อ่านข่าวยาบ้ามาเยอะมากมาย.. วันนี้เรามารู้จักและเข้าใจ..ยาบ้ากันสักที
ยาบ้าอยู่ในกลุ่มสารเคมี phenylethylamines ชื่อว่า amphetamines สร้างขึ้นตั้งแต่ 1887 และนำมาใช้เป็นยาช่วยลดอาการคัดจมูก จมูกบวมในปี 1920 และเริ่มผลิตแบบเม็ดในปี 1938 จนกระทั่งได้มีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์จากแอมเฟตามีนธรรมดาๆ กลายเป็น เม็ทแอมเฟตามีน หรือยาบ้าทุกวันนี้
เริ่มมีการใช้ผิดๆตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง เอาไปแจกจ่ายให้กับทหารและเชลยสงคราม จะได้ไม่ง่วงและทำงานหนักต่อเนื่องได้ หลังจากนั้นก็เริ่มใช้ผิดๆมาตลอด จนปี 1970 จึงเริ่มมีการรณรงค์เรื่องการใช้ยาแบบผิดๆนี้ และจัดเป็นสารเสพติดให้โทษ รวมทั้งถอนทะเบียนจากการใช้ยาเพื่อรักษาด้วย
ต้นทศวรรษที่ 90 แอมเฟตามีนระบาดหนัก กลับมาในรูป metamphetamine crystalline form ที่เรียกกันว่า "ไอซ์" และแพร่ไปทั่วโลก เนื่องจากราคาไม่แพง ชนส่งง่าย ทำง่าย นำไปสู่การปราบปรามยาตัวนี้ไปทั่วโลก ... ดังสุดก็ที่ไทยนี่แหละครับ สมัย ประกาศสงครามยาเสพติด
ตัวยาบ้านี้ จะไปกระตุ้นเซลประสาทให้หลั่งสารสื่อประสาท norepinephrine, dopamine, serotonin ทำให้การใช้พลังงานของเซลผ่าน ATP ทำงานตลอดเวลา เซลถูกกระตุ้นได้ตลอดเวลา แถมยังกระตุ้นได้มากกว่า การกระตุ้นปกติของร่างกายเป็นสิบๆเท่าเลย
สิ่งที่เกิดขึ้นจากสารสื่อประสาทมากๆ คือ สมองจะอยู่ในภาวะไวต่อการกระตุ้น ใช้พลังงานสูง แต่ว่าก็อาจทำให้ความจำและอารมณ์ผิดปกติ จนไปถึงมีภาพหลอนได้ ส่งสัญญาณหัวใจเต้นเร็ว หัวใจบีบแรงขึ้นโดยไม่จำเป็น
และจากการที่ไปกระตุ้นสมองส่วน ลิมบิก ก็จะทำให้การรับรู้ผิดปกติรวมทั้งมีอาการทางจิตประสาท อย่างที่เราเห็นในข่าวครับ
สมัยก่อน amphetamine ยังไม่ได้ปรับปรุงสูตรก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนี้ แต่เมื่อมาทำเป็น methamphetamines หรือยาบ้าจะเข้าสู่สมองได้ง่าย ทะลุทะลวงไปออกฤทธิ์ที่เซลได้ง่าย แถมยังทนทานต่อการถูกทำลายอีกด้วย เพียงแต่ประสิทธิภาพของมันที่เพิ่ม ไม่ได้ไปเพิ่มสิ่งที่ดีๆ มันไปเพิ่มพิษต่อระบบประสาทโดยเฉพาะจิตหลอน ภาพหลอนมากกว่าอย่างอื่น
พิษเฉียบพลันจากการเสพมากๆ ก็จะมีใจเต้นพิษจังหวะ หลอดเลือดแดงฉีกขาด กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด สับสน กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ประสาทหลอน เลือดออกในสมอง
ส่วนพิษจากการเสพเรื้อรังนานๆ คือเซลประสาทถูกทำลายถาวร อาการทางจิตประสาท หวาดระแวง พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
เราสามารถตรวจสารแมเฟตามีนและสารใกล้เคียงจากการตรวจปัสสาวะครับ
ถ้ามีอาการพิษจากยาบ้ารุนแรง ยาที่ใช้ในการรักษาคือยาแก้ชักกลุ่ม benzodiazepines ครับ ให้สารน้ำให้เพียงพอ อาจต้องเช็ดตัวลดอุณหภูมิกาย ถ้าสับสนวุ่นวายมากให้ยารักษาอาการเพ้อสับสน เช่น haloperidol ได้ครับ แต่อาจทำให้อาการชักเกิดง่ายขึ้น
และต้องระวังอุณหภูมิกายสูงร่วมกับกล้ามเนื้อกระตุกรุนแรงจนถูกทำลาย ไปทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้
ต้องดูแลลูกหลานเยาวชนของเราให้ดีนะครับ อย่าตกเป็นทาสยาเสพติด ถึงแม้นานมาแล้วผมก็ยังชอบคำขวัญนี้ครับ
"ยาเสพติด เป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิษต่อสังคม"
ที่มา : Goldfranks Toxicolgy 10th
10 ธันวาคม 2559
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยม
-
Acute pancreatitis จากที่ตอนที่แล้ว เราได้กล่าวถึงตับอ่อนอักเสบในภาพรวม สำหรับโพสต์วันนี้ขอเล่าถึงในภาพลึกในเชิงปฏิบัติบ้างนะครับ ตามสัญญา...
-
คำถามจากทางบ้าน : น้ำอสุจิมีมดตอม แบบนี้ เป็นเบาหวานไหม อย่างแรกคนที่ถามคำถามนี้เป็นสุภาพสตรี ต้องนับถือในความช่างสังเกตสิ่งรอบตัวจริง ๆ ค...
-
ปฏิบัติการ I/O สะท้านโลก I/O ทางการแพทย์เราคือ intake -- output ปริมาณสารน้ำเข้าออกในร่างกาย ไม่ได้เกี่ยวกับปฏิบัติการข่าวสารอันเลื่องลื...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น