Aspirin เกินขนาด
ยาเม็ดแอสไพรินขนาด 81 มิลลิกรัมที่เราใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เพื่อลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือด ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันก่อนเกิดโรค หรือการป้องกันหลังเกิดโรคแล้ว ...ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโทษ
ผลแทรกซ้อนของแอสไพรินที่กังวลคือเลือดออกง่าย โดยเฉพาะเลือดออกทางเดินอาหาร ซึ่งพบบ่อยเสียด้วย วันนี้เรามารู้จักผลข้างเคียงอีกประการของแอสไพริน จากการกินยาแอสไพรินเกินขนาด
ภาวะเลือดเป็นกรดผสมกับเลือดเป็นด่างจากการหายใจ ..!?!? ฟังแล้วงงเนอะ
กรดในเลือด ไม่ได้เกิดจากตัวยา acetyl salicylic acid (acid = กรด) แต่เกิดจากตัวยาที่มากเกินไป ไปกระตุ้นกระบวนการหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน แล้วเกิดกรดแลกติก…(1) นอกจากนี้ตัวยาไปกระตุ้นการสลายไขมันเกิดกรดคีโตนเพิ่มขึ้น …(2) และตัวยายังกระตุ้นการสร้างคีโตนจากตับอีกด้วย …(3)
กรดจากข้อ 1..2..3 ทำให้เกิดกรดมากในกระแสเลือด metabolic acidosis ที่เป็นแบบ high anion gap มีการเพิ่มกรดประจุลบมากกว่าที่ร่างกายจัดการสมดุลได้
แล้วทำไมเกิดเลือดเป็นด่างด้วยล่ะ ..??
แอสไพรินที่เกินขนาด จะไปกระตุ้นศูนย์หายใจที่ก้านสมองส่วน "เมดัลล่า อ๊อบลองกาต้า" ทำให้หายใจเร็วขึ้นแรงขึ้น การหายใจเร็วและแรงต่อเนื่อง จะชำระแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกมากไป ทำให้เลือดเป็นด่าง
เมื่อเกิดทั้งเลือดเป็นกรดจากกรดเกิน และเลือดเป็นด่างจากสมดุลคาร์บอนไดออกไซด์และด่างไบคาร์บอเนตที่เพิ่ม ทำให้เกิดทั้งสองภาวะด้วยกัน ..เอ มีทั้งกรดและด่าง ผลออกมามันก็สมดุลสิ เราจะรู้ได้อย่างไร คำตอบคือ การสร้างสมดุลของกรดด่างด้วยการสร้างความเป็นด่างและกรดมาทดแทนชดเชย มันจะไม่ได้เป็นสัดส่วนที่เหมาะสมกัน
*** สำหรับคนที่คำนวณค่านะครับ ลงรายละเอียดนิดนึง
ในภาวะกรดเกินแบบ metabolic acidosis ล้วน ๆ delta anion gap คือ ปริมาณค่าanion gap ที่เปลี่ยนจากค่าปกติ หารด้วย delta bicarbonate คือ ปริมาณค่า bicarbonate ที่เปลี่ยนไปจากค่าปกติ โดยทั่วไปถ้าเป็นเลือดเป็นกรดแบบกรดเกินอย่างเดียว สัดส่วนนี้จะประมาณ 1 คือ กรดที่เพิ่มจะเท่าๆ ด่างที่ลด
แต่ถ้าสัดส่วนนี้มันห่างจาก 1 มาก ๆ แสดงว่ามีภาวะกรดด่างแบบอื่นมาเกิดร่วมด้วย ในกรณีพิษจากแอสไพริน จะสัดส่วนต่ำกว่า 1 ประมาณค่าที่ 0.3-0.7 เพราะมี bicarbonate ที่เพิ่มขึ้นจากภาวะด่างจากการหายใจเร็วและแรง respiratory alkalosis ร่วมด้วย
ตรงกับทฤษฎีเลย และถ้าเราตรวจแก๊สในเลือดยืนยัน เราจะพบความดันแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำลง เพราะหายใจเร็วแรงมาก ส่งแก๊สออกทางการหายใจเยอะเลย และผลแก๊สในเลือดจะพบว่า ค่า pH คือดัชนีวัดความเป็นกรดด่างของเลือด (ปกติ 7.35-7.45) จะไม่ได้สุดโต่งไปทางกรดหรือด่างทางใดทางหนึ่ง เพราะมีอีกฝั่งคอยดึงสมดุลอยู่ (counterbalance) ***
เรามักพบในกรณีกินในปริมาณมาก ส่วนใหญ่คือตั้งใจกินเพื่อฆ่าตัวตาย หรือหยิบกินโดยไม่มีสติสัมปชัญญะที่ดี (ยาทุกชนิดควรเก็บมิดชิด) หากพบยาเม็ดแอสไพรินเป็นหนึ่งในนั้น หรือตรวจพบ high anion gap metabolic acidosis combined respiratory alkalosis ก็ต้องนึกถึงอันนี้ด้วย และยืนยันโดยการตรวจระดับ salisylic ในเลือด
การรักษาคือให้สารน้ำให้พอ รอร่างกายกำจัดสารพิษส่วนเกิน บางแห่งแนะนำทำปัสสาวะให้เป็นด่างเพื่อเร่งแก้ภาวะนี้ ถ้าการรักษาแบบประคับประคองไม่สามารถแก้ไขได้หรือมีอาการแย่ลง สามารถทำการฟอกเลือดเพื่อแก้ไขภาวะนี้ได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น