08 พฤศจิกายน 2568

การคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการตรวจค่า PSA

วันนี้เรามาอัพเดทการคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการตรวจค่า PSA  น่าจะติดสิบอันดับแรกของวารสารแห่งปีอย่างแน่นอน

  มะเร็งต่อมลูกหมากยังไม่มีวิธีคัดกรองที่ไวมากพอ แม้ว่าการรักษาจะทำได้ดีแต่อัตราการเสียชีวิตกลับไม่ค่อยลดลงเพราะกว่าจะพบ มักจะเป็นระยะท้ายของโรคเสียแล้ว ในอดีต (ก็ประมาณ 5-6 ปี) มีข้อถกเถียงที่เป็นประเด็นแห่งปีของวารสาร NEJM นี้ด้วยว่าเราควรจะใช้ค่าผลเลือด prostate specific antigen (PSA) เพื่อการคัดกรองหรือไม่ ข้อสรุปตอนนั้นคือยังไม่ควร วันนี้มีชุดข้อมูลใหม่ที่ผมว่าเป็นการศึกษาที่ขนาดใหญ่และติดตามยาวนานมาก น่าจะมาเขย่าวงการและน่าสนใจมากเลยครับ

  การศึกษานี่เป็นความร่วมมือกันของแปดประเทศในยุโรป ทำการศึกษาในผู้ป่วย 162236 ราย อายุ 55-69 ปีเพราะเล็งเอาช่วงอายุที่อุบัติการณ์การเกิดสูงและหากตรวจพบจะยังทำการแก้ไข ผ่าตัด ให้ยา ถ้าไปทำในกลุ่มอายุน้อยกว่านี้ตัวเลขของอุบัติการณ์จะต่ำเกินกว่าที่ผลการศึกษาจะมีผล หรือไปทำในกลุ่มอายุสูงมากจะไม่ไปลดอัตราการเสียชีวิตเลย นั่นคือวัตถุประสงค์หลักของการศึกษาคือ อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งต่อมลูกหมาก ผมคิดว่าการออกแบบการศึกษาแบบนี้สมเหตุสมผลคือเล็งเป้าชัดเจน ไม่หว่านกลุ่มกว้างเกินไป ผลออกมาจะนำไปใช้ได้ตรงจุด

  นำผู้ป่วยมาแบ่งเท่ากัน กลุ่มควบคุมเราก็ดูแลรักษาเขาตามปกติ เขามีอาการก็ตรวจ ส่วนกลุ่มทดลองจะให้การคัดกรองด้วยการเจาะเลือดตรวจ PSA หากมีค่าเกินกำหนด (แต่ละประเทศจะมีค่าต่างกันเล็กน้อย) ค่าประมาณคือ 3-4 ถ้าเกินกว่านี้จะส่งทำการตัดชิ้นเนื้อแบบสุ่มผ่านทางทวารหนัก (ไม่ได้เล็งเป้าด้วย MRI) เพราะต้องการให้ใช้วิธีที่ทำได้ง่าย ทำได้จริงกับคนไข้ทุกคนทุกประเทศ จึงต้องใช้วิธีมาตรฐานแบบนี้ อย่าลืมว่าเป้าหมายคือ screening ไม่ใช่ diagnosis

  เรื่องของระเบียบวิธีวิจัยและการคำนวณค่าสถิติ มีข้อน่าสนใจที่ต้องใช้การเกลี่ยตัวแปร เพราะข้อกำหนดของแต่ละชาติมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ในวารสารได้แสดงให้เห็นว่าความแตกต่างกันเล็กน้อยนี้ไม่ได้มีผลแต่การศึกษาและมีวิธีจัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเรามาดูผลการศึกษากัน

  อายุเฉลี่ยของผู้เข้าศึกษาคือ 60 ปี ระยะเวลาการติดตามเฉลี่ย 23 ปี (ตัวเลขค่อนข้างไม่แปรปรวน ช่วงอายุคนที่สุขภาพดี ยาวนานขึ้นจริง ๆ) และที่น่าสนใจคือเมื่อคัดกรองด้วยการตรวจเลือดแล้ว คนที่ต้องไปทำการเจาะชิ้นเนื้อมีสูงเกือบร้อยละ 90 แสดงว่าแผนการและการดำเนินการวิจัยทำได้ราบรื่นและเป็นไปตามที่คาดหวัง ผู้ที่หลุดจากการศึกษามีน้อยมาก อันนี้จะส่งผลให้การศึกษามีพลังและความน่าเชื่อถือมาก

  ผลการศึกษาหลัก อัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในกลุ่มคัดกรอง 1.4%  ในกลุ่มควบคุม 1.6% การคัดกรองน่าจะลดอัตราการเสียชีวิตลง ถ้าเราคิด risk ratio คือ 0.87 หมายความว่าในกลุ่มคัดกรองมีอัตราการเสียชีวิตลดลงกว่ากลุ่มควบคุมประมาณ 13% ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ หมายความว่าการคัดกรองมีประโยชน์อย่างที่คิดไว้ในกลุ่ม 55-69ปี

 แต่ถ้าคิดค่า absolute risk reduction 0.22% เป็นตัวเลขที่น้อยมาก อาจจะเป็นเพราะว่าถึงแม้จะไม่คัดกรอง เจอในระยะที่มากกว่าระยะต้น ก็ยังรักษาได้ดี ยิ่งถ้าทำเป็นตัวเลขที่เรียกว่า number needed to treat = 456 คือต้องคัดกรอง 456 คนจึงจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้หนึ่งคน

  เมื่อเราเจอความจริงแบบนี้หมายความว่าการคัดกรองไม่น่าจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต เพราะวิธีการรักษาของเราอาจจะดีมากหรือเจอมะเร็งก็อยู่ในช่วงท้ายของชีวิตที่การรักษาอะไรไม่ช่วยยืดชีวิตได้ แบบนี้จะมีค่าในการคัดกรองหรือ

 อย่าลืมว่า risk ratio มันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และหากทำเป็นตัวเลขชื่อ number needed to diagnose = 12 หมายความว่า คัดกรอง 12 คนจะได้การวินิจฉัย 1 คน จะดูดีทีเดียว แม้จะไม่ลดอัตราการเสียชีวิต แต่เมื่อวินิจฉัยเร็วขึ้น กรรมวิธีการรักษาไม่ยุ่งยากเท่าการเจอระยะหลังโดยไม่คัดกรอง

  ทางผู้วิจัยได้แบ่งข้อมูลว่าถ้าเราคิดเวลาติดตามสั้นกว่านี้ล่ะ จะเกิดประโยชน์ไหม เพราะถ้าระยะเวลาติดตามมันนานเกินไป อัตราการตายอาจจะไม่แตกต่างกัน เพราะคนที่เป็นมะเร็งเสียชีวิตนั้น เสียชีวิตไปก่อน 23 ปี พวกที่เหลือคือแข็งแรงดีหรือรักษาดีก็จะอยู่รอด ทำให้คิดอัตราการเสียชีวิตที่ระยะเวลานานเกินไปมันไม่แตกต่างกัน อันนี้เรียกว่า length-time bias ของการคัดกรองมะเร็ง เมื่อคิดแยกก็ปรากฏว่าการติดตามที่ระยะเวลา 11-13 ปี เป็นช่วงเวลาติดตามที่ลดอัตราการเสียชีวิตลงได้มากที่สุด

  อ่านมาเสียยืดยาว ผมจะสรุปให้ฟังง่าย ๆ แบบนี้แล้วกันว่า การคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการตรวจ PSA แล้วถ้าค่าสูงกว่าปกติค่อยไปตรวจชิ้นเนื้อ วิธีนี้ไม่ได้เหมาะสมกับคนทุกคน แต่จะใช้ได้ดีหากผู้เข้าคัดกรองอายุ 55-69 ปี (ตามการวิจัย) ที่พร้อมจะตัดชิ้นเนื้อตรวจต่อไปหากผลผิดปกติ และควรจะมีช่วงชีวิตที่คาดหวังอยู่นานกว่า 10 ปี (ถ้าคิดในการศึกษาคือ ถ้าจะอายุยืนแบบมีคุณภาพจนถึง 80-85 ปี ค่อยคัดกรอง)

  แต่เนื่องจากมันลดอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างน้อย เพราะวิธีการรักษาปัจจุบันมันดีมากในทุกระยะ (แต่นั่นคือยุโรป) จึงยังไม่สามารถตอบคำถามว่า ควรจะใช้วิธีนี้คัดกรองต่อไปหรือไม่ อาจจะต้องรอวิธีที่แม่นยำกว่านี้ที่จะตรวจได้ในระยะต้นจริง ๆ

  จึงยังไม่สามารถขยับความสำคัญของการตรวจ PSA มากขึ้นไปกว่าเดิม เพียงแต่จะระบุช่วงอายุการตรวจให้ฌพาะเจาะจงขึ้นเท่านั่นเอง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม