เรื่องราวของลิ่มเลือดดำอุดตันในสมอง กับวัคซีนโควิดเข็มเดียวของจอห์นสัน
วัคซีนของจอห์นสัน ถือเป็นวัคซีนชุดแรก ๆ ที่องค์การอาหารและยาสหรัฐรับรองให้ใช้ (ก่อนโมเดอนาเสียอีก) แต่เมื่อหลังจากฉีดไปกลับมีรายงานโรคลิ่มเลือดดำอุดตันเกิดขึ้น เป็นลิ่มเลือดดำอุดตันหลายตำแหน่งต่างกัน
หากนับจำนวนคนที่เกิดลิ่มเลือดดำอุดตันนั้น นับว่ายังน้อยมาก และอุบัติการณ์ที่เกิดก็ยังต่ำกว่าลิ่มเลือดดำที่เกิดในเวลาปกติก่อนจะฉีดวัคซีน จึงสามารถฉีดต่อไปจากประโยชน์ที่มากกว่าโทษชัดเจน จนกระทั่ง 13 เมษายน องค์การอาหารและยาสหรัฐได้ประกาศหยุดการฉีดวัคซีนตัวนี้ 'ชั่วคราว'เพื่อสืบสวนหาเหตุข้างเคียงอันหนึ่งที่กระทบในวงกว้าง ลิ่มเลือดดำอุดตันในโพรงเลือดดำสมอง จำนวน 6 ราย (cerebral venous sinus thrombosis)
ผลการศึกษาเรื่องนี้ลงตีพิมพ์ในวารสาร JAMA เมื่อวันที่ 30 เมษายน หลังจากที่คณะกรรมการอิสระได้สืบค้นหาเหตุและส่งข้อมูลให้องค์การอาหารและยาพิจารณาใช้วัคซีนต่อหรือไม่
ผลการศึกษาวิเคราะห์ผู้ป่วย 12 ราย (6รายก่อนระงับชั่วคราว และอีก 6 รายหลังระงับใช้ชั่วคราว)
ตัวเลขตอนนั้นคือ 6 รายต่อวัคซีนที่ฉีด 7 ล้านราย ต่อมาเก็บเพิ่มอีก 6 ราย เป็น 12 รายที่พบผลที่น่าสนใจดังนี้ (หลังเครื่องหมายดอลล่าร์ คือคำอธิบายเพิ่มเติมของผมเอง)
1. 7 รายนั้นมีความเสี่ยงโรค CVST อยู่แล้วในหลายข้อความเสี่ยง $ความเสี่ยงสำคัญคือการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด และก็พบในกลุ่มนี้ด้วย$
2. ทั้งหมดอายุน้อยกว่า 60 ปีและเป็นหญิง $ทำให้มีคำแนะนำการใช้วัคซีนในคนอายุมากกว่า 60 ปี ในช่วงเวลาหนึ่ง$
3. ทั้งหมดพบ แอนติบอดีที่ชื่อ PF4 ที่พบในโรค heparin induced thrombocytopenia (HIT)ที่เป็นโรคที่เรารู้จัก เราจึงสมมติฐานว่ากลไกการเกิดน่าจะคล้ายกัน แถมผลที่ออกมาผู้ป่วย 12 รายนี้นอกจากพบแอนติบอดี ยังพบเกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000 อีกด้วย ซึ่งเหมือนกับโรค HIT
4. แต่ก็ไม่ได้เหมือนทั้งหมด เพราะ antibody ที่พบไม่ได้แสดงว่าทำให้เกิดปัญหา (ด้วยการตรวจ functional assays) $พบจริง แต่ตัวที่พบยังไม่แสดงให้เห็นว่าก่อโรค$ จึงอาจพูดได้เพียงว่า อาจจะมีกลไกคล้ายกันเท่านั้น
5. ปัญหานี้เราพบเหมือนวัคซีนของแอสตร้าเช่นกัน ด้วยความที่เป็นไวรัสเวกเตอร์เหมือนกัน จึงเชื่อว่าน่าจะเกิดจากชิ้นส่วนของไวรัสเวกเตอร์ไปกระตุ้นให้เกิดโรค $แต่ข้อสันนิษฐานนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะต่อมาก็พบจากไฟเซอร์ โมเดอนา เช่นกันทั้ง ๆ ที่เป็นวัคซีนคนละอย่าง$
6. อาการจะเกิดใน 1-2 สัปดาห์ อาการที่พบมากคือ ปวดศีรษะรุนแรง $อาการที่พบบ่อยของ CVST$ การตรวจแล็บที่พบทุกคนคือ ระดับ d-dimer และ fibrinogen ที่ผิดปกติทุกราย และใน12 คนนี้ มีอาการแทรกซ้อนเลือดออก 3 คน และใน 12 คนนี้พบเสียชีวิต สาม คน มีการใช้ IVIG รักษาถึง 7 คน
7. พบปัจจัยการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ (thromophilic) เพียงคนเดียว $ในชาวตะวันตกพบปัจจัยนี้สูงกว่าคนไทยชัดเจน ทำให้โรค cvst ในคนตะวันตกต้องหาปัจจัยเหล่านี้ สำหรับคนไทยปัจจัยที่สำคัญคือ ยาเม็ดคุมกำเนิด อันนี้งานวิจัยของผมเอง$
หลังจากที่คณะกรรมการได้ศึกษาและลงตีพิมพ์ ได้ให้ข้อสรุปว่า ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเหตุจากวัคซีน เพราะอุบัติการณ์ต่ำกว่าคนที่ไม่ได้วัคซีน แถมคนที่เกิดอาการก็มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิด CVST
องค์การอาหารและยาสหรัฐ จึงให้ฉีดวัคซีนของจอห์นสันต่อไปเมื่อ 23 เมษายน เพราะประโยชน์ที่ได้สูงกว่าผลแทรกซ้อนอย่างชัดเจน โดยกำหนดให้เฝ้าระวังต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ใช้วัคซีน และแจ้งความเสี่ยงให้คนที่จะรับวัคซีนได้ทราบ ได้เลือกตัดสินใจได้แม่นยำ
อันนี้ส่วนตัวนะครับ ผมคิดว่า อุบัติการณ์และความชุกของโรค CVST ของเราต่ำกว่าฝรั่งมาก แถมความเสี่ยงลิ่มเลือดแข็งตัวผิดปกติของไทยเราก็น้อยกว่าฝรั่งม้ากมาก ถ้าจอห์นสันเข้ามาจริง ก็น่าจะฉีดได้ ในเงื่อนไขต้องติดตามผล เพราะวัคซีนโควิดเป็นของใหม่ อาจเกิดสิ่งที่เราไม่รู้ขึ้นมาได้เสมอครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น