มาบอกเล่า ผลข้างเคียงของยามหาเสน่ห์แห่งยุค
ยาลดน้ำตาล ยารักษาโรคหัวใจล้มเหลว SGLT2 inhibitor หรือ -gliflozin ทั้งหลาย มีบทพิสูจน์อันเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ในผู้ที่มีข้อบ่งชี้นั้น ประโยชน์สูงมากจริง ๆ แต่ไม่ว่าการใช้ยาใดก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ทั้งสิ้น
ผลข้างเคียงที่เรามักจะจดจำกันได้สำหรับยานี้คือ ติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ เลือดเป็นกรด เพิ่มโอกาสถูกตัดนิ้วเท้าหรือตัดเท้า และมีโอกาสไตบาดเจ็บถ้ามีอาการขาดน้ำ อีกหนึ่งผลข้างเคียงที่ในตำราและแนวทางกล่าวไว้คือ อาการขาดน้ำ (volume depletion)
ด้วยตัวยาเพิ่มการขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ จะมีผลทำให้ปัสสาวะบ่อยมาก หากผู้ป่วยมีโอกาสเกิดการขาดน้ำอยู่แล้วเช่น รับยาขับปัสสาวะ หรือเป็นผู้สูงวัยกินน้อย ๆ น้ำหนักน้อย ๆ จะมีโอกาสขาดน้ำได้
มีผู้ป่วยหญิงอายุ 68 ปี น้ำหนักตัวน้อย ได้รับยา gliflozin ตัวหนึ่ง แล้วมีอาการวิงเวียนบ่อย ๆ หลังจากได้รับยา พร้อมกับปัสสาวะบ่อยขึ้นมาก ผู้ป่วยเข้าใจว่าเป็นเพราะยังควบคุมเบาหวานได้ไม่ดี จึงไม่ได้ไปปรึกษาแพทย์ มีอาการหลายครั้งเข้าก็ไปหาหมอที่คลินิก ได้รับการวินิจฉัยวิงเวียน ได้ยาแก้วิงเวียนมากิน อาการยังเท่า ๆ เดิม วันหนึ่งมีอาการวิงเวียนเหมือนจะเป็นลมเวลาลุกนั่ง เมื่อมาโรงพยาบาลก็หาสาเหตุต่าง ๆ ก็ไม่มีอะไรอธิบายอาการ ระดับน้ำตาลก็ปรกติดี ยกเว้นวัดความดันโลหิตท่ายืนท่านั่งที่ต่างกัน
หลังจากปรับเปลี่ยนยา gliflozin ออกไป ผู้ป่วยไม่มีอาการปัสสาวะบ่อย อาการวิงเวียนหายไป ผู้ป่วยรู้สึกมีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น ญาติไม่ต้องกังวลกับอาการของผู้ป่วย จึงกลับไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ตามเดิม
เมื่อแนะนำประโยชน์และผลข้างเคียงของยา gliflozin อีกครั้ง ผู้ป่วยขอเลือกที่จะไม่รับยานี้ ขอติดตามอาการต่อไปก่อน
การรักษาใด ๆ นอกจากประโยชน์และโทษจากยาหรือการรักษาแล้ว ต้องคำนึงถึงว่าเข้าได้กับวิถีชีวิตหรือส่งผลต่อชีวิตในมิติอื่นหรือไม่ ที่สำคัญ คงต้องร่วมกันคิดร่วมกันตัดสินใจกับผู้ป่วย ทบทวนการเปลี่ยนแปลงและการรักษาเป็นระยะ ปรับให้ทันตามภาวะโรค และภาวะ "ที่แท้จริง"แห่งตัวผู้ป่วย
"optimize better than maximize"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น