หนึ่งชั่วโมงที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล
ในห้องอบรมการขับขี่ปลอดภัย บรรดาผู้คนที่ผ่านการสอบสมรรถภาพกายพากันทยอยเข้ามาจับจองที่นั่ง มีทั้งมาคนเดียว มาเป็นคู่ พาญาติผู้ใหญ่มาสอบ หลายคนนั่งรอ หลายคนนั่งก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ ใกล้ถึงกำหนดเวลาอบรม ที่นั่งใกล้เต็ม ... ไม่มีใครให้ความสนใจกับชายหนุ่มคนหนึ่ง นั่งอยู่ชิดกำแพง
คนที่มองผ่านคงเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นฟังอบรมและฆ่าเวลาด้วยหนังสือพิมพ์รายวันฉบับนั้น แต่ไม่มีใครสังเกตกระดาษรียูสขนาดเอสี่สองสามแผ่น พร้อมปากกาลูกลื่นราคาถูกด้ามหนึ่งในมือขวาชายหนุ่ม และไม่มีใครมองลึกลงไปด้วยว่า ประสาทสัมผัสเขากำลังพร้อมเต็มที่เพื่อเปิดรับข้อมูลที่ต้องการมาหาคำตอบว่า อบรมได้อะไร
เจ้าหน้าที่เข้ามาเปิดการบรรยาย พร้อมกำชับว่าห้ามใช้โทรศัพท์ และเมื่อครบชั่วโมงให้ออกไปเพื่อไปชำระค่าใบอนุญาตขับขี่ เป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากนั้นการอบรมที่เป็นข้อมูลวิดีโอ ได้ฉายขึ้น
ภาพอุบัติเหตุรูปแล้วรูปเล่า ความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าที่เปิดในส่วนแรกของวิดีโอ ช่างเป็นภาพที่อึดอัดและสะเทือนใจ ภาพต่อมาที่บรรดาเครือญาติมิตรสหายร้องไห้กับความสูญเสียนั้น มันกระชากความคิดและความรู้สึกหลาย ๆ อย่าง
อุบัติเหตุท้องถนนถือเป็นสาเหตุการตาย และความพิการอันดับต้น ๆ มาตลอดหลายสิบปี ประเทศเรามีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเป็นอันดับแรก ๆ ในโลก ทั้ง ๆ ที่รณรงค์กันมาทุกปี
ขับขี่เร็ว ถือเป็นข้อหลัก รองมาคือขับกระชั้นชิด ปาดหน้าแซงหน้ากระทันหัน มึนเมา ง่วงซึม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่เกิดจากคนทั้งสิ้น จริงอยู่ว่าอุบัติเหตุก็มีปัจจัยอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของรถ สภาพถนน สภาพอากาศ แต่สาเหตุจากคนนั้นสูงถึง 90% และเป็นสาเหตุที่ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้
อีกหนึ่งสาเหตุคือการทำกิจอย่างอื่นในขณะขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร การกดโทรศัพท์ ตั้งจีพีเอส เปลี่ยนซีดี ทำให้สมาธิเสียและชั่วเวลาอึดใจที่รถวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ได้รับการควบคุมและระวังที่ดีพอจะเกิดอุบัติเหตุได้ ด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ในเวลาหนึ่งวินาที รถจะเคลื่อนที่ไปได้ 27 เมตรทีเดียว ดังนั้นชั่วเสี้ยววินาทีอาจเกิดอุบัติเหตุได้ และการขับกระชั้นชิดเกินไป ระยะเบรกอาจจะไม่พอได้
คำพูดที่น่าสนใจคือ ..เสือชีต้าห์วิ่งเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สายตามองไกลและโฟกัสไกล ทำให้ควบคุมทิศทางและสมาธิได้ ทำให้ไม่เคยเห็นเสือชีต้าห์วิ่งชนต้นไม้ตาย แต่รถยนต์วิ่งด้วยความเร็วเท่ากัน แต่ชนต้นไม้ตายเพียบเลย เพราะสมาธิไม่ดี มองไม่ไกลพอ และอย่าลืมว่ารถยนต์จะดีแค่ไหน ก็ออกแบบมาเพื่อขับขี่ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อชน แม้การออกแบบจะปลอดภัยเพียงใด สายตา ร่างกายและสติ ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
"safe drive, stay alive"
"safe drive, stay alive"
เวลาหนึ่งชั่วโมงช่างหมดไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนเริ่มเดินออกไปเพื่อทำบัตรอนุญาตในขั้นตอนต่อไป ชายหนุ่มคนนั้นเดินออกมาเป็นคนสุดท้าย เขาค่อย ๆ พับเก็บกระดาษที่บันทึกเนื้อหาจากการอบรม ท่านอาจารย์ผู้อบรม อ.พีรเดช ดำชื่น ตั้งใจให้ทุกคนที่มาฟังขับขี่ปลอดภัย เพื่อตัวเองและเพื่อนร่วมท้องถนน เกือบสามหน้าเอสี่ อัดแน่นด้วยข้อมูลต่าง ๆ และเมื่อสรุปออกมาจะได้หนึ่งข้อความที่ว่า
"เมื่อท่านขับรถออกสู่ท้องถนน หน้าที่สำคัญที่สุดหลังพวงมาลัยคือทุ่มเท สติ สมาธิ การรับรู้ทั้งหมด เพื่อให้การขับรถนั่นไปถึงที่หมายและปลอดภัยทั้งตัวเองและคนอื่น"
สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นคือ ทุกคนที่เข้ามาฟัง ได้ฟังอย่างตั้งใจ ด้วยสื่อการเรียนรู้ที่ปรับเปลี่ยนให้น่าสนใจ กรมการขนส่งทางบกทำได้ดีมาก หวังว่าอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจะลดลงไปเรื่อย ๆ เขาเดินออกจากห้องช้า ๆ อิ่มใจที่การอบรมตลอดหนึ่งชั่วโมงมีคุณค่ามากมายสมกับที่เจตนาและตั้งใจ
หนึ่งชั่วโมงที่อาจเปลี่ยนความคิดและช่วยชีวิตคนอีกหลายคน
เมื่อกำลังจะกลับ
...ชายหนุ่มเดินไปที่รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ด้านหน้า เขาแทบไม่เชื่อสายตาว่าบาริสต้าคนสวยคนนั้น มาทำธุระที่สำนักงานขนส่งเช่นกัน และกำลังรอรถโดยสาร !! ...คนเดียว
...เวลานั้น สติ สมาธิ การรับรู้ของชายหนุ่ม หลุดหายไปสิ้น ใจเต้นตุบ ๆ ชายหนุ่มสตาร์ทเครื่อง บีบคลัตช์ กดเกียร์หนึ่ง แล้วเคลื่อนไปทางบาริสต้าอย่างช้า ๆ เหมือนผู้หญิงข้า ใครอย่าแตะ
...
...
... แล้วกระดกเกียร์ สอง สาม สี่ ผ่านไปอย่างไว ราวกับสายลมหนาวที่พัดผ่านหัวใจชายหนุ่มโรคปอดเริ้อรัง ตลอดไป
...ชายหนุ่มเดินไปที่รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ด้านหน้า เขาแทบไม่เชื่อสายตาว่าบาริสต้าคนสวยคนนั้น มาทำธุระที่สำนักงานขนส่งเช่นกัน และกำลังรอรถโดยสาร !! ...คนเดียว
...เวลานั้น สติ สมาธิ การรับรู้ของชายหนุ่ม หลุดหายไปสิ้น ใจเต้นตุบ ๆ ชายหนุ่มสตาร์ทเครื่อง บีบคลัตช์ กดเกียร์หนึ่ง แล้วเคลื่อนไปทางบาริสต้าอย่างช้า ๆ เหมือนผู้หญิงข้า ใครอย่าแตะ
...
...
... แล้วกระดกเกียร์ สอง สาม สี่ ผ่านไปอย่างไว ราวกับสายลมหนาวที่พัดผ่านหัวใจชายหนุ่มโรคปอดเริ้อรัง ตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น