ผื่นที่มือ แอบคิดถึงซิฟิลิสสักนิด
ปัจจุบันโรคซิฟิลิสที่เคยพบลดลงในอดีต กลับมาพบมากขึ้นพร้อมกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกหลายอย่าง ภาพนี้เป็นภาพมือผู้ป่วยรายหนึ่ง ความจริงเขาได้รับการส่งตัวมาปรึกษาเรื่องอื่น แต่เมื่อซักประวัติอาการตามระบบแล้วพบว่ามีผื่นแบบนี้ขึ้นที่มือมาห้าหกวัน ด้วยความที่มันไม่เจ็บไม่ปวดไม่คัน จึงไม่ได้รู้สึกผิดปกติมากมายนัก พอถามว่ามีผื่นแบบนี้ที่บริเวณใดอีกไหม ก็พบที่ลำตัว ขาและฝ่าเท้า ผู้ป่วยจำไม่ได้ว่าเคยมีแผลที่อวัยวะเพศหรือแผลในปากหรือไม่ และเมื่อถามถึงประวัติเพศสัมพันธ์ (สำหรับน้อง ๆเรื่องนี้ต้องแยกถามเป็นส่วนตัวนะครับ) ก็เป็นอย่างที่คิด
ซิฟิลิสที่เราเคยรู้จักว่ามีแผลที่อวัยวะเพศ นั่นคือ primary syphilis แต่เมื่อผ่านพ้นไปสักเดือน ผื่นแผลที่อวัยวะเพศหายไป ก็อาจจะมีอาการตามระบบอื่นตามมาได้ (secondary syphilis)โดยเฉพาะผื่นตามตัวโดยเฉพาะที่ฝ่ามือฝ่าเท้าแบบนี้ ลักษณะมักเป็นผื่นนูน สีแดงถึงสีม่วง กระจายเป็นจุด ๆ เจ็บและคันเล็กน้อย ขนาดประมาณครึ่งเซนติเมตร มันก็มีอีกหลายโรคที่มีผื่นที่มือ ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง ไข้ไวรัสออกผื่นต่าง ๆ แต่เมื่อไรเห็นผื่นที่มือแบบนี้ สิ่งที่ต้องคิดไว้หนึ่งอย่างคือ ซิฟิลิส
ผู้ป่วยรายนี้ส่งตรวจคัดกรอง VDRL ผลบวก คือมีความไวสูงมากผู้ป่วยซิฟิลิส 95-100% จะมีผลบวกนี้ แต่โรคอื่นก็มีได้บ้างและระดับอาจลดลงเมื่อเวลานานไป ดังนั้นจึงต้องตรวจยืนยันโดยการตรวจ TPHA ผลออกมาเป็นบวกเช่นกัน สังเกตว่าใช้ "วิธี" ต่างกันนะครับ คัดกรองกับยืนยัน ก็สรุปว่าเป็นซิฟิลิส
การรักษาซิฟิลิสมีประเด็นอีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้การรักษาซิฟิลิสนั้นยังใช้ยาหลักที่ยังใช้ได้ดีคือ penicillin ชนิดฉีดเข้ากล้าม หากคนแพ้ยาก็จะใช้ยา doxycycline แทน ประสิทธิภาพการรักษาของยาทั้งสองนั้นดีมาก สำหรับคนที่ได้รับการรักษาด้วยเพนิซิลลิน จะต้องพักดูอาการหลังฉีดยาประมาณหนึ่งชั่วโมงเพราะอาจเกิดปฏิกิริยานี้หลังฉีดได้คือ Jarisch-Herxheimer reaction (อ่านว่า ยาริสต เฮิรกซไฮมเมอร์ นะครับ)
คือปฏิกิริยาอันเกิดจากยาไปทำลายเชื้อโรคโดยเฉพาะพบบ่อยในเจ้าเชื้อแบคทีเรียตัวเกลียวที่เกิดโรคซิฟิลิสนี่แหละ (Treponema pallidum) เพราะผนังเซลล์และเยื่อหุ้มเซลล์ถูกทำลาย สารพิษในเซลล์จึงออกมา ทำให้เกิดปฏิกิริยาในร่างกาย ไม่ใช่แพ้ยา ไม่ใช่โรคแย่ลง อาจมีไข้ ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว เหนื่อย วูบวาบ ปวดเมื่อย อาการเป็นเองหายเอง สามารถแก้ไขได้ดีโดยใช้ยา NSAIDs หรือบางคนให้ก่อนให้ยาก็มี
คือปฏิกิริยาอันเกิดจากยาไปทำลายเชื้อโรคโดยเฉพาะพบบ่อยในเจ้าเชื้อแบคทีเรียตัวเกลียวที่เกิดโรคซิฟิลิสนี่แหละ (Treponema pallidum) เพราะผนังเซลล์และเยื่อหุ้มเซลล์ถูกทำลาย สารพิษในเซลล์จึงออกมา ทำให้เกิดปฏิกิริยาในร่างกาย ไม่ใช่แพ้ยา ไม่ใช่โรคแย่ลง อาจมีไข้ ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว เหนื่อย วูบวาบ ปวดเมื่อย อาการเป็นเองหายเอง สามารถแก้ไขได้ดีโดยใช้ยา NSAIDs หรือบางคนให้ก่อนให้ยาก็มี
Adolf Jarish แพทย์ผิวหนังชาวออสเตรียและ Karl Herxheimer แพทย์ผิวหนังชาวเยอรมันเชื้อชาติยิว เป็นสองผู้ค้นพบปฏิกิริยานี้ หลังให้การรักษาผู้ป่วยซิฟิลิสด้วยสารปรอท และยาซัลฟาตัวแรก salvarsan ในปี 1902 น่าเสียดายที่ Karl Herxheimer เสียชีวิตในค่ายกักกันนาซี Terezin ในเชคโกสโลวะเกียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น