เริมที่อวัยวะเพศ
1. โรคเริมเป็นโรคติดเชื้ออวัยวะเพศจากการสัมผัส ก็คือการมีเพศสัมพันธ์นั่นเอง โรคนี้เมื่อติดเชื้อแล้วจะไม่หายขาด เพียงแค่รักษาแล้วโรคสงบและกลับมาเป็นใหม่ได้ในกรณีกำเริบหรือได้รับเชื้อซ้ำ
2. โรคเริมที่อวัยวะเพศมักจะเกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ชนิดที่สอง แต่ปัจจุบันเกิดได้จากทั้งชนิดที่สองและชนิดที่หนึ่งที่เดิมมักเกิดที่ปาก และสามารถติดต่อได้ทุกช่องทางการมีเพศสัมพันธ์ ที่ปาก ที่ลิ้น ที่นิ้ว ที่อวัยวะเพศ ที่ทวารหนัก
3. ส่วนมากการติดเชื้อครั้งแรกจะมีอาการแสบคัน แดง บวม ตามมาด้วยตุ่มใสเป็นกลุ่ม และแตกออก ถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำซ้อนสามารถหายเองได้ ใน 7-10 วันแต่การติดเชื้อครั้งหลังหรือโรคกำเริบ มักจะไม่มีอาการ หรืออาการน้อย ถ้าไม่ตั้งใจดูและหา อาจจะไม่เห็นเลย
4. แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ อาจติดเชื้อลุกลามรุนแรง หรือติดเชื้อไปยังอวัยวะอื่นเช่นเยื่อหุ้มสมอง ในบางกรณี คนไข้ที่เคยเป็นเริม ภูมิคุ้มกันไม่ดี และมีโอกาสเกิดซ้ำ คุณหมออาจจะให้ยาต้านไวรัสเพื่อกดไวรัส ลดการเกิดซ้ำ
5. ปัจจุบันเราจะตรวจโดยป้ายแผลไปหาสารพันธุกรรมของเชื้อเฮอร์ปีส์ ส่วนการตรวจระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อมีความไวและความจำเพาะไม่ดีพอ ทั้งสองวิธีนี้อาจทำได้ไม่ทุกที่ การวินิจฉัยหลักจึงยังเป็นประวัติและการตรวจร่างกาย
6. การใช้ยาต้านไวรัสเพื่อรักษา ไม่ทำให้หายขาด แต่ทำเพื่อลดอาการและลดโอกาสเกิดซ้ำ ยาต้านไวรัสทุกตัวมีประสิทธิภาพพอกัน จะเลือกใช้ต่างกันที่วิธีกิน และ ราคายา ส่วนยาทาต้านไวรัสมีประสิทธิภาพต่ำ ไม่ค่อยได้ช่วยรักษามากนัก
7. การรักษาการติดเชื้อครั้งแรกจะกินยา 10 วันหรืออาจขยายเป็น 14 วันถ้ายังเป็นมาก ร่วมกับการดูแลทำความสะอาดแผลและจุดซ่อนเร้นให้ดี ยาที่ใช้คือ valacyclovir, acyclovir, famciclovir ในท้องตลาดยา acyclovir หาง่ายและราคาถูก จึงนิยมมากกว่า ข้อเสียคือ อาจต้องกินวันละหลายครั้ง
8. สำหรับการติดเชื้อซ้ำ ก็ให้ยาเหมือนกัน แต่ส่วนมากจะลดระยะเวลาการให้เหลือ 5 วัน (ครึ่งหนึ่งของการติดเชื้อครั้งแรก) หรือการบริหารยาบางชนิดก็ย่นระยะเวลาลง เช่น valacyclovir ขนาด 500 มิลลิกรัมวันละสองครั้งเป็นเวลาสามวัน
9. หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศต้องรีบรักษา หรือถ้าเป็นซ้ำบ่อย ๆ มาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ อาจพิจารณากินยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันไว้ก่อน ในระยะก่อนคลอด อันนี้ให้ปรึกษาแพทย์เสมอ
10. การใช้ถุงยางอนามัยช่วยลดการเกิดเริมได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเพศสัมพันธ์ระหว่างชาย แต่อาจไม่ค่อยช่วยนักในเพศสัมพันธ์หญิงชาย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องใช้เพราะกันโรคอื่นได้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น