บ้านนอกเข้ากรุง ตามแรงปรารถนาของใจ
อิทธิพลของ social network มันเย้ายวนมาก หลังจากที่ได้เห็นเหล่าบรรดาหนอนหนังสือพากันไปถ่ายรูป B2S think space สาขาเซ็นทรัลชิดลม
B2S สาขานี้ ผมเคยไปเมื่อนานมาแล้ว สมัยไปซื้อ amazon kindle เครื่องแรก ตอนนั้นเขานำเข้ามาเจ้าเดียว ไปลองและซื้อที่นี่ หลังจากนั้นไม่เคยไปเยี่ยมเยือนอีกเลย
มาเมื่อไม่นานมานี้ ทุกคนพากันแชร์ B2S ที่ปรับปรุงใหม่และสวยมาก เมื่อลุงหมอว่าง จึงไปเยี่ยมเยือน
เริ่มด้วยการเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง ตอนนี้จาก กทม. ไปนครราชสีมา มีจำนวนเที่ยวรถที่ลดลงครับ และบริษัทเดินรถก็ลดลงด้วย ก็เป็นไปตามยุคสมัยและภัยเศรษฐกิจ การเดินทางยังปลอดภัยครับ มาตรการต่าง ๆ ครบครัน และการบริการก็ยังดีเสมอ ใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมง รถไม่ติดเลย หรือเพราะมีการเดินทางลดลงจริง ๆ
สถานีขนส่ง ยังสภาพเดิม คือ ไม่ได้ปรับปรุงใด ๆ ขึ้นรถต่อรถได้ยาก น่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้ เฮ้อ... จุดด้อยของประเทศเราจริง ๆ เรื่องการขนส่งสาธารณะ
รถราในกทม. ยังหนาแน่น ยังวุ่นวาย โชคดีที่จุดหมายอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า การเดินทางจึงไม่ยากนัก จากสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ไปยังสถานีปลายทางชิดลม ไม่รู้ว่าราคาแพงไหมนะครับ ผมว่าไม่แพงถ้าเทียบกับเวลาที่ประหยัดและไม่ต้องไปเจอฝุ่นควันบนท้องถนนด้านล่าง แต่ผมก็นานๆครั้ง ใครขึ้นทุกวันไปกลับ ก็ร้อยบาทต่อวัน สามพันต่อเดือน แพงเอาเรื่อง
เช่นเคย คนบนรถเกือบ 100% ก้มหน้า คงมีแต่อีตาหมอชราคนเดียวที่ยืนมองวิวข้างทางรถไฟ ชอบตอนที่รถโค้งผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาก สวยดี
สถานีชิดลมมีคนไม่มากนัก ถึงจะเป็นวันหยุด เมื่อลงมาถึงชานชาลา พบว่าไปไม่ถูก!! เจ้าหน้าที่บีทีเอส ให้ความช่วยเหลือดีมาก บอกอย่างชัดเจนว่า ให้ออกทางออกหมายเลข 5 และบอกด้วยว่า ถ้าร้านอาหารจะอยู่ทางออกหมายเลขสี่มากกว่า.. ใจดีจังเลย
ระหว่างทางไม่ไกลบนชานชาลาจนถึงทางออก ปรากฏมีร้านขายกาแฟแบบรับกลับอยู่ต่อเนื่องเรียงรายถึงหกร้าน ทั้งร้านเครือข่ายชื่อดัง และร้านที่ไม่คุ้นชื่อ (เขาอาจจะดังแต่ผมไม่คุ้นเอง) ผมอดใจไม่ไหวครับ ขอลองกาแฟสดร้านใหม่ดูบ้าง ราคาไม่แพงและรสชาติใช้ได้
มาถึงที่เซ็นทรัล ผมแอบแวะร้านมูจิ เคยอ่านหนังสือเกีายวกับปรัชญาทำร้านของเขาแล้ว รู้สึกทึ่ง จึงแวะมาดู พบสินค้าแบบเรียบง่ายทั่วไป แต่การออกแบบและการบอกเล่าเรื่องราวบนป้ายบอกสินค้า ทำให้ดูเรียบหรูและใช้งานจริง มีสินค้าหลายอย่างที่ออกแบบน่าสนใจ แต่ผมไม่ได้ซื้อสักชิ้น ราคาออกจะสูงสักหน่อย แค่เดินชมอย่างที่เราเคยอ่านในหนังสือ เราก็มีความสุขแล้ว
ไปถึงที่ชั้นหก เดิมทีจะมีร้านอาหารและ B2S.ติดบันไดเลื่อน แต่ตอนนี้ปรับปรุง B2S ย้ายไปอยู่ลึกเข้าไป เด่นชัดจากแสงสว่างและซุ้มหลังคากระจก
จริง ๆ แล้วโซนหนังสือไม่ได้ใหญ่มาก แต่จัดกลุ่มนิยายที่คนกำลังนิยมมาอยู่ตรงซุ้มทางเดิน ใช้กระจกเงาเป็นผนังและหลังคา ทำให้ดูกว้างขวาง สว่างน่าสนใจ เรียกว่าดึงดูดชวนถ่ายรูป และใช้ตรงนี้บรรจุหนังสือที่ดึงดูดมาก คนจึงมารวมกัน มองดูภาพแล้วดูร้านใหญ่ขึ้นมาก
จริง ๆ แล้วคนยังสนใจมาซื้อหนังสือและมีพิมพ์ใหม่ออกมาสัปดาห์ละหลายปกครับ ถ้าร้านหนังสือจัดตัวให้เป็นเพื่อนร่วมอ่าน มีหนังสือหลายหลาย เพิ่มจุดสนใจ ไม่ว่าร้านกาแฟ จุดนั่งอ่าน ที่พักเด็ก หรือบริการเกี่ยวกับความรู้ครบวงจรอื่น ๆ ก็จะเพิ่มความน่าสนใจ อย่าลืมว่าคนที่มาซื้อหนังสือเขาอาจจะพาลูกพาแฟน ที่เขาสนใจเรื่องอื่น ๆ มาด้วย เขาก็จะได้มาด้วยกันได้
หนังสือสาขานี้มีครบ แต่ก็ไม่ได้เยอะมากตามขนาดร้าน มีทั้งหนังสือไทยและเทศ เครื่องเขียนครบ มีปากกาหมึกซึมด้วยแหละค่า สมุดหลากหลายชนิดทั้งแบบทำมือ แบบแบรนด์ดัง อุปกรณ์ศิลปะ
เช่นเคยที่นี่ขายอีบุ๊กรีดเดอร์ครับ มียี่ห้อ Boox ให้ลองเล่นได้ ผมลองอ่าน pdf ก็พบว่าใช้ได้ดีเหมือนกันครับ อยากได้แต่ของเดิมยังใช้ได้ดี ก็รอไปก่อนแล้วกัน
รู้สึกยินดี ที่ร้านหนังสือมีพัฒนาการตามเวลา ปรับตามยุคสมัย ผมเชื่อว่าหนังสือเล่มยังไม่ตาย ไม่มีวันตายด้วย ผู้คนยังโหยหาหนังสือเล่มอยู่ตลอด แม้จะมีอีบุ๊กให้ความสะดวก แต่หนังสือเล่มคือสิ่งทึ่เป็นอมตะตลอดกาล
หลงเวลาในนี้มากเลยครับ ช่วงเที่ยงก็แวะไปอาคารตรงข้าม ตรงประตูทางออกบีทีเอสหมายเลข 4 จำชื่ออาคารไม่ได้ แต่ในนี้มีร้านอาหารหลายร้านครับ ผมไม่รู้จักร้านราคาไม่แพงหรือฟู้ดคอร์ทแถวนี้ ก็ไปเจ้าร้านอาหารจานเดียวร้านหนึ่ง จานละ 145 บาทครับ รู้สึกว่าถ้าตัวเองต้องมาอยู่กทม. คงต้องทำอาชีพเสริมอย่างแน่นอน ค่าครองชีพสูงมาก
ผมแวะไปที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์ เดินไปไม่ไกลโดยสกายวอร์ก แถมรู้สึกสวยงามมาก เพราะสาว ๆ กทม.แต่งตัวสวยจริง ๆ 555
นาน ๆ ทีมาที่กทม.สักครั้ง และแวะไปร้านเอเชียบุ๊ก คิโนคุนิยะ และแวะร้าน NADZ project ไปสูดกลิ่นหนังสือ เดินเปิดหนังสือเรื่อยเอื่อย เสน่ห์ร้านหนังสืออยู่ตรงนี้แหละ คือเราได้พบหนังสือดี ๆ ที่น่าสนใจรายรอบตัว ทำให้สายตาเราไกลไปกว่าหนังสือที่เราหมายตา ได้รู้จักปกใหม่ นักเขียนใหม่ และผู้คนที่ชื่มชมการอ่าน เดินด้วยเป้าหมายเดียวกับเราโดยที่ไม่รู้จักกัน แต่ก็รับรู้ได้ถึงความเป็นคนอ่านหนังสือของเขาเหล่านั้นเป็นอย่างดี (ผมนี่คงอินโทรเวิร์ตสุดขั้ว)
ไม่ได้ซื้อกลับไปมาก เพราะเดินทางลำบาก หยิบติดมือมาสามสี่เล่ม แวะดื่มกาแฟอีกแก้ว นึกในใจว่าคนกทม. แม้ต้องลำบากในการใช้ชีวิตหลายอย่าง แต่ถ้าคิดอยากจะหาสุนทรียะและความสุข คุณสามารถหาได้ไม่ยากเลยครับ ขนาดหมอบ้านนอกอย่างผมยังหาเจอ รับรองว่าคุณหาเจอแน่นอนครับ
ลาก่อน มหานครกรุงเทพ คงอีกนานมากกว่าเราจะได้พบกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น