วัคซีนสำหรับโรคโควิด-19 เป็นเพียงอาวุธ อันหนึ่ง ที่ใช้ต่อสู้เพื่อลดการระบาดและแพร่กระจายโรคเท่านั้น ไม่ใช่อาวุธ มหัศจรรย์ ที่จะมาแก้ไขทุกสิ่ง
ปัจจุบันมีวัคซีนที่ได้รับอนุมัติมากมาย หลายประเทศก็ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว เราทุกคนคงได้รับทราบว่าวัคซีนที่ได้รับตอนนี้มีประสิทธิภาพ 90-98% ผลข้างเคียงน้อยมาก แต่เป็นการศึกษาและวิจัยในระยะสั้น ยังจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมและติดตามผลต่อไป
วัคซีนคือความหวังหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ทั้งหมด
ข้อแรก ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ว่า 90-95-98% ทั้งหลายนั้น วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาวิจัยคือ ลดการติดเชื้อแบบมีอาการ หรือ ลดการติดเชื้อรุนแรง เราพอที่จะบอกได้ว่าหากได้รับวัคซีนและผลของวัคซีนเกิดขึ้นคือมีการกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันที่มากพอ จะทำให้หากเราติดเชื้อก็จะไม่รุนแรง หรือ ไม่มีอาการจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ข้อเท็จจริงตรงนี้ชัดเจนมาก
ส่วนข้อมูลเรื่อง การติดเชื้อแบบไม่มีอาการ การแพร่กระจายเชื้อ จะเป็นวัตถุประสงค์รอง หรือใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์เพื่อคำนวณแบบจำลองออกมา (แต่เป็นแบบจำลองที่ได้รับการยอมรับนะครับ) ยังไม่สามารถกล่าวได้ว่าได้วัคซีนแล้วจะลดการระบาด ลดการแพร่กระจายของเชื้อลง
ตัวอย่างวัคซีนที่ออกแบบมาเพื่อลดความรุนแรงเช่น วัคซีนไข้เลือดออก วัคซีนบีซีจี
แม้เราอาจจะพอ "กล้อมแกล้ม" อธิบายได้ว่าเมื่อการติดเชื้อแบบมีอาการและการติดเชื้อรุนแรงลดลง การแพร่กระจายเชื้อมันก็ลดลง ซึ่งจริงนะครับ แต่อย่าลืมว่า การแพร่กระจายเชื้อส่วนมากเกิดในกลุ่มผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ ซึ่งข้อมูลของวัคซีนในกลุ่มนี้ยังมีไม่มากนัก (ด้วยข้อจำกัดทางสถิติและเวลาที่กระชั้นชิด) ยังต้องติดตามต่อไป
ข้อสอง ผลที่เกิดในระดับประชากรยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดจะอยู่ได้ยาวนานแค่ไหน ในสถานการณ์แต่ละประเทศที่มีการระบาดต่างกัน และระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดในระดับประชากรจะมากพอจนเกิด Herd Immunity หรือไม่ ข้อเท็จจริงทั้งหลายนี้ต้องเก็บข้อมูลต่อไป เนื่องจากระยะเวลาในการศึกษาสั้นมาก สิ่งที่บอกว่าเป็นประโยชน์จากวัคซีนเกิดในกลุ่มอาสาสมัครเท่านั้น (ที่ต้องไม่ติดโควิดมาก่อนด้วย) และอ้างผลได้ในช่วงระยะเวลาที่ทำการศึกษาเท่านั้น
ตัวอย่างเช่นกว่าเราจะทราบว่า วัคซีนโรคหัด มันทำให้เกิดภูมิคุ้มกันระดับที่ปกป้องประชากรได้หากฉีดมากพอ ก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี
ข้อสาม มายาคติอันเกิดจากความเชื่อมั่นในวัคซีน เพราะตอนนี้เรายังไม่มีกลยุทธ์ใหม่ที่จัดการไวรัสได้ชะงัด ไม่ว่ายารักษาหรือการคัดกรองที่แม่นยำ ความคาดหวังเรื่องวัคซีนจึงสูงมาก และทุกคนคาดหวังว่าได้วัคซีนแล้วทุกอย่างจะหาย กลับมาเป็นปรกติ อาจจะทำให้เกิดความประมาทในการควบคุมโรค
ขอให้รอผลของวัคซีนว่าจะส่งผลอย่างไรให้แน่ชัด ก่อนที่จะไปคาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและสังคมอันเกิดจากวัคซีน
อย่าลืมว่าการอนุมัติใช้วัคซีนในทั่วโลกตอนนี้ เป็นการอนุมัติฉุกเฉิน ไม่ใช่การอนุมัติเต็มรูปแบบที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ อย่างละเอียด พลาดไม่ได้ แต่ก็อย่างที่เรารู้กันว่า สถานการณ์อาจไม่รอท่า จะมีประโยชน์อะไร หากได้วัคซีนที่ดีเลิศ เมื่อระบบทุกอย่างพังทลาย
อนาคตโควิดคงมาเป็นโคโรนาไวรัสตัวที่แปดที่ก่อโรคในคน อยู่คู่กับเราไปอีกนานเท่านาน อนาคตเราคงรับมือไม่ให้มันก่อปัญหาได้
**แต่ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้คือ ดูแลตัวเอง ล้างมือบ่อย ๆ กินอาหารสุกสะอาด รักษาสุขภาพอนามัย สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง และทำตามมาตรการแนะนำของ ศบค. ครับ**
"รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง
รู้ว่าเหนื่อยถ้าจะแย่งจ่าฝูงไปจากเขา
ใคร ๆ ก็รู้เป็นไปไม่ได้...หรอก"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น