คำถามมาจากทางบ้าน เป็นคำถามที่เฉพาะเจาะจงสักหน่อยครับ เขาถามว่า CPAP ต่างจาก BiPAP อย่างไร
แล้วทำไมต้องเป่าเข้าไปด้วย ก็เพราะโรคทางเดินหายใจอุดกั้น มันจะมีแรงดันท่อลมสูงกว่าปกติ การหายใจธรรมชาติของกระบังลม ไม่สามารถเอาชนะได้ เลยต้องใช้เครื่องเป่าลมเข้าไป ก็ใช้รักษาโรค obstructive sleep apnea นี่แหละครับ
คราวนี้เรามาดูความแตกต่างกัน
CPAP คือ continuous PAP เป่าด้วยแรงดันบวกค่าหนึ่งตลอดเวลา ไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือออกก็ค่านี้ เรียกว่ามีลมช่วยแล้ว ที่เหลือก็ออกแรงนิดเดียวก็สามารถหายใจได้ดีแล้ว
BiPAP อันนี้เครื่องจะมีตัวตรวจจับการหายใจเข้าออก และปรับแรงดันบวกที่ “ไม่เท่ากัน” ในช่วงหายใจเข้าซึ่งจะใช้แรงดันสูงกว่า ส่วนช่วงหายใจออกก็ยังเป็นแรงดันบวกนะ แต่ต่ำกว่าตอนหายใจเข้า ความแตกต่างกันนี้ จะทำให้หายใจง่ายขึ้นอีก แถมส่วนต่างกันของแรงดันระหว่างการตั้งช่วงหายใจเข้า-ออก จะทำให้การหายใจง่ายขึ้น แต่ข้อเสียคือ ตัวเครื่องซับซ้อนมากขึ้น ราคาแพงขึ้น ต้องมีการปรับค่าทั้ง inspiration PAP (iPAP) และ expiration PAP (ePAP)
เราก็จะใช้เครื่อง BiPAP ในบางกรณีเช่น เป็น central OSA สัญญาณคำสั่งผิดปกติจากสมอง ในกรณีเป็นถุงลมโป่งพองที่มี OSA ด้วย ในกรณีใช้ CPAP แล้วยังหายใจลำบากโดยเฉพาะการหายใจออก ในกรณีมีโรคระบบกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจไม่ได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น