ในมุมมองของผม กับ โอมิครอน
ผ่านมานานหลายสัปดาห์กับไวรัส SARs-CoV2 สายพันธุ์โอมิครอน มีข่าวสารออกมามากมายเกี่ยวกับไวรัสนี้ หลายคนก็หลายความเห็น ผมเองก็ตามอ่านทั้งข่าวในประเทศ ต่างประเทศ วารสาร คลิปเว็บวิชาการต่าง ๆ ก็ขอเล่าในมุมมองของผมบ้างแล้วกัน
🔴🔴ความรุนแรง … แม้ว่าตอนนี้รายงานผู้ป่วยรุนแรงจะไม่เยอะ ผมคิดว่าอาจจะเร็วไปที่บอกว่ามัน 'ไม่รุนแรง' เพราะปริมาณการติดเชื้อที่พิสูจน์แล้ว ยังมีไม่มากพอ ยังคงต้องเก็บข้อมูลต่อไปในหลายประเทศ หลายกลุ่มอายุ หลายสภาพคนไข้
และการระบาดตอนนี้ เกิดในสถานการณ์เท่าเรารับวัคซีนกันปริมาณมากพอสมควร นั่นจะส่งผลต่อ ความรุนแรงของโควิดทุกสายพันธุ์ มันจะต่างจากสายพันธุ์แรก ๆ ที่ปริมาณการฉีดวัคซีนเราไม่มาก
ในเหตุผลเดียวกัน ประสบการณ์การรับมือผู้ป่วย การคัดแยก การรักษา เราทำได้ดีกว่าเดิม ครั้นจะมาเปรียบเทียบโอมิครอน กับการระบาดของแอลฟ่า เบต้า เดลต้า ที่ประสบการณ์ของเรายังไม่มาก ข้อมูลยังไม่ดี จะเปรียบเทียบไม่ได้ครับ
แต่สุดท้ายหากจำนวนการติดเชื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ เราจะเห็นผู้ป่วยรุนแรงมากขึ้น ตามสัดส่วนตามคณิตศาสตร์ครับ
🔴🔴การระบาด ข้อมูลปัจจุบันบ่งชี้ว่าตัวเลขความเร็วการระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นในเวลาเท่ากัน อันนี้ผมคิดว่าจริง แต่ว่าต้องคิดจากสถานการณ์ที่ต่างกันด้วย
โอมิครอนเริ่มมาในเวลาที่เราเริ่ม 'ปลดล็อก' เรียกว่าเราเริ่มการ์ดตก แน่นอนก็ต้องระบาดเร็วแน่ในช่วงแรก แต่ด้วยประสบการณ์การรับมือการระบาด น่าจะชลอการระบาดได้ในเร็ววัน ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป หากมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ก็อาจจะเห็นตัวเลขที่ชลอตัวลง
แต่คิดในทางตรงข้าม ในขณะที่เรายังไม่สามารถระบุสายพันธุ์โอมิครอนได้อย่างรวดเร็วเหมือนสายพันธุ์อดีต ก็อาจเป็นได้ว่าตอนนี้อาจจะระบาดมากมาย แต่ไม่รุนแรงก็เป็นได้ อันนี้จะมีข้อจำกัดเรื่องความสามารถของการตรวจแยกเชื้อด้วย
ในเรื่องการระบาดนี้ ต้องติดตามข้อมูลต่อไป
🔴🔴 ข้อมูลทันสมัย เนื่องจากโอมิครอนออกมาทีหลัง ออกมาหลังจากมีมาตรการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์เชิงรุกของนานาชาติ ทำให้เราตรวจจับและมีมาตรการต่อโอมิครอนได้เร็วมาก รวมไปถึงการปรับวัคซีนที่อาจต้องทำในอนาคต (ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าจะต้องปรับสายพานการผลิตวัคซีนแต่อย่างใด)
ข้อมูลที่ผมสังเกตในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มาจากผู้เชี่ยวชาญ (expert opinion) จริงล่ะ เขาเก่งและประสบการณ์สูง แต่ในทางการวิจัย ทางการแพทย์ เราจัดลำดับ expert opinion ไม่สูงนัก เราเชื่อในข้อมูลเชิงประจักษ์มากกว่า ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมและเรียบเรียง ดังนั้น เราฟังเอาไว้ก่อน แต่อย่าเพิ่งเชื่อเต็มที่ครับ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ ทำให้เราสามารถใข้ข้อมูลการระบาดก่อนหน้านี้ มาประยุกต์กับโอมิครอน ออกมาเป็น...แนวโน้ม, โอกาส, ความน่าจะเป็น, โมเดลต่าง ๆ แบบดีสุดแย่สุด ขอบอกว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ยากเลยในมือนักวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ แต่อย่าลืม มันถูกออกแบบมาเพื่อพยากรณ์และเฝ้าระวัง ไม่ใช่ออกมาให้ตกใจหรือหวาดกลัว
สรุป การรับฟังข่าวสารต้องมีสติครับ
🔴🔴วัคซีนจะรับมือได้ไหม แม้จะมีผลการศึกษาเรื่องระดับภูมิคุ้มกัน ในการทำลายเชื้อโอมิครอนในหลอดทดลองออกมา ว่ามีโอกาสหลุดรอดวัคซีนได้ แต่แน่นอน ตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต มันต้องพัฒนาตัวให้รอด เมื่อมีเชื้อใหม่ โอกาสที่มันจะหลุดรอดวัคซีนย่อมเพิ่มสูง
แต่นั่นเป็นข้อมูลเบื้องต้นจากการทดลอง ยังไม่สามารถแปลผลไปถึง ประสิทธิผลของวัคซีนทั้งที่ฉีดไปแล้ว และกำลังจะฉีด ว่าจะสู้โอมิครอนไม่ได้ อีกอย่าง ปริมาณผู้ติดเชื้อโอมิครอนก็ยังน้อยเกินกว่าจะประเมินเรื่องประสิทธิผลได้ครับ
ตอนนี้ทางผู้ผลิตวัคซีนกำลังเร่งศึกษา คิดว่าข้อมูลไม่น่าจะนาน เพราะทุกคนคาดเดาไว้แล้วล่ะว่า อีกไม่นานต้องมีการกลายพันธุ์ และจะศึกษาอย่างไร มันจะเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น
ตอนนี้ยังใช้วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ต่อไปครับ
🔴🔴 ทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้ยังไม่มีสิ่งใด ข้อมูลใด ๆ มาแย้งหลักฐานการป้องกันและรักษาเชื้อโรคเท่าที่เราเคยมีมากเลย ไม่ว่าจะเป็น การล้างมือ การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย การตรวจคัดกรองเมื่อเสี่ยงและแยกโรคโดยเร็ว การรับการรักษาอย่างทันท่วงมี และการรับวัคซีนอย่างถ้วนทั่ว
เราก็ทำตัวต่อไป อย่างเดิม (ที่ควรระวังต่อไป) อย่าประมาท จนกว่าสถานการณ์โรคโควิดจะน่าไว้วางใจ และข้อมูลโอมิครอนมีมากกว่านี้
🔴🔴ฟันธงอนาคตโอมิครอนอย่างไร ไม่ฟันธงครับ กลัวหน้าแหก และไม่ควรฟันธงด้วยการคาดเดาจากข้อมูลที่ยังไม่ครบถ้วน ณ เวลานี้ แต่ถ้าจะให้ฟันธงก็บอกได้เพียงข้อเดียว
ฤดูกาลนี้ 2021-2022 ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างแน่นอนครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น