ต่อเนื่องเป็นตอนที่สาม สำหรับ การลักขโมยศพเพื่อการศึกษา เนื่องจากว่าความต้องการการใช้ศพมันพุ่งสูงมาก คราวนี้จึงไม่ใช่แค่ขโมยศพ แต่เป็นการฆาตกรรม
ปี 1825 ที่เมืองเอดินเบรอะระห์ ประเทศสก็อตแลนด์ในปัจจุบัน ต้องบอกว่าประเทศสก็อตเป็นตักศิลาการศึกษานะครับ จากยุคกลางมาแล้วแทบไม่รบกับใคร ทำมาค้าขาย พัฒนาศิลปวิทยาการจนเป็นหนึ่งในโลกสำหรับยุคศตวรรษที่ 17 และ 18 วิชาแพทย์ก็เช่นกัน
ที่เมืองนั้น Knox's anatomy school ถือว่าชื่อดัง การเรียนวิชากายวิภาคและศัลยศาสตร์ที่นี่ ถือว่าเป็นท้อปแห่งหนึ่งเลย เขาได้อุปกรณ์การเรียนจากที่ใด
William Burke และ William Hare สองหนุ่มที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็มีอาชีพนัดขุดศพ ให้กับโรงเรียนต่างๆ แต่อย่างที่เล่าให้ฟังตอนที่แล้ว คนเริ่มหวาดกลัวการไม่มีตัวตนและขาดแขนขาเมื่อไปภพหน้า โลงศพที่แข็งแรง ทำด้วยเหล็กมีกรงกั้น เริ่มแพร่หลาย การจะนำศพมาส่งเริ่มยากขึ้น สองคนนี้จึงคิด ..สร้างศพขึ้นมาเอง
เบิร์คและแฮร์ เริ่มสังหารคนที่เร่ร่อน ไร้ที่อยู่ หญิงโสเภณี คนที่พวกเขาคิดว่าคงไม่มีใครมาตามหาหากหายไป ทั้งสองใช้วิธีมอมเหล้าให้เมา แล้วใช้หมอนกดใบหน้าให้ขาดอากาศจนเสียชีวิต สินค้าก็จะสมบูรณ์ ไร้รอยตำหนิ เมื่อทั้งสองบบรจุสินค้าลงหีบห่อแล้ว ก็จะรีบไปส่งที่โรงเรียนทันที
แน่นอนล่ะ วิน-วิน คนขายอยากขาย คนซื้ออยากซื้อ สินค้าก็ไม่มีใครมาสนใจว่ามีต้นตอจากที่ใด ผ่านไปถึงสิบห้าราย
จนมาถึงรายที่สิบหก หญิงชราชื่อ Mary Docherty ตกเป็นเหยื่อของเบิร์คและแฮร์ในคืนวันที่ 31 ตุลาคม 1828 ... อ่านอีกครั้ง 31 ตุลาคม วันฮาโลวีน ... เหตุการณ์คงไม่ผิดไปจากเดิมนักหากวันนี้ไม่ใช่ฮาโลวีน ปีศาจยังทนไม่ไหวกับฆาตกรสองคนนี้ เรื่องจึงแดง
งานเลี้ยงฮาโลวีนที่บ้านคืนนั้น ทั้งคู่เมาและบอกแขกเหรื่อว่า อย่าไปเข้าใกล้เตียงของเบิร์คนะ และแน่นอน มันคือคำเชื้อเชิญดีๆนี่เอง ทั่งหมดทราบว่ามีศพซ่อนอยู่ใต้เตียงของเบิร์ค ทั่งคู่รีบจะทำลายหลักฐานโดยนำศพส่งไปที่โรงเรียน แต่ว่าสายไป ตำรวจมารวบตัวไปได้เสียก่อน
การตัดสินพิจารณาคดีไปจนสิ้นสุด เบิร์คถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนแฮร์กลับคำให้การและให้การเป็นประโยชน์ในชั้นศาล ได้รับการคุ้มกันเป็นพยาน แฮร์ไม่ตาย การประหารชีวิตเบิร์คทำกลางตลาด กลางเมือง ในเดือนมกราคมปี 1829 สามเดือนหลังถูกจับช่างเป็นการพิจารณาคดีที่เร็วมากๆ ในปี 1829 การประหารชีวิตใช้การแขวนคอ
หลังจากที่ถูกแขวนคอ เขาก็ถูกกำหนดให้นำศพไปชำแหละเพื่อการศึกษาเหมือนกับนักโทษทั่วไปและในฐานะที่เบิร์คเป็นอาชญกรคดีสะเทือนขวัญ เขาถูกทำ deathmask หน้ากากแห่งมรณะ ที่จะพิมพ์หน้าของผู้ตายเอาไว้ หน้ากากนี้ยังตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งเอดินเบอระ ประเทศสก็อตแลนด์
คนที่ทำการชำแหละคือ ศาสตราจารย์ Alexander Monro tertius ศาสตราจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคแห่งมหาวิทยาลัยเอดินเบอระห์ ...แหล่งข้อมูลหลายอันที่พบอ่านมานี้บอกว่าโรงเรียนนี้ก็อาจเป็นอีกแหล่งที่เป็นลูกค้าในการซื้อสินค้าของ เบิร์ค !!
นั่นยังไม่พอ ที่พิพิธภัณฑ์ยังมีสมุดเล่มหนึ่ง ที่จัดแสดงไว้ว่าสมุดเล่มนี้ ใช้ผิวหนังของเบิร์คหลังจากตายแล้วมาห่อหุ้มเอาไว้ เพื่อเป็นเครื่องหมายถึงอาชญากรรมที่เหี้ยมโหดในครั้งนั้น ใครไปที่พิพิธภัณฑ์นี้ก็อาจซื้อสมุดจำลองที่มีข้อความแบบนี้ รูปร่าวแบบนี้มาเป็นที่ระลึกได้นะ แต่ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่เอาด้วย ขอใช้ moleskine ต่อไปดีกว่า
หลังจากคดีนี้ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงในวงการขุดศพ ขโมยร่าง เพราะทางรัฐเห็นปัญหาแล้ว (16 ศพผ่านไปแล้ว) ก็ได้อนุโลมการหาศพมาเรียนมากขึ้น สามปีให้หลังก็มีการผ่านกฎหมายว่า ศพที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาล คุก สถานปฏิบัติการการกุศล บ้านพักคนอนาถา จะให้เป็นเครื่องมือในการเรียน ถ้าไม่มีคำสั่งจากคนตายให้จัดการอย่างอื่นหรือไม่มีญาติมาคัดค้านใน 48 ชั่วโมง
และก่อให้เกิดตำราภาพกายวิภาคเล่มหนึ่งขึ้น เพราะต้องการใช้ใช้เป็นมาตรฐานในการเรียนจะได้ไม่เกิดโศกนาฏกรรมเศร้าแบบนี้อีก นั่นคือ Gray's Anatomy พิมพ์ครั้งแรกปี 1858 และยังใช้ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
จบบริบูรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น