มาฟังเรื่องราวข้ามคืน one night stand ของผมบ้าง เรื่องจริงจากประสบการณ์ส่วนตัวเลยนะ เล่าให้ฟังสนุกๆ จริงๆหลายคนยังไม่รู้ว่า one night stand ของหมอเป็นอย่างไร ผมขอยกเรื่องราวในช่วงที่ผม one night stand แบบสุดเหวี่ยงคือช่วงวัยหนุ่มครับ
อย่างที่ทุกคนทราบและผมก็เคยบอกเสมอ ผมไม่ใช่นักเรียนที่เรียนเก่ง เมื่อผมเรียนไม่เก่งแต่ว่าชอบเรียนรู้สิ่งที่ผมใช้ทดแทนคือ "ความอึด" คือลุยเรียนลุยงานทุกอย่าง คิดว่าด้วยอายุแค่นี้ลุยไปดลยมันจะเท่าไหร่กัน และรุ่นพี่อาจารย์ทุกคนบอกว่าช่วงเป็นนักเรียน มันสนุกที่สุดแล้วใส่สุดๆไปเลย เรื่องราวก็ออกมาเป็นแบบนี้
สมัยที่เป็นนักเรียนแพทย์นั้น ก็จะถูกฝึกอยู่เวรตั้งแต่ปีสี่ปีห้า เวรก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นเวร on call คือเตรียมตัวให้พร้อมถ้ามีคนไข้มาดึกดื่นก็ต้องไป ระหว่างนี้ก็นอนไป อ่านหนังสือไป หรือเวรนอนที่ไม่ได้นอนตอนปีห้า มีงานให้ทำทั้งคืน และที่จริงจังคือตอนขึ้นปีหก ตื่นเช้ามาต้องรีบไปราวด์วอร์ดตรวจคนไข้ที่ตัวเองรับผิดชอบให้เสร็จก่อนที่พี่ๆและอาจารย์จะมา หลังจากนั้นราวด์วอร์ดพร้อมพี่ๆ และอาจารย์จนเสร็จ เวลากินข้าวกินน้ำหากันเอาเอง
หลังจากนั้นช่วงเช้าก็ทำกิจกรรมในแต่ละสาขาวิชา ทำงานบนตึกผู้ป่วย ออกตรวจผู้ป่วยนอก เข้าห้องผ่าตัด ในช่วงบ่ายก็ทำต่อไปนั่นแหละและมาราวด์วอร์ดเย็น พิเศษนิดนึงคือแผนกที่ต้องผ่าตัด จะผ่ากันตามตารางให้เสร็จในวันนั้นก่อน แล้วจึงยกทีมกันมาราวด์วอร์ด สองทุ่มสามทุ่มก็ว่ากันไป เวลากินข้าว...หาเอาเอง
และถ้าเราต้องอยู่เวรต่อ ก็จะต้องรับเวรจากเพื่อนๆ มีเคสไหนน่าเป็นห่วงต้องดูแลเป็นพิเศษ งานที่ต้องทำต่อเนื่อง จากนักเรียนแพทย์ 5-6 คนต่อวอร์ดต่อชั้น อันนี้เหลือแค่คนเดียวทั้งคืน หึหึ one night stand ของจริง ทำทุกอย่างและต้องดูแลคนไข้รับใหม่ด้วย ส่วนที่อยู่ห้องผ่าตัดก็ผ่าต่อไปและรับกรณีฉุกเฉินผ่าตัดทำคลอดในคืนนั้นต่อไป ทั้งคืน ใครอยู่ห้องฉุกเฉินก็ไม่ง่วงแน่ๆ ไม่มีเวลาง่วง ยืนและทำงานยันเช้า
บางคืนโลกสงบสุขก็ได้มีโอกาสงีบ แต่ก็ต้องพร้อมจะตื่นเมื่อถูกตามเสมอ และต้องให้รู้ด้วยว่าจะตามได้ที่ไหน หลายๆที่มีวิทยุสื่อสารให้เลย หรือแผนกไหนอยู่กันสองสามคนในช่วงที่โลกสงบก็แบ่งกันไปพัก ...อย่าลืมว่าทำงานหนักกันมาทั้งวัน
และแล้วก็ใกล้เช้า แน่นอนไม่ได้กลับไปห้องพัก ไม่ได้กลับไปอาบน้ำหอมๆ แน่ๆ ไม่มีกาแแฟกรุ่นๆ อาบน้ำห้องพักเวร (ถ้ามีโอกาสได้อาบนะ) ส่วนมากก็สว่างคาตาและถึงเวลาราวด์วอร์ดเช้าเข้าวงจรเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน โดยไม่ได้สัมผัสน้ำจนกว่าจะแอบไปอาบน้ำช่วงกินข้าวกลางวัน
ได้พักหรือไม่..โน้ว โนว..ทำงานต่อคร้าบ ย้อนกลับไปอ่านย่อหน้าเดิม เหมือนเป๊ะ ไม่มียกเว้น ยิ่งถ้าช่วงบ่ายมีเรียนสักชั่วโมง ห้องแอร์เย็นๆ ยากที่จะรอดได้ พอจบวันเราก็จะไม่ได้อยู่เวรอีก แต่อาจไม่ได้พัก งานค้าง รายงานคนไข้ งานกลุ่ม ต้องสะสาง ยังไม่นับท่องตำราเตรียมสอบอีก เรียกว่าต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมง จึงจะได้นอน
เป็นแบบนี้ทุกกองทุกแผนก ฝึกตั้งแต่เป็นนักเรียน ด้วยความที่ผมขาลุย ไม่หนี ไม่หลบ (ไร้เดียงสา ทำไม่เป็น) ทำเต็มที่ลุยทำงานวอร์ด เขียนรายงานดูคนไข้เพิ่ม ไปคุยกับพี่แพทย์ประจำบ้าน ส่วนเวลาอ่านหนังสือน่ะรึ...ขอนอนก่อน ส่วนเวลากิน รวมๆกันทั้งวันประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมงต่อวัน กาแฟไม่ต่างจากน้ำเปล่ากินไปก็ง่างอยู่ดี กินแล้วเปลืองเปล่าๆ ปลี้ๆ
โชคดีที่คะแนนภาคปฏิบัติในปีหกมันสัดส่วนมาก คะแนนความเอาใจใส่และรับผิดชอบในงานมันสัดส่วนมาก ไม่งั้นก็ตกแน่ๆ คะแนนสอบน่ะรึ อย่าไปพูดถึง ลีลาเหมือนว่าน้ำท่ากบ ผลุบๆโผล่ๆอยู่แถวๆค่าเฉลี่ยคะแนน
แต่นั่นคือเอามันนะครับ เงินไม่ต้องหา มีพี่มีอาจารย์ให้ปรึกษา มีเพื่อนฝูงรู้ใจ อายุน้อย ฟิตปั๋ง บางวันลงเวรยังไปเตะบอลอีกด้วย
แต่พอจบแล้วมาทำงานมันต่างกัน เรื่องที่ต้องรับผิดชอบ ค่ากินค่าอยู่ ฐานะเป็นแพทย์แล้วมันมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อคนไข้มาค้ำอยู่ อ่านหนังสือนี่ไม่ได้หวังคะแนน (ถึงหวังก็ไม่ได้อยู่ดี) แต่เพื่อไปช่วยคนแล้วนะ ที่ว่าเคยสนุกกับการอยู่เวร เคยมันส์ถึงขีดสุดตอนปีหก มันเริ่มเปลี่ยนไป ความเหนื่อยล้า ความเครียด ความท้อเริ่มเข้ามามีส่วนด้วย ผมขอเล่าเรื่องตอนที่เป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะปีแรกแล้วกัน
วิถีการใช้ชีวิตไม่ต่างจากเดิมมากนัก ตื่นมาราวด์วอร์ด ทำงาน ราวด์วอร์ด แต่เราต้องตรวจมากขึ้นทั้งคนไข้ในและคนไข้นอกเพราะเราจบแล้ว ต้องทำเอง หัตถการต่างๆ ทำเองล้วนๆ เครียดมากขึ้น และเมื่อถึงเวลาอยู่เวรก็จะคล้ายๆกับตอนอยู่ชั้นปีที่หก อยู่ทั้งคืนทำงานทั้งคืน ผ่าตัดทำคลอดมาทั้งคืน ยกเว้นวันไหนก้าวขาถูกข้างออกจากห้อง ก็จะสบายหน่อย
เช่นเคยวันรุ่งขึ้นก็ต้องทำงานต่อนะครับ ไม่ได้หยุด นับเวลาที่ต้องทำงานคือ 24+8 อาจจะบวกลบสองสามชั่วโมง ก็ประมาณ 32 ชั่วโมงก่อนจะไปมีชีวิตอิสระ !!.....หยุด... มันไม่ใช่แบบนั้น
เมื่อเราจบ เวลาที่เราไม่ได้ทำงานอยู่เวรในแผนกที่เราอยู่ (แพทย์เพิ่มพูนทักษะจะต้องเวียนไปตามแผนกต่างๆเหมือนนักเรียนแพทย์ปีหก) ก็อาจจะต้องไปอยู่เวรฉุกเฉิน เวรห้องอุบัติเหตุอีกแปดชั่วโมง ซึ่งแทบจะสลับกับวันที่อยู่เวรแผนกเลย มากสุดก็ได้เว้นวันนึงหรือสองวันประมาณนี้ ในกรณีโหดสุดคือ สามสิบสองชั่วโมงผ่านไป ก็ต้องไปอยู่อีอาร์อีก 8 ชั่วโมง เป็น 40 ชั่วโมงต่อสองวัน !! ไม่ต้องคิดดูหนังรอบค่ำ หมูกะทะใดๆ บางวันกลับมาที่ห้องพัก ดื่มนมแล้วนอนเลย นอนท่าไหนตื่นท่านั้นไม่มีขยับ ดูๆไปแล้วเหมือนหมดลมหายใจ
ไม่อยู่เวรได้ไหม ..ไม่ได้ เพราะคนไม่พอ เราขาดไปคนอื่นเขาก็ต้องเหนื่อยแทน ก็จะมีสลับกันหยุดไปเยี่ยมพ่อแม่ ไปทำธุระ คนที่อยู่ก็หนักขึ้นแต่ก็สลับๆกันพัก เปลี่ยนๆกัน ช่วยกันเห็นใจกัน
ช่วงนี้เงินได้จากการทำงานและอยู่เวรจะพอ เพราะไม่ได้ใช้นั่นเอง จะมีแต่เก็บและให้พ่อแม่ แต่เงินได้จากภาครัฐก็น้อยมาก บางคนที่ต้องรับภาระช่วยทางบ้าน หรือจะซื้อรถเพราะที่ทำงานอยู่ไกลมากแถมอนาคตต้องไปอยู่อำเภอห่างไกลอีก ต้องผ่อน นั่นหมายถึงอาจต้องรับงานเพิ่มตามโรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิก แน่นอนเป็นนอกเวลางาน บดเบียดเวลาพัก เวลาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์มนา อะไรคือโรงหนัง คาราโอเกะ ขอแค่มีเวลาออกกำลังกายบ้างก็พอ้ว
เอาล่ะเมื่ออายุมากขึ้นได้มาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางและต่อยอด มันจะสบายกายขึ้นเพราะงานพื้นฐานจะมีน้องๆมาช่วยแบ่งเบาดังที่เล่ามา แต่ว่าจำนวนชั่วโมง รูปแบบการทำงานมันไม่ได้เปลี่ยนไปนัก เพิ่มขึ้นคือความรับผิดชอบและงานอย่างอื่น
การมีน้องๆมาช่วยงาน คือเราต้องสอนและตรวจสอบด้วย หน้างานก็จะเหนื่อยขึ้น เช่นมีน้องสองคนน้องดูคนละครึ่ง แต่เราต้องดูทั้งหมดนะ ความรับผิดชอบขึ้นกับเราทั้งหมด
32-40 ชั่วโมงคือพื้นฐานอยู่แล้ว แต่คราวนี้เมื่อหมดเวร จะไม่ได้พักแน่ๆ เพราะต้องเข้าสู่ช่วงเวลางานอย่างอื่น อะไรบ้าง...สรุปเวชระเบียนเพราะสตางค์ที่จะเบิกมาให้รพ.มาจากตรงนี้ เตรียมสรุปให้อาจารย์ฟังในแต่ละเคส อาจารย์ประจำหอผู้ป่วยไม่พอ ยังจะต้องอาจารย์ประจำสาขาวิชาอื่นๆ หรือแผนกวิชาอื่นๆที่ปรึกษา และเราไปรับปรึกษามา
อ่านหนังสือเตรียมสอบเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไปติวหนังสือ อบรม เตรียมงานนำเสนอ งานวิชาการและทำวิจัย(นี่คือผู้ร้ายขโมยเวลาตัวฉกาจ) รับรองเวลานอนและเวลาพักน้อยกว่านักเรียนแพทย์แน่ๆ
เช่นกันเรื่องเงิน..บางคนมีภาระ มีลูกมีหลัว มีบ้าน พ่อแม่ป่วย ติดหนี้ ก็ต้องปลีกเวลาไปหางานพิเศษทำ เปิดคลินิก รับงานเอกชน เล่นหุ้น แทงบอล อะไรก็ว่ากันไป เรียกว่าถึงลงเวรก็ไม่ได้นอน บางทีได้งีบ 4-5 ชั่วโมงต่อเวลางาน 30 ชั่วโมงก็มี และอย่าลืมว่างานเหล่านี้มันจะมากขึ้นเรื่อยๆ มีมาเพิ่มทุกวัน ต้องทำให้เสร็จหากไม่ทำให้เสร็จ ดินก็จะพอกหางคุณไปเรื่อยๆ
จะเห็นว่าเวลาปฏิบัติงานของแพทย์นั้นยาวนานมาก แม้จะหมดหน้าที่ตามตารางแต่งานอื่นๆก็ยังมีต่อไปอีก ใครที่มีเพื่อนเป็นหมอ มีแฟนเป็นหมอ (ใครยังไม่เคยตรงนี้ ผมยินดีเป็นสินค้าทดลอง ไม่พอใจยินดีคืนเงิน โทรมาตอนนี้เทสต์ฟรีก่อน 8 ชั่วโมง) อย่าแปลกใจที่จะหายหน้าไป ไม่มีเวลามาให้ เลิกรากันไป เวลางานก็เยอะเวลาพักก็นอน ไม่ต้องพูดถึงมีลูก มียากมาก..!! จนเชื้อเน่าคาท่อ ไข่ฝ่อคารัง ยังไม่ได้เปิดใช้งานเลย
กว่าจะพ้นภาวะเวรหนักเวลาเรียนจบในบางสาขานะครับ ในบางสาขาก็ยังต้องทำงานแบบนี้ต่อไปโดยเฉพาะศัลยแพทย์ (แต่หมอผ่าตัดลูกด๊กดก อายุรแพทย์นี่...โสดยั้นเงา) ถึงจะมีเวลาเริ่มนับหนึ่งในชีวิต ไม่แปลกที่อาชีพแพทย์จะเริ่มเมื่อสามสิบกลางๆถึงปลายๆ เพื่อนเขาลูกสอง แต่งสาม หย่าสี่ กันไปหมดแล้ว
หนึ่งวัน หนึ่งคืน หนึ่งเวร แถมอีกหนึ่งวัน และ งานอีกท่วมหัวล้นมือ (ยิ่งอาจารย์แพทย์ยิ่งล้นมือ) ถามว่าใครจะอยู่เคียงข้าง ก็ต้องบอกว่าตัวเองนี่แหละ ที่จะ one night stand กับตัวเอง ต้องมีความอดทน ความรับผิดชอบ การจัดสรรเวลา ความคิดกะเกณฑ์เหตุการณ์ล่วงหน้า จัดการสิ่งต่างๆ สัมพันธ์คนรอบข้าง ต้องมีพร้อม แถมยังความรู้ ทักษะที่จะช่วยคนต้องลับให้แหลมคมตลอด
ฟังจบแล้ว ยังมีใครอยากจะมา one night stand กับลุงหมอบ้างไหมครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยม
-
Acute pancreatitis จากที่ตอนที่แล้ว เราได้กล่าวถึงตับอ่อนอักเสบในภาพรวม สำหรับโพสต์วันนี้ขอเล่าถึงในภาพลึกในเชิงปฏิบัติบ้างนะครับ ตามสัญญา...
-
คำถามจากทางบ้าน : น้ำอสุจิมีมดตอม แบบนี้ เป็นเบาหวานไหม อย่างแรกคนที่ถามคำถามนี้เป็นสุภาพสตรี ต้องนับถือในความช่างสังเกตสิ่งรอบตัวจริง ๆ ค...
-
ปฏิบัติการ I/O สะท้านโลก I/O ทางการแพทย์เราคือ intake -- output ปริมาณสารน้ำเข้าออกในร่างกาย ไม่ได้เกี่ยวกับปฏิบัติการข่าวสารอันเลื่องลื...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น