สรุปแนวคิดเรื่องการลดความเสี่ยง ว่าทำไมเราต้องลดความเสี่ยงในอนาคต
สรุปว่ายาทั้งสองตัว สามารถลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคไตจากเบาหวาน ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือด ได้มากกว่าการรักษามาตรฐานที่มีอยู่เดิม จึงสามารถใช้ยานี้เพื่อประโยชน์ลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นหลักครับ
แม้ประสิทธิภาพการลดน้ำตาลจะค่อนข้างดีเช่นกัน แต่ก็จะมองเป็นการรักษาร่วมหรือผลที่ได้ร่วมด้วยมากกว่า (อันนี้คือแนวคิดของหมออเมริกานะครับ) ส่วนตัวผมนั้น มองเป็นประเด็นสำคัญทั้งคู่
ถึงแม้ราคายาที่สูง แต่การรักษาผลแทรกซ้อนของโรคนั้นราคาสูงกว่า ทำให้ทางประเทศที่เขาต้องจ่ายเงินมหาศาลในการรักษาโรคแทรกซ้อน เขาทนไม่ไหว ออกมาศึกษาเรื่องเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขเรื่องความคุ้มค่า ก็ปรากฏว่าถึงแม้จะใช้ยาแพงแต่ถ้าป้องกันการเกิดโรคแทรกที่ทั้งเสียเงินมากกว่า เสียเวลารักษานานกว่า และที่สำคัญคือเสียทรัพยากรบุคคล เขาเลยมองว่าคุ้มกว่า ส่วนในประเทศของเราคงจะต้องมีการศึกษาเพื่อวัดความคุ้มค่าคุ้มทุนของการรักษาด้วยยาราคาแพง ว่าคุ้มกับสถานการณ์บ้านเราไหม
สุดท้ายแล้ว จะต้องคุยและปรึกษา ถึงเป้าหมายการรักษา การให้ยา ผลข้างเคียง และราคาของยาครับ เพราะยาทุกตัวยังราคาสูงมาก เกือบร้อยเท่าของยา metformin
*** สิ่งนี้สำคัญ ***
การใช้ยารักษาโรคเรื้อรังในปัจจุบัน เราเปลี่ยนแนวคิดไปหมดแล้วนะครับ ไม่ได้ให้ยาเพื่อควบคุมโรคในปัจจุบันให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่เล็งเห็นผลถึงการลดอันตรายที่จะเกิดในภายภาคหน้าอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด หัวใจล้มเหลว ไตเสื่อม ถุงลมโป่งพอง ข้ออักเสบรูมาตอยด์ เอชไอวี ล้วนแต่ตั้งเป้าลดโอกาสเกิดโรคแทรก ลดอัตราการเสียชีวิต ที่ทำให้เกิดความสูญเสียทางทรัพยากร เศรษฐกิจ สังคม และที่สำคัญคือทรัพยากรบุคคล มากกว่าที่ลงทุนรักษาในวันนี้ทั้งนั้นครับ
การรักษาจะไม่สำเร็จเลย ถ้าคนไข้และหมอ ไม่มีความเห็นไปในทางร่วมกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น