุ่งเน้นดูประสิทธิภาพหลังฉีดยาเข็มแรก
2. ประสิทธิภาพนั้นคือ การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พบว่าหลังฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วประมาณหนึ่งเดือน ประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ของไฟเซอร์ 91% ส่วนของแอสตร้า 88% ตัวเลขนี้ต่างกันเล็กน้อยและ **ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ**
3. ในการศึกษานี้ กลุ่มคนที่อายุน้อยจะได้รับวัคซีนจากไฟเซอร์มากกว่า (ได้ทั้งสองยี่ห้อนะ แต่สัดส่วนของไฟเซอร์มากกว่า) ส่วนคนอายุมากจะได้ของแอสตร้ามากกว่า และผู้สูงวัยมีโรคร่วมประมาณ 40-70% อีกด้วย
4. แต่ผลการศึกษานี้ไม่ได้ลดลงจากวัคซีนเพียงอย่างเดียว ลดลงจากมีการล็อกดาวน์ในช่วงที่เก็บข้อมูลด้วย แต่อย่างไรก็ดี เมื่อไปเทียบกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีน ก็ยังลดการนอนโรงพยาบาลอย่างชัดเจน **ไม่ว่ายี่ห้อใด**
5. อีกข้อสังเกตคือสัดส่วนของยี่ห้อวัคซีนที่ใช้ในกลุ่มประชากรต่างกัน และเวลาในการให้ของแอสตร้าที่ใช้ช้ากว่าไฟเซอร์สักเล็กน้อย (จากนโยบายและการกระจายวัคซีนในสหราชอาณาจักร)
งานวิจัยยังไม่ยุติครับ ยังคงต้องติดตามผลหลักฐานเชิงประจักษ์ในเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนจากการใช้งานจริง การเปรียบเทียบระหว่างยี่ห้อในสถานการณ์จริง ทั้งจากงานวิจัยนี้และการศึกษาที่กำลังจะออกมาอีกมากมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น