การติดตามโรคที่บ้าน มีข้อดีมากมายและมีข้อควรระวังมากมายเช่นกัน
Home Blood Pressure Monitoring (HBPM) เป็นหนึ่งในการติดตามการรักษาโรคความดันโลหิตสูงที่ดี เพื่อทราบความผันแปรของระดับความดัน ค่าความดันที่แท้จริง มีภาวะความดันโลหิตที่ลดลงมากจนน่าเป็นห่วงหรือไม่ ปัจจุบันถือเป็นมาตรฐานในการรักษาโรค
Self Monitoring Blood Glucose (SMBG) อีกหนึ่งตัวเลือกที่ใช้ในการติดตามและปรับการใข้ยาเบาหวานสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ปัจจุบันแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ฉีดอินซูลิน หรือมีแนวโน้มจะเกิดน้ำตาลต่ำจากการรักษา เพราะบางครั้งน้ำตาลต่ำที่บ้านโดยที่อาการไม่ชัดเจน ก็อาจเป็นอันตรายได้
แต่ผู้ที่จะใช้วิธีเหล่านี้ก็จะต้องมีความเข้าใจในแต่ละวิธีและข้อจำกัดเช่นกัน ไม่สามารถใข้ตัวเลขที่ปรากฏบนเครื่องมาตัดสินการรักษาทั้งหมดได้ และที่สำคัญต้องมีใจนิ่งด้วย ไม่ผันแปรตามค่าต่างๆที่เปลี่ยนไป
นาย ก (กรุณาอ่าน นาย กอ อย่าอ่านนายกนะครับ) เป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ใช้เครื่องวัดความดันที่บ้าน มีอยู่วันหนึ่ง นาย ก วัดความดันโลหิตได้ 110/60 ซึ่งของเดิมๆที่วัดเป็นประจำนั้นคือ 130/80
นาย ก ตกใจกลัวความดันโลหิตจะต่ำไป จึงลดยาเองจากกินจากสองเม็ดเป็นหนึ่งเม็ดเอง และตัดสินใจกินยาหนึ่งเม็ดเพราะกลัว
นาย ก ตกใจกลัวความดันโลหิตจะต่ำไป จึงลดยาเองจากกินจากสองเม็ดเป็นหนึ่งเม็ดเอง และตัดสินใจกินยาหนึ่งเม็ดเพราะกลัว
นางสาว ข ป่วยเป็นโรคเบาหวานใช้ยากินอยู่สองชนิด นางสาว ข กลัวน้ำตาลจะคุมไม่ได้ (Hemoglobin A1c เท่ากับ 6.8) จึงไปซื้อเครื่องตรวจน้ำตาลปลายนิ้วมาตรวจเอง ทำบันทึกทุกวัน หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา นางสาว ข กินมะม่วงสุกมากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลปลายนิ้ว จากเดิมประมาณ 110 สูงขึ้นเป็น 150
นางสาว ข กลัวน้ำตาลสูง จึงปรับยากินจากเดิมสองชนิด ชนิดละหนึ่งเม็ด กินเพิ่มเป็นชนิดละสองเม็ด หนึ่งในสองชนิดนั้นคือยากิน glibenclamide ที่ทำให้น้ำตาลต่ำได้
นางสาว ข กลัวน้ำตาลสูง จึงปรับยากินจากเดิมสองชนิด ชนิดละหนึ่งเม็ด กินเพิ่มเป็นชนิดละสองเม็ด หนึ่งในสองชนิดนั้นคือยากิน glibenclamide ที่ทำให้น้ำตาลต่ำได้
ท่านเห็นตัวอย่างสองตัวอย่างนี้ไหม เป็นเรื่องจริงเพียงแต่ผมดัดแปลงค่าและชื่อ
ในกรณีแรก การติดตามความดันโลหิตนั้น ควรมีข้อมูลที่ตกลงกับแพทย์ว่าระดับเท่าไรจึงจะต้องระวัง ให้รีบกลับมาพบแพทย์เพื่อปรับยา หรือมีอาการใดๆที่ควรมาพบแพทย์เช่น หน้ามืดเวลาลุกนั่ง การ "กลัว" ค่าความดันที่ลดลงจากเดิมแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แล้วลดยาลง อาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
เพราะความดันโลหิตมนุษย์เราไม่คงที่อยู่แล้วครับ วัดซ้ายขวาพร้อมๆกันยังไม่เท่ากันเป๊ะๆเลย การติดตามแบบนี้และจดบันทึกมีประโยชน์มากครับ แต่ก็ต้องคุยกับหมอด้วยว่า เมื่อไรที่ต้องระวัง เมื่อไรที่ต้องมาพบ
เพราะความดันโลหิตมนุษย์เราไม่คงที่อยู่แล้วครับ วัดซ้ายขวาพร้อมๆกันยังไม่เท่ากันเป๊ะๆเลย การติดตามแบบนี้และจดบันทึกมีประโยชน์มากครับ แต่ก็ต้องคุยกับหมอด้วยว่า เมื่อไรที่ต้องระวัง เมื่อไรที่ต้องมาพบ
ในกรณีที่สองนั้นอันตรายกว่าเสียอีก เพราะควบคุมดีอยู่แล้ว (ระดับ A1c ได้ที่ต้องการ) การติดตามระดับน้ำตาลปลายนิ้วคงไม่จำเป็นนัก และหากทำแล้วแปลผลพลาดคือ "หวาดหวั่น" แล้วปรับยาเอง โดยเฉพาะเพิ่มยาเป็นสองเท่าเลย ทั้งๆที่ปัญหาเกิดจากกินหวานเพิ่ม และยาที่เพิ่มก็มียาที่ทำให้น้ำตาลต่ำมากๆจนอันตรายได้คือ Glibenclamide
ปัจจุบันเราใช้ระดับน้ำตาลที่ชื่อ Hemoglobin A1c ประมาณ 7.0-8.0% เพื่อเป็นเป้าการรักษา การเจาะน้ำตาลปลายนิ้วเพื่อติดตามนั้นลดลงมาก มีใช้บางกรณีดังที่กล่าวข้างต้น เพราะหากใช้แล้วไม่ระวัง ไม่คุยกับหมอที่ดูแลดีๆ ก็อาจมีปัญหาเรื่องระดับน้ำตาลได้
ปัจจุบันเราใช้ระดับน้ำตาลที่ชื่อ Hemoglobin A1c ประมาณ 7.0-8.0% เพื่อเป็นเป้าการรักษา การเจาะน้ำตาลปลายนิ้วเพื่อติดตามนั้นลดลงมาก มีใช้บางกรณีดังที่กล่าวข้างต้น เพราะหากใช้แล้วไม่ระวัง ไม่คุยกับหมอที่ดูแลดีๆ ก็อาจมีปัญหาเรื่องระดับน้ำตาลได้
ของทุกสิ่งในโลกล้วนมีด้านดีและด้านมืด ความรู้แจ้งกระจ่างจริงจึงมิใช่รู้แจ้งในด้านดี แต่ต้องทราบถึงด้านมืดด้วย และเลือกใช้ตามความเหมาะสมของผู้ป่วยและสถานการณ์ที่ต่างกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น