ยารักษาโรคกระดูกพรุน
สวัสดีครับ ผมคิดว่าวันนี้เรามาต่อกันอีกหน่อยนะเรื่องของยารักษากระดูกพรุน
ปัจจุบันนี้ท่านอาจจะได้พบแพ็กเกจการตรวจมวลกระดูกมากมาย
แต่ท่านไม่ได้รับข้อมูลเลยว่าถ้าตรวจผิดปกติแล้วจะรักษาอย่างไร หรือใช้ยาอะไร
ท่านจำเป็นไหม ผลเสียของยามีอะไรบ้าง ข้อมูลเหล่านี้ท่านควรทราบก่อนตรวจนะครับ
ยาที่ใช้รักษากระดูกพรุนนี้ส่วนมากจะมีข้อบ่งชี้ในการรักษาโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเป็นหลักครับ
เราพิจารณากันไปทีละตัวครับ
1. bisphosphonates ยากลุ่มนี้จะช่วยยับยั้งการสลายกระดูก
ในรูปยากินนั้นยาต้องกินตอนท้องว่างๆครับ เพราะมันดูดซึมไม่ดี และในกลุ่มยากินก็จะมีผลข้างเคียงเรื่องกระเพาะอาหารระคายเคืองจนถึงหลอดอาหารอักเสบได้
และตอนนี้ก็มียาฉีดที่ผลข้างเคียงต่ำและให้ยาปีละหนึ่งครั้งได้แล้วด้วย
ใช้ป้องกันกระดูกพรุนได้ทุกแบบทั้งหญิงและชาย (ดูช่างง่ายสำหรับคนสั่งจ่ายยามาก
อิอิ) ในกลุ่มยากินเช่น alendronate,risedronate หรือแบบฉีดปีละ
1 เข็มคือ zoledronate
2.Raloxifene ยานี้เป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนดัดแปลง
คืองี้ อย่างที่กล่าวไปแล้วครับว่าการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้กระดูกพรุน
ซึ่งพบในหญิงหมดประจำเดือน ถ้าเราใส่ฮอร์โมนเข้าไปน่าจะช่วยลดกระดูกพรุนได้
โดยแปลงฮอร์โมนเล็กน้อยให้ออกฤทธิ์ตรงจุดที่ต้องการ เพื่อลดผลข้างเคียงอื่นๆ
เป็นยากินครั้งละ 1 เม็ด
ยานี้ลดได้แต่โอกาสกระดูกสันหลังเท่านั้นนะครับ ไม่ช่วยกระดูกพรุนที่จุดอื่น
และต้องระวังลิ่มเลือดดำอุดตันด้วยครับ
3.Calcinonin สร้างเลียนแบบฮอร์โมน calcitonin
(ช่วยให้แคลเซียมถูกกระดูกดูดซึมไปทำประโยชน์ได้)
แต่เราสังเคราะห์เอามาจากปลาแซลมอน ซึ่งมีทั้งรูปยาฉีดจมูกและยาฉีดใต้ผิวหนัง
ยานี้ป้องกันได้แต่กระดูกสันหลังครับ
4.Teriparatide ยานี้เป็นการใช้พันธุวิศวกรรมสร้าง
ฮอร์โมน parathyroid ของมนุษย์มาใช้สร้างกระดูกเลยครับ
ยาอื่นๆข้างต้นออกฤทธิ์ลดการสลายกระดูกแต่ตัวนี้กระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่เลย เป็นยาฉีดราคาแพง
รักษากระดูกพรุนได้หมดทั้งหญิงและชาย แนะนำใช้ในรายที่ได้ยาอื่นแล้วล้มเหลว
และไม่ใช้ยานี้เกิน 2 ปี เนื่องจากมีรายงานเกิดมะเร็งกระดูกในหนูทดลองที่ได้ยานานๆ
5.Strontium ranelate ยานี้ทั้งลดการสลายและเพิ่มการสร้างทั้งคู่เลย
และมีอิทธิพลต่อพันธุกรรมของเซลล์ควบคุมกระดูกเลย เป็นยากินที่ออกฤทธิ์กลางๆ
ใช้ป้องกันได้ทั้งกระดูกสันหลังและกระดูกอื่นๆ
แต่ใช้เฉพาะหญิงวัยหมดประจำเดือนเท่านั้นครับ
ยังมียาอื่นๆอีกนะครับแต่ห้าตัวนี้คือยาหลักๆ
ปัญหาคือยังไม่มีข้อกำหนดชัดเจนว่าจะกินยาไปถึงเมื่อไร
โดยทั่วไปตามการศึกษาที่ทำก็ 3-6 ปี
ส่วนมากพอหยุดยามวลกระดูกที่เคยเพิ่ม ก็จะลดลง ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ว่าได้ผลดีนี่คือ
ต้องกินอาหารที่มีแคลเซียมเพียงพอ วิตามินดีครบ ออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วยนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น